รีวิวซีรีส์ Resident Evil อนาคตที่ซอมบี้เต็มเมือง

รีวิวซีรีส์ Resident Evil อนาคตที่ซอมบี้เต็มเมือง

รีวิวซีรีส์ Resident Evil อนาคตที่ซอมบี้เต็มเมือง

รีวิวซีรีส์ Resident Evil มันมีหนังหลายเรื่องทีถูกสร้างมาจากเกม แต่ก็น้อยครั้งที่จะนำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ อย่างซีรีส์เรื่องresident evil netflix พันทิป ที่นำมาทำให้เราได้ชมกัน แม้ว่าเราอาจจะติดภาพของหนังมาก่อน แต่ครั้งนี้ซีรีส์Resident Evil Season 1 ได้แก้ไขเนื้อหาให้น่าสนใจกว่าเดิมโดยเล่นกับการข้ามทะลุมิติเวลา ไปยังอนาคตอีก10ปีข้างหน้าโดยให้สองสาวฝาแฝดเป็นตัวดำเนินเรื่อง งานนี้จะทำออกมาได้ดีแค่ไหนต้องลองไปชมกันดูที่ ดูหนังใหม่ล่าสุด กันได้เลยนะครับ

Resident Evil พ่อนางเอก

จากหนังสู่ซีรีส์Resident Evil

ผมเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับหนังเรื่องนี้ ที่ถูกสร้างมาหลายภาค จนหนังเริ่มถึงจุดอิ่มตัว เนื้อหาค่อยๆแผ่วลงไปเรื่อง จนไม่ได้รับความนิยมมากเหมือนเดิม งานนี้เขาเลยเอากลับมาทำให้แต่ก็ยังไม่ได้รับเสียงตอบรับมากเท่าที่ควร ตอนนี้ มันได้กลายมาเป็นซีรีส์ฉายทาง Netflix แล้วนะเออ ด้วยชื่อดั้งเดิมว่า resident evil: ผีชีวะ ทีกำลังมีให้ชม และ เป็นกระแสในขณะนี้

ครั้งนี้เราจะต้องลืมภาพจำเก่าๆออกไปให้หมดเกี่ยวกับหนัง เพราะครั้งถูกเอามาทำใหม่หมดเลย เนื้อหาแทบจะไม่เหมือนเดิม นอกจากจำได้ว่า เคยมี มิลล่า โจโววิช เล่นเป็นนางเอกหลายภาค เราจะมาเริ่มต้นกันแบบสดใหม่ด้วยซีซันแรกในแบบฉบับซีรีส์ เรื่องราวที่เขาบอกว่า โลกได้ล่มสลายไปแล้วตั้งแต่ปี 2022 และ อัมเบรลล่าคือสาเหตุของการล่มสลายนั้น

Resident Evil ฝาแฝด

มันเป็นการรกลับมาอีกครั้งของหนังยอดฮิตอย่างResident Evil ที่ครั้งนี้ถูกสร้างขึ้นโดย netflix ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจด้วยความที่ชื่อหนังมันดังอยู่แล้วเมื่อมาผสมกับช่องทางกระจายเข้าถึงคนได้มากกว่าเดิม โดยงานนี้เน็ตฟลิกซ์นั้นดูจะคิดว่ามันต้องไปได้ดี โดยผลิตตั้งแต่แอนิเมะซีรีส์ 4 ตอนจบอย่างResident Evil Infinite Darkness ที่ยกให้ฝั่ง Capcom ที่เป็นทีมงานคุณภาพของญี่ปุ่นมาสร้างแต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร

งานนี้เขาเลยงัดไพ่ใบสุดท้ายออกมมา เพื่อที่จะกอบกู้ให้กลับมาอีกครั้งแฟรนไชส์นี้ก็คือซีรีส์ที่กลับมาใช้ชื่อเรียบ ๆ ง่าย ๆ ว่า Resident Evil และ คุมงานสร้างโดย คอนแสตนตินฟิลม์ เจ้าของเดียวกับแฟรนไชส์หนังฉบับแอนเดอร์สัน สามารถไปชมเพิ่มได้ที่ รีวิวหนังnetflixยอดนิยม รับรองว่าจะเพลินแน่นอน

รีวิวซีรีส์ Resident Evil เรื่องย่อสองไทม์ไลน์

เรื่องราวในซีรีย์Resident Evil Season 1 เรื่องย่อครั้งนี้เขาเลือกที่จะเล่นกับช่วงเวลา โดยแบ่งออกเป็นสองไทม์ไลน์ หนึ่งคือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสองพี่น้องฝาแฝดวัย 14 ปี อย่าง เจด และ บิลลี่ เธอทั้งสองคนนั้นถูกเลี้ยงดูโดยพ่อของเขา อัลเบิร์ต เวสเกอร์ ทั้งสามเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในนิวแรคคูนซิตี้ ต้องปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ โรงเรียนแห่งใหม่ แต่ขณะเดียวกันก็อยู่กับความสงสัยและ อันตรายจากบางสิ่งที่หลุดออกมาจากอัมเบรลล่า

สองสาวรู้ว่าพ่อของพวกเธอทำงานอยู่ที่อัมเบรลล่า บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผันตัวมาจากข่าวอื้อฉาว และ ความผิดพลาดครั้งเก่า สู่การปฏิวัติครั้งใหม่ภายใต้การนำของเอเวลีน สร้างภาพลักษณ์นักผลิตยาผู้หาญกล้าเปลี่ยนโลก

Resident Evil มันมาก

ทว่าดูท่าจะไม่พ้นการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับทีไวรัส ยาตัวใหม่ที่อัมเบรลลากำลังวิจัย และ ผลิตยังคงมีทีไวรัสซึ่งเป็นต้นตอของอาการประหลาด และ น่ากลัวจนกลายเป็นหายนะเมื่อมนุษย์มากมายต้องล้มตาย จนเป็นภัยอันตรายที่ใหญ่ระดับหนึ่ง

ส่วนไทม์ไลน์ที่สองนั้น เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอีกสิบกว่าปีข้างหน้า โลกเหลือประชากรมนุษย์อยู่เพียง 15 ล้านคน นอกเหนือจากนั้นอีกกว่า 6 พันล้านได้กลายเป็นมนุษย์ที่ติดเชื้อทีไวรัส และ เจดในวัยสามสิบยังคงดิ้นรนอยู่ในโลกที่เลวร้าย เพราะมันไม่ได้มีแค่มนุษย์ที่ติดเชื้อ แต่ยังมีสัตว์หลายสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์จะมีขนาดใหญ่โต และ ดุร้าย เธอจะเอาตัวรอดไปได้อย่างไรในโลกใบนั้น ติดตามรีวิวหนังที่น่าสนใจอย่าง Slumberland ก็สนุกไม่แพ้กัน

Resident Evilพี่น้องที่ความคิดไม่ตรงกัน

เมื่อซีรีส์เลือกเดินเรื่องด้วยการสลับไปมาระหว่างสองไทม์ไลน์ สิ่งที่จะทำให้เรื่องราวมันเดินสมูธคือการเขียนบทในสองไทม์ไลน์มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างแนบชิด ในความคิดส่วนตัวของผมนั้นคิดว่าเป็นเป็นงานหยาบพอสมควร เพราะดูจากซีรีส์หลายเรื่องที่ตกม้าตายไปตามๆกัน กระนั้น ซีรีส์อย่าง ผีชีวะ netflix ก็ยังหาญกล้าจะใช้กลวิธีการเล่าแบบนั้น อาจเป็นเพราะว่าเขาคิดว่าเนื้อเรื่องอาจจะเดินไปต่อได้ จนเกิดความน่าสนใจ

ระหว่างรับชมไป ขณะที่เรากำลังให้ความสนใจความเป็นไปของไทม์ไลน์หนึ่ง ซีรีส์ก็ตัดมาให้เราทำความเข้าใจอีกไทม์ไลน์ โดยที่ต่างก็เดินไปตามเส้นทางของตัวเอง สองเหตุการณ์ที่ตัดสลับแทบจะไม่ได้เกี่ยวพันกันสักเท่าไรแค่เป็นตัวละครชุดเดียวกัน

สิ่งที่พอจะเห็นบ่อยในไทม์ไลน์แรกก็คงจะเป็นสองพี่น้อง เขาทั้งคู่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรนัก เพราะความคิดของทั้งคู่ไม่ค่อยเหมือนกัน ส่วนไทม์ไลน์ที่สอง กลับต่างกันสิ้นเชิงพลิกผัน เจดต้องหลบหนีการตามล่าของอัมเบรลลาไปเรื่อยๆ

ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ในช่วงต้นของซีรีส์ไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร เพราะคนดูจะต้องตั้งใจทำความเข้าใจกับเนื้อเรื่องมากพอสมควร ซึ่งก็มาให้ได้สมใจในตอนที่ 4 แต่ก็เป็นเพียงตอนเดียวเองที่สนุก ก่อนที่จะกลับไปดราม่าระหว่างพี่น้อง และ คุณพ่อผู้ปิดบังทุกอย่างนั่นอีกครั้ง

สัตว์ยักษ์ดุร้ายใน ผีชีวะ

ส่วนตัวก็มองว่า เพราะเรื่องราวมันเกี่ยวข้องกับการโกหกปิดบังที่มีอยู่ในทุกตัวละคร การเลือกเล่าแบบสองไทม์ไลน์คงน่าจะฉุกชวนให้คนสนใจติดตามเรื่องราวได้มากกว่า แต่กว่าจะทุกอย่างจะเริ่มเฉลยก็ต้องผ่านครึ่งซีซันไปประมาณหนึ่งแล้ว จึงพอมองเห็นว่าเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตมันส่งผลต่ออีกเหตุในสิบกว่าปีต่อมายังไง แต่อย่างไรก็ดี แม้จะชวนให้ตื่นเต้นขึ้นมาบ้างกับค่อยมีความเป็นresident evil netflix พากย์ไทย ขึ้นมาบ้างในช่วงหลัง ซีรีส์ก็ยังคงเดินไปอย่างที่ไม่ชวนให้รู้สึกอะไรเช่นเดิม

สิ่งที่พอจะเห็นได้นั้น คงเป็นความคิดของผู้นำคนใหม่ของอัมเบรลลา ถึงแม้จะได้รับผลกะทบมากเพียงไหน เดือดร้อนยังไง คนล้มตายจำนวนมากก็ตาม แต่เอเวอลีน มาร์คัส ก็ยังคิดแค่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำคือการเปลี่ยนโลก เทคโนโลยีของตนคือการช่วยให้มนุษยชาติก้าวพ้นความหม่นหมอง ทั้งๆ ที่มันคือการเอาไวรัสที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดผลร้าย ทั้งมีตัวอย่างกลุ่มใหญ่เบิ้มให้เป็นประจักษ์แล้วก็ตาม

อีกสิ่งที่ชวนให้เรื่องราวมันน่าตื่นตา นอกเหนือจากเหล่ามนุษย์ผู้ติดเชื้อที่บ้าคลั่ง และ การวิจัยเพื่อทำความเข้าใจพวกเขาแล้ว การที่นำเอาสัตว์ร้ายตัวใหญ่ยักษ์ใสเข้านั้นมันก็เลยดูทำให้ซีรีส์น่าสนใจยิ่งขึ้น ทำให้โลกในResident Evil ไม่ได้มีแต่สุนัขติดเชื้อเท่านั้น สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในผีชีวะภาคซีรีส์บนเน็ตฟลิกซ์เวอร์ชันนี้ คือ เพลงประกอบที่ค่อนข้างดี มีแต่เพลงที่เรารู้จัก และ มีมากพอจะกลายมาเป็นเพลย์ลิสต์ที่ฟังได้เพลิดเพลิน

ตัดสลับจนปรับอารมณ์ไม่ถูกในResident Evil

แม้ว่าจะมะพอมีจุดที่น่าชื่นชมอยู่บ้างสำหรับResident Evil Season 1พากย์ไทย ฉบับซีรีส์ครั้งนี้คงเป็นเรื่องราวการได้ใช้ชีวิตจริงในเมืองแรคคูลซิตี้ มีการสื่อให้เห็นกิจวัตรประจำวันต่าง รวมไปถึงหมู่บ้านที่ทางอัมเบรลลาใช้ในการเซอร์วิสประชากร และ ควบคุมชีวิตไปพร้อม ๆ กัน แต่ข่าวร้ายคือเนื้อหาส่วนใหญ่มักวนเวียนอยู่ที่โรงเรียนไฮสคูล และ แน่นอนมันก็วนซ้ำมาที่พลอต บิลลี เวสเกอร์ ถูกบูลลี่จากในโรงเรียน

แต่ผมก็ไมม่ค่อยเข้าใจมากนักว่าทำไมซีรีส์ของ netflix ชอบเอาเรื่องราวไปเกี่ยวกับ โรงเรียน ทั้งที่เรื่องนี้แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ โรงเรียนก็ตาม มิหนำซ้ำนอกจากแค่ให้เรารู้ว่ามีอะไรผิดปกติกับบิลลีกับพาให้เจดไปรู้จักกับ ไซมอน ที่แสดงโดยหนุ่มหล่อ คอนเนอร์ โกซาตติ แฮกเกอร์หนุ่มที่ช่วยเจดเจาะระบบของอัมเบรลลาก็แทบไม่มีความจำเป็นใด ๆ กับเรื่องราวเท่าไหร่นักจนเหมือนซีรีส์ไปเสียเวลาเล่าเรื่องตรงนี้โดยใช่เหตุ

จุดพังของซีรีส์ก็คงจะเป็นการเลือกเล่าเรื่องตัดสลับไปมาของซีรีส์ เพราะในเวลานี้กำลังพูดถึงเจดในวัย 30 แทบจะไม่มีความคืบหน้าเลยถึงซีรีส์จะผ่านไปแล้วถึง 3 ตอนแล้วก็ตามการตัดสลับฉากที่กำลังระทึกขวัญกลับมาเล่าเรื่องวัยรุ่นมีปัญหา 2 คนหลายครั้งก็สร้างความรำคาญอย่างช่วยไม่ได้

จนทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นจุดที่คอยดึงให้อารมณ์ที่กำลังไต่ระดับของคนดูถูกฉุดแบบหลายครั้ งแทบจะหักอารมณ์เกินไปด้วยซ้ำ และ กว่าเรื่องราวจะมาชนกันระหว่างอดีตกับปัจจุบันก็ปาไปตอนที่ 5 แล้ว และ คนดูยังต้องมาทนกับซีนที่ดูเหมือนฉลาดแต่กลับชวนส่ายหัวมากมาย

ความรู้สึกหลังดู Resident Evil

ส่วนอีกจุดที่ถือว่าเป็นความพังของซีรีย์Resident Evil Season 1เต็มเรื่อง คงเป็นการเอาซีนต่าง ๆ ที่เคยประสบความสำเร็จในบรรดาซีรีส์ของ Netflix มาใส่แบบไม่สนใจอะไรเลย นอกจากฉากชีวิตไฮสคูลแสนระทมของ บิลลี เวสเกอร์ ที่เหมือนหลุดมาจากซีรีส์ซอมบี้เกาหลีตามที่ได้กล่าวมาแล้ว มันยังจับยัดซีนชวนเหวอมากมายทั้งสัตว์ประหลาดหนอนยักษ์ตอนต้น ฉากแมงมุมยักษ์ตอนต่อมาไปจนถึงฉากจระเข้ยักษ์ออกอาละวาด แล้ว ซีรีส์ยังเต็มไปด้วยซีนที่ชวนปวดขมับอีกเพียบ

อย่างที่ตอนที่ 5 เลยที่ผมจะยกตัวอย่าง เป็นตอนที่สองพี่น้องต้องตามหากระเป๋าของพ่อเขา อัลเบิร์ต เวสเกอร์ เขานั้นได้ซ่อนไว้ ผมนึกว่าเอาการไขปริศนามาจากซีรีส์ดังอย่าง ลูแปง หรือหนังแฟนตาซีอีกอักโข จนรู้สึกว่าแทนที่จะต้องเสียเวลาโชว์ตวามฉลาด น่าจะเอาเวลาไปเล่าเรื่องในส่วนของเจดในพาร์ตปัจจุบันมากกว่า นี่ยังไม่พูดถึงอยู่ดี ๆ เจดก็ไปโผล่ในลัทธิประหลาดแบบงง ๆ อีกนะ

ด้วยการพยายามสร้างปมดราม่าในครอบครัวเวสเกอร์ก็ดูจะเป็นส่วนที่ทำให้เห็นเลยว่า ทีมเขียนบทไม่ได้ใส่ใจ และ ลงลึกกับมันมากพอ ผลที่ได้คือเราเลยเห็นแค่เจดวัยเด็กที่ดูเป็นเด็กมีปัญหาและ บิลลีที่ดูเป็นเด็กเก็บกด แต่ไม่ต้องห่วงนะครับทั้งคู่สร้างความน่ารำคาญให้คนดูได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย มิหนำซ้ำเมื่อเรื่องราวตัดสลับไปปัจจุบันยังเหมือนตัวละครเป็นคนละคน และ ห่างไกลกันจนเหมือนตัวละครอยู่กันคนละมิติด้วยซ้ำ พาให้คนดู อาจจะสับสนไปบ้าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *