รีวิวหนังnetflix เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่
ผลงานจากค่าย Studio Ghibli เรื่องล่าสุดของ อิซาโอะ ทาคาฮาตะ เจ้าของผลงาน Only Yesterday, Pom Poko , My Neighbors the Yamadas และเรื่องที่หลายคนน่าจะรู้จัก Grave of the Fireflies หรือ “สุสานหิ่งห้อย” นั่นเอง ดูหนังออนไลน์ เรื่องนี้ ดัดแปลงมาจากตำนานพื้นบ้านเก่าแก่ของญี่ปุ่น ดูหนังฟรี ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10 อย่าง ตำนานคนตัดไผ่ หรือ ตำนานเจ้าหญิงคางุยะ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
เรื่องราวของชายชราผู้มีอาชีพขายไม้ไผ่ รีวิวหนังnetflix เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่
และวันนึงได้พบกับเด็กทารกหญิงขนาดเท่าหัวแม่มือจากกระบอกไม้ไผ่ เขาจึงนำกลับมาให้ภรรยาเลี้ยงดูแล และเรียกเธอว่า ‘ฮิเมะ’ (เจ้าหญิง) มาตลอดจนกระทั่งได้ตั้งชื่อให้สมกับตัวเธอว่า “คะงุยะ-ฮิเมะ” ที่แปลว่า “เจ้าหญิงแห่งราตรีอันเรืองรอง”
ความน่าสนใจของเรื่องนี้ คือ ยังคงใช้เทคนิคการทำอนิเมะ 2 มิติ โดยการวาดมือที่หาดูยากในปัจจุบัน และลายเส้นยังเป็นลายเส้นแบบงานศิลปะโบราณของญี่ปุ่นที่เรียกว่า Chōjū-jinbutsu-giga หรือภาพวาดพู่กันสีน้ำที่คงเอกลักษณ์ของการ์ตูนญี่ปุ่นโบราณ ลายเส้นที่สวย งดงาม และหาดูได้ยากมาก
เริ่มต้นเรื่องด้วยความเรียบง่าย เพลินไปกับลายเส้นสวย งดงาม ด้วยภาพวาดสีน้ำปลายพู่กัน ที่ไม่ใช่แค่แอนิเมชั่น แต่คือการถ่ายทอดงานศิลปะเป็นภาพเคลื่อนไหว ผ่านตำนานของญี่ปุ่นโบราณที่สุดแสนประทับใจ ให้ค่อยดื่มด่ำไปกับความน่ารัก สดใส ในวัยเด็ก แล้วค่อยๆเติบโต ซึมลึกไปพร้อมกับเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ ค่อยๆ เพิ่มระดับอารมณ์เหมือนความคิดของเรา โตไปพร้อมกับตัวละคร จนเมื่อจมดิ่งเข้าสู่ช่วงท้าย ก่อนที่หนังจะจบลง เหมือนกับจะบอกว่า ใดๆในโลกนี้ ย่อมมีจุดสิ้นสุด แต่ที่ยังเหลือไว้คือความทรงจำ ที่ไม่มีสิ่งใดลบเลือนได้
‘เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่’ บอกเล่าถึงครอบครัวคนตัดไผ่ครอบครัวหนึ่งที่บังเอิญได้ไปพบกับเจ้าหญิงองค์น้อยที่อยู่ในหน่อไม้ที่ผุดขึ้นมาจากดิน จึงคิดจะเก็บมาเลี้ยงดูเป็นลูก แต่ร่างกายที่เป็นเจ้าหญิงองค์น้อยๆ กลับกลายเป็นเด็กทารกขนาดปกติของมนุษย์ และเติบโตเร็วอย่างเหลือเชื่อ วัยรุ่นผ่านเข้ามาอย่างไว เธอมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เล่นด้วยกันมาโดยที่ไม่รู้เลยว่า สักวันหนึ่งจะต้องห่างจากกันไกล
แต่แล้วเมื่อคนตัดไผ่ร่ำรวยขึ้นมา ก็เริ่มที่จะจัดองค์ทรงเครื่องให้กับลูกสาว สร้างวังหลังใหญ่ในเมืองหลวง จัดพิธีตั้งชื่อให้ว่า ‘เจ้าหญิงคางุยะ’ ความสวยงามลือเลื่องพาชายมากหน้าหลายตามาขอดูตัวหวังได้ร่วมหอ ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่คางุยะต้องรับมือ พร้อมๆ กับมีบางอย่างที่หนังไม่เปิดเผยกับเรามาก่อน ยิ่งถ้าไม่เคยได้ยินตำนานมา ก็ยิ่งเป็นเซอร์ไพรซ์
ภาพการ์ตูนเรื่องนี้ทำออกมาแนวหนังสือภาพญี่ปุ่นโบราณและลายเส้นสไตล์ นิทานพื้นบ้านมาก
มีการเล่นสีและเล่าเรื่องเสียงประกอบที่ดี ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเปิดอ่านนิทานอยู่เลย ตัวหนังจะว่าด้วยเรื่องราวญี่ปุ่นช่วงยุคเฮอัน…หรือ นาระเนี่ยแหละจำไม่ได้ แต่พอเข้าไปดูอารมณ์มันจะคล้ายๆ นิทานพื้นบ้านอยู่เหมือนกัน จะเล่าด้วยเรื่องราวตามนิทานเปะเลย แต่มีเสริมบางช่วงบางตอน
บอกเลยตอนท้ายๆน้ำตานองอาบ 2 แก้มแน่ ลายเส้นและสีนั้นมีความพิถีพิถันมากมายแสดงให้เห็นถึงศิลปะแบบญี่ปุ่นโบราณ และทำออกมาได้แบบนิทานร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี เสียงพากย์การ์ตูนนั้นทำออกมาได้ไม่มีข้อติอยู่แล้ว ฉากสัตว์และเสียงใบไม้ทำออกมาได้ดีแม้ภาพจะเป็นนิทานและก็ดีความ อาร์ตไปอีกแบบ
หลังจากนั้นสามปี เธอก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในบ้าน โดยเธอทำสวน ปลูกผักและใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ เหมือนอย่างที่เคยเป็น จากนั้นเจ้าชายและเสนาบดีทั้งห้าก็ทยอยมาหาพร้อมนำสมบัติล้ำค่าที่ว่ามาให้ บางคนก็นำของปลอมที่สั่งทำขึ้นมาให้ บางคนก็ตายหรือไม่ก็เป็นบ้า โดยชายที่น่าจะน่าสนใจที่สุดในบรรดาชายทั้งหมด คือชายที่นำดอกไม้มาให้คางุยะและบอกว่า “สิ่งที่เธอต้องการนั้นคือความทุ่มเทและความรักอย่างแท้จริง” โดยเขาได้สาธยายถึงความรู้สึกที่มีต่อเธอและกล่าวว่าจะพาเธอไปใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายให้เหมือนกับต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา ที่ที่จะหัวเราะ ร้องเพลงและนอนหลับอย่างเป็นสุข โดยไม่ต้องสนใจพิธีรีตอง แต่แล้วเธอก็พบว่าชายคนนั้นได้สนใจแค่เพียงหน้าตาที่สวยตามคำร่ำลือของเธอเท่านั้นไม่ได้สนใจถึงความเป็นเธอเลย
หลังจากนั้นเมื่อองค์จักรพรรดิได้ยินคำร่ำลือถึงความสวยของคางุยะและเรื่องที่เธอปั่นหัวขุนนางทั้งห้า พระองค์จึงประสงค์ที่จะให้คางุยะมาเป็นสนม แต่เธอปฏิเสธ พระองค์จึงมาหาเธอที่บ้านและได้ทำการล่วงเกินเธอโดยการสวมกอด เธอไม่พอใจอย่างมาก คางุยะจึงหายตัวเพื่อให้พ้นจากองจักรพรรดิ จากนั้นองค์จักรพรรดิจึงยอมแพ้เพราะเธอไม่ใช่คนธรรมดา จากนั้นเธอเธอเอาแต่มองพระจันทร์และรู้สึกซึมเศร้ามากกว่าเดิม และเธอก็ได้บอกครอบครัวว่า เธอไม่อยากกลับไปที่ดวงจันทร์
หนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกอย่างนี้จริงๆ เหมือนเราค่อยๆโตไปกับหนัง
เปลี่ยนความรู้สึกจากวัยใส เป็นวัยผู้ใหญ่ที่ต้องมีเรื่องคิดและตัดสินใจมากขึ้น มีโลกที่หม่นหมองมากขึ้น และลายเส้นแต่ละช่วง ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก โดยที่ไม่ต้องมีบทพูด ก็สามารถรับรู้ได้ ว่าช่วงเวลาแห่งความสุขภาพวาดจะออกมาเป็นยังไง แล้วเมื่อไหร่ที่เรามีความทุกข์หรือสับสน ลายเส้นจะยุ่งเหยิงขนาดไหน
ทุกภาพบรรจงถ่ายถอดออกมาอย่างลึกซึ้ง เหมือนกำลังนั่งมองงานศิลป์ จมดิ่งเข้าไปในภาพวาด แล้วกลายเป็นภาพเคลื่อนไหว และ Soundtrack ก็เป็นจุดเด่นของค่ายจิบลิ ที่เรื่องนี้ก็ไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ที่แม้แต่เพลงพื้นบ้านง่ายๆ เพลงเดียวกัน ร้องคนละช่วงเวลา แต่ดนตรีให้ความรู้สึกต่างกันลิบลับ
เรื่องราวเกิดขึ้นในญี่ปุ่นโบราณมากก่อนยุคนาระ ชาวบ้านต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่อาศัยอย่างพอเพียงตามวิธีคนธรรมดาเช้ามาตัดฟืนออก หาของป่า ตกปลาและล่าสัตว์ เป็นยุคที่ญี่ปุ่นยังไม่มีการรบราฆ่าฟันกันเท่าไร เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ ครอบครัวหนึ่งที่มีคุณตาและคุณยาย ซึ่งทั้งคู่ก็อายุมากแล้วแต่ยังไม่มีลูก ในขณะที่ชีวิตของทั้งคู่ วนลูปอยู่อย่างเดิม ๆ ไม่เว้นแต่ละวัน วันหนึ่ง
คุณตาก็ได้ไปพบเจอไผ่ต้นหนึ่งที่ส่องสว่างอยู่ปล่องหนึ่ง ด้วยความสงสัยคุณตาจึงได้ไปตัดไผ่และได้ไปพบเจอหญิงสาวตัวเล็ก ผิดมนุษย์ที่นั่งบนดอกบัว ที่คุณตาจึงได้พาเธอคนนั้นไปด้วย ทั้งคู่จึงได้ดีใจยกใหญ่และอุ้มชูเด็กคนนั้นไว้ พร้อมตั้งชื่อให้ว่า คางูยตลอดเวลาหลายเดือน หลังจากนั้น 2 ตายาย จึงได้เลี้ยงดู คางูยะ ราวกับเป็นลูกในไส้ พอคางูยะเติบใหญ่ ก็ได้มีหนุ่ม ๆ จากหลายหมู่บ้านพอทราบข่าวว่าทั้งสองตายายมีลูกสาวเลยพากันมาสู่ขอ ไม่ว่าคางุยะ อยากได้อะไร พวกตายายและพวกหนุ่มสายเปย์ก็จะหามาให้ทุกอย่าง แต่ทำไมกันนะ ทั้งๆที่ชีวิตเธอมีทุกอย่างพร้อมแต่ สายตาเธอถึงได้เศร้านั้นละ
เป็นคำเชิญชวนของเทพซึ่งจี้ใจมาก เพราะโลกมนุษย์เต็มไปด้วยอารมณ์ต่าง ๆ และเต็มไปด้วยผู้คนที่ขับเคลื่อนชีวิตด้วยกิเลสของตน ซึ่งการไม่ละกิเลสอาจจะทำให้เทพมองว่าโลกไม่บริสุทธิ์เต็มไปด้วยอบายมุข แต่คางุยะเห็นต่างว่ามนุษย์เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก มีชีวิตชีวา แต่ทันใดนั้นเทพก็คลุมผ้าแล้วคางุยะก็ลืมเรื่องราวบนโลกทันที (เหมือนเทพอาจจะรู้สึกว่าคางุยะอยู่บนโลกนานเกินไปแล้วจนซึมซับความเป็นมนุษย์มา)
เรื่องที่ขัดใจเล็กน้อยสำหรับ รีวิวหนังnetflix เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่
คือฉากที่ซูเตมารุชวนคางุยะหนีไปด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่ตนเองมีภรรยาและลูกแล้ว ทำให้รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเพราะความโลกสวยส่วนตัวที่อยากให้คางุยะกับซูเตมารุคู่กัน (แบบถูกต้องตามศีลธรรม) แต่ถ้าคิดในอีกมุมคือเหตุการณ์นี้สามารถอธิบายคำว่ามนุษย์ขับเคลื่อนด้วยกิเลสและอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างดีเลยทีเดียว
‘เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่’ บอกเล่าถึงครอบครัวคนตัดไผ่ครอบครัวหนึ่งที่บังเอิญได้ไปพบกับเจ้าหญิงองค์น้อยที่อยู่ในหน่อไม้ที่ผุดขึ้นมาจากดิน จึงคิดจะเก็บมาเลี้ยงดูเป็นลูก แต่ร่างกายที่เป็นเจ้าหญิงองค์น้อยๆ กลับกลายเป็นเด็กทารกขนาดปกติของมนุษย์ และเติบโตเร็วอย่างเหลือเชื่อ วัยรุ่นผ่านเข้ามาอย่างไว เธอมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เล่นด้วยกันมาโดยที่ไม่รู้เลยว่า สักวันหนึ่งจะต้องห่างจากกันไกล
แต่แล้วเมื่อคนตัดไผ่ร่ำรวยขึ้นมา ก็เริ่มที่จะจัดองค์ทรงเครื่องให้กับลูกสาว สร้างวังหลังใหญ่ในเมืองหลวง จัดพิธีตั้งชื่อให้ว่า ‘เจ้าหญิงคางุยะ’ ความสวยงามลือเลื่องพาชายมากหน้าหลายตามาขอดูตัวหวังได้ร่วมหอ ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่คางุยะต้องรับมือ พร้อมๆ กับมีบางอย่างที่หนังไม่เปิดเผยกับเรามาก่อน ยิ่งถ้าไม่เคยได้ยินตำนานมา ก็ยิ่งเป็นเซอร์ไพรซ์
ซีนหนึ่งในช่วงแรกที่ปวดใจหน่อย ๆ สำหรับอนิเมะเรื่องนี้คือซีนที่คางุยะต้องไปเมืองหลวงกับพ่อแม่โดยที่เธอไม่ได้บอกลาเพื่อนและซูเตมารุที่ดูเหมือนจะเป็น “รักแรก” ของเธอ คิดว่าการไปโดยไม่ลาซูเตมารุและเพื่อนในกลุ่มเป็นสิ่งที่ค้างคาใจเธออยู่ไม่น้อย แม้ในตอนหลังเธอจะได้พบกับซูเตมารุและพบว่าซูเตมารุใช้ชีวิตในเมืองโดยการเป็นขโมย มิหนำซ้ำเธอยังเห็นเขาโดนต่อยต่อหน้าต่อตา
The Tale of Princess Kaguya เป็นอนิเมะที่สามารถตีความได้หลายแบบ โดยส่วนตัวมองว่าการกลับไปยังดวงจันทร์ของคางุยะ คือการหลุดพ้นวัฏจักรแบบมนุษย์ การละจากกิเลสไปสู่หนทางที่สงบอย่างที่เธอเคยเป็น อาจจะสื่อถึงการนิพพานด้วยก็ได้ ซึ่งการนิพพานนั้นเป็นเป้าหมายสูงสุดของศาสนาพุทธ หรือถ้าไม่ใช่ศาสนาพุทธอาจจะสื่อถึง “การไปอยู่ในอาณาจักรพระเจ้า”
ในขณะที่ฮายาโอะ มิยาซากิ สามารถเล่าเรื่องแฟนตาซีได้อย่างละมุนละไม ทากาฮาตะก็คือขั้วตรงข้าม
เพราะความถนัดของเขาคือการเล่าเรื่องชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตในโลกที่โหดร้ายใน The Grave of the Fireflies หรือชีวิตครอบครัวธรรมดาๆ ที่ทำให้เรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ใน My Neighbors the Yamadas ภาพยนตร์แอนิเมชันของจิบลิอันดับหนึ่งในใจผม The Tale of Princess Kaguya ก็เช่นเดียวกับผลงานอื่นๆ ของเขา แม้จะสร้างจากตำนานที่แฟนตาซี เขาก็ยังไม่ทิ้งลายการเล่าเรื่องชีวิตได้อย่างงดงาม เราจะได้เห็นและเติบโตไปพร้อมกับเจ้าหญิงน้อย ตั้งแต่เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ จนเติบใหญ่เป็นหญิงสาว และได้เผชิญกับทั้งความสุขสมและความเจ็บปวดของชีวิตและความรัก
งานสีน้ำของจิบลินั้นคือความมหัศจรรย์บนโลกมนุษย์จริงๆ ครับ แค่เวลาเปิดอ่านหนังสือรวมภาพร่างเบื้องหลังแอนิเมชันเรื่องอื่นๆ ซึ่งเป็นสีน้ำก็จะอ้วกเป็นสายรุ้งแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังใช้เทคนิคนั้นทั้งเรื่อง ทำให้เกิดความรู้สึกพลิ้วไหว มีชีวิตชีวา เหมือนกับการรับชมงานศิลปะภาพเขียนญี่ปุ่นแบบเคลื่อนไหวได้ แถมใช้บางฉากภาพแทบจะไม่เหลืออะไรนอกจากลายเส้นถ่านที่สเก็ตช์อย่างหยาบจนไม่เป็นรูปร่าง ปล่อยให้เราได้ใช้จินตนาการ อย่างไรก็ดี แม้ในงานด้านภาพที่ใช้การสเก็ตช์และสีน้ำแบบหยาบๆ นี้จะสวยงามพอๆ กัน แต่น่าแปลกที่พลังในการเล่าเรื่องของเทคนิคนี้กลับด้อยกว่าผลงานขึ้นหิ้งอีกชิ้นของเขาอย่าง My Neighbors the Yamadas