รีวิวซีรี่ย์netflixมาใหม่ เรื่อง เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น

ดีจ้าา วันนี้เรามารีวิวซีรี่ย์จาก netflixมาใหม่ เรื่อง เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น (อังกฤษ: Heartstopper) เป็นซีรี่ย์แนวโรแมนติก – คอมเมดี้ และดราม่า ดัดแปลงจากนวนิยายเว็บคอมิกและนวนิยายภาพในชื่อหยุดหัวใจไว้ที่นายโดยอลิซ โอเซแมน สามารถดูได้แล้วที่ ดูหนังออนไลน์ หรืออ่านรีวิวหนังก็ได้ แต่ถ้าใครที่ไมอยากโดนสปอย ก็สามารถข้ามไปดูหนังได้เลย

เรื่องย่อ Heartstopper

เรื่องราวของ heartstopper netflix เรื่องย่อ เริ่มต้นขึ้นจาก ชาร์ลี (รับบทโดย โจ ล็อก) หนุ่มน้อยตัวเล็กสุดเนิร์ดเขานั้นได้เปิดเผยกับตัวเองว่าเขานั้นเป็นเกย์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานั้นเขาเจอแต่คนและความรักที่ปลอม ๆ ทำให้ชาร์ลีนั้นผิดหวัง แต่เขาก็เป็นคนที่ช่างฝันและหวั่นไหวกับอะไรได้ง่าย จนวันหนึ่งในวันเปิดเทอมวันแรกเขาได้บังเอิญเจอกับ นิค (รับบทโดย คิทคอนเนอร์) หนุ่มหล่อน่ารัก มีดีกรีเป็นถึงมือโปรนักกีฬาชมรมรักบี้ ซึ่งทั้งคู่ก็ได้รู้จักและสานสัมพันธ์จากมิตรภาพกลายเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยเรื่องราวความรักครั้งนี้ของทั้งสองจะเป็นอย่างไร?

ในเรื่อง heartstopper ซับไทย เป็นซีรีส์ LGTBQ ที่พูดถึงเรื่องราวความรักของวัยรุ่น โดยถูกสร้างมาจากการ์ตูนชื่อดังบนเว็บของนักเขียนชาวอังกฤษ Alice Oseman ซึ่งมีฉบับแปลตีพิมพ์เป็นหนังสือในไทยชื่อว่า‘หยุดหัวใจไว้ที่นาย’ และต่อมาทาง Netflix ก็ไก้ทำการซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างเป็นซีรีส์ที่มีชื่อว่า “เธอทําให้ใจฉันหยุดเต้น พากย์ไทย” มีความยาวประมาณ 8 ตอน

แม้ว่าซีรีส์แนวบอยเลิฟแบบ Heartstopper จะไม่มีความแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่ก็มีความแปลกใหม่กับทางฮอลลิวูดอยู่ไม่ใช่น้อย และแน่นอนค่ะว่าหากพูดเรื่องซีรีส์วายก็ยังคงวน ๆ เวียน ๆ กับปัญหาเก่า ๆ แพทเทิร์นเดิม ๆ อาทิเช่นการถูกบูลลี่ การค้นหาตัวตนจริง ๆ อีกทั้งยังเสริมในเรื่องของ การเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ รวมถึงเรื่องของ Friendship ความสัมพันธ์ของเพื่อน ซึ่งทางเราเลยไม่รู้ถึงความแปลกใหม่ตรงจุดนี้สักเท่าไหร่แถมบทในเรื่องยังดูอ่อน ๆ ไปไม่สุดในบางฉาก ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าคนสร้างนั้นตัวหนังที่สร้างอยากให้มีการสื่อสารทำให้คนดูไม่เครียดกับตัวหนังมากนัก

และถ้าเป็นหนังหรือซีรีส์ต้นฉบับของ Netflix บอกเลยว่าในแง่ของงานสร้างนี่ไม่ต้องพูดถึง สีสัน อารมณ์และโทนที่สดใสดีมากในแง่ของแอ็คชั่น รูปร่างและเส้นสายที่สื่อถึงอารมณ์ ทำให้คุณดูดีโดยไม่ดูเบา นอกจากนี้ในแง่ของการจับคู่สีมีทั้งหมด 10 ครั้งหนึ่ง ชาร์ลีและนิคยืนกางร่มท่ามกลางสายฝน นอกจากความสนุกแล้ว เรายังเห็นว่าการจับคู่สีของร่มและสไตล์เสื้อผ้าของตัวละครทั้งสองใช้สีเดียวกันอีกด้วย มันดีสมชื่อ Netflix จริงๆ รวมถึงอีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยนั่นคือ เพลงประกอบซีรีส์นี้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สวยงามที่สุดและเล่นกับอารมณ์ของผู้ชมได้อย่างดี

เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น

พล็อตเรื่อง เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น

เนื้อเรื่องติดตามเกย์เนิร์ด ชาร์ลี (โจ ร็อค) ที่ได้พบกับ นิค (คิท คอนเนอร์) นักฟุตบอลหนุ่ม ทั้งสองสร้างมิตรภาพที่ยากจะพรรณนา และต่างคนต่างจัดการกับปัญหาชีวิตและหัวใจด้วยวิธีที่ต่างกัน

คุณจะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรใหม่ วิธีที่เกย์เข้าหาความรักอย่างตรงไปตรงมา แต่สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดังมากก็คือเรื่องราวความรักของวัยรุ่น LGTBQ ที่ชัดเจนแต่มีรายละเอียด เจาะลึกสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นเกย์ ไม่ใช่แค่ผู้ชมที่ชื่นชอบแนวเพลง แต่จะต้องได้รับความนิยมอย่างมากอย่างแน่นอน แต่สำหรับคนดูทั่วไปแล้ว เรื่องนี้ยังคงเป็นละครรักวัยรุ่นที่สนุก สดใส น่ารักมากๆ ท้าให้คุณดูแค่ตอนแรกของตอนแรก แล้วคุณจะรู้ว่าซีรีส์นำเสนอเรื่องราวและองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมโดยไม่รู้ว่าพวกเขาถูกบังคับให้ดูเป็นเกย์ แต่อย่างใด

สิ่งที่เรื่องนี้ทำได้ดีที่สุดคือความสามารถพิเศษอันล้นเหลือของตัวละคร สื่อถึงความรู้สึกของทุกคู่รักที่ตกหลุมรัก Poppy Love ทุกคนเริ่มต้นจากมิตรภาพในฐานะเพื่อนก่อนที่จะพัฒนาเป็นความรักในธรรมชาติของวัยรุ่นความโปร่งใสของตัวละครเอก Charlie เป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับคนที่เขา รู้สึกรัก ผ่านภาษากาย ความคิด พฤติกรรม ที่แสดงออก แต่ไม่ทำลายมิตรภาพที่มีต่อนิก ทำให้นิครู้สึกทึ่งในความดีของชาร์ลี ผู้ชมจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของนิคจากเด็กตลกกลายเป็นผู้ชายที่สับสน (ผู้ใหญ่) และพยายามค้นหาว่าเขาเป็นเกย์หรือไม่ เรื่องราวค่อยๆ ถ่ายทอดผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อชาร์ลีกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยแสดงความรักต่อนิค

นอกจากในมุมของนิคที่เป็นพระเอกของเรื่องนี้แล้ว ตัวนางหรือนายเอกแสนดีชาร์ลีก็มีมุมเรื่องราวที่แอบกดดันลึกๆ ในใจอยู่ตลอดเวลา ทั้งปมจากคนรักเก่าที่อยู่ในโรงเรียนด้วยกัน ความรู้สึกผิดที่ตัวตนเกย์ทำให้คนที่เขารักอาจจะต้องอึดอัดและเสียสังคมเพื่อนกับความเป็นตัวเองไปจากการที่มาสนิทสนมกับเกย์ ซึ่งตัวเรื่องถ่ายทอดปมความรู้สึกเหล่านี้ออกมาได้อย่างกินใจ ให้ผู้ชมได้รับรู้เข้าใจปมเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งนอกจากผู้ชมจะเห็นใจแล้วก็จะรู้สึกชื่นชมในตัวละครเกย์แบบชาร์ลีมาก ซึ่งเชื่อว่าเกย์ส่วนใหญ่ก็น่าจะมีปมความรู้สึกนึกคิดแบบในเรื่องนี้ แต่ไม่เคยมีเรื่องไหนพยายามถ่ายทอดออกมาละเมียดละไมแบบเรื่องนี้ (จากประสบการณ์ที่ดูหนังเกย์มาพอสมควร) เพราะมักจะข้ามไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากกว่าปมด้อยตัวตนความเป็นเกย์ที่ส่งผลต่อคนที่เขารัก

และคู่อื่นๆ ก็น่าสนใจพอๆ กับคู่รอง ซีรีส์นี้จะพาผู้ชมไปสำรวจความหลากหลายทางเพศของวัยรุ่นยุคปัจจุบันอย่างสนุกสนาน มันซับซ้อนอย่างมืดมน เมื่อวัยเด็กของ Nick รักเด็กสาวผิวสีที่มีจูบแรก แต่เธอโตเป็นเลสเบี้ยน เรื่องราวสร้างจากความรู้สึกที่แท้จริงของนิคเกี่ยวกับตัวเขาเองเมื่อเขาเริ่มชอบชาร์ลี แต่อดีตชอบเธอมาก หรือเขาจะเป็นกะเทย? ในขั้นตอนนี้ หญิงสาวจะกลายเป็นผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับตัวตนและนำเสนอตัวเองต่อสังคม มันยังส่งผลต่อหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ เรื่องราวนำเสนออารมณ์ของวัยรุ่น เลสเบี้ยน และเรื่องราวเกย์ของ Charlie และ Nick สองคู่รักที่ยังคงเข้ากันได้ดีในเรื่อง

เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น

มุมมอง บท และโปรดักชั่นองค์ประกอบต่างๆ

นอกจากนี้แล้วในมุมของมิตรภาพระหว่างเพื่อนในแก๊งค์ของชาร์ลีเองที่มีกัน 4 คนก็ถูกนำเสนอออกมาแบบให้ความสำคัญกับเรื่องราวหลักมาก โดยเฉพาะ เทา (รับบทโดย William Gao) ที่เป็นกระเทยสาวจ๋านิสัยแรงๆ (ไม่แน่ใจว่าผู้เขียนใช้คำผิดไหมเพราะในเรื่องก็ไม่ได้บอกว่าเป็นเพศไหนตรงๆ) ที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนมากที่สุด คาดหวังไม่ให้ชาร์ลีต้องเจ็บปวดกับการไปรักนิค แต่ตัวเทาเองกลับได้รับผลกระทบจากความหวังดีแบบเกินไป จนกลายมาเป็นปมดราม่าระหว่างเพื่อนที่ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครมาคบเท่าไหร่ เพราะเป็นตัวแปลกแยกถูกกลั่นแกล้งบูลลี่ในโรงเรียนอยู่แล้ว

นอกจากนี้เทายังมีตัวละครที่แอบชอบเอลลี่ (ยาสมิน ฟินนีย์) แฟนสาวผิวดำในแก๊งและเก็บซ่อนความรู้สึกของเธอไว้ กลายเป็นว่าหนักกว่าการเป็นเกย์ใน Hiding Love ที่ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะจบลงตรงไหน เพราะ Elle ให้ความสำคัญกับมิตรภาพมากกว่าความรู้สึกของเธอเอง ในหมู่พวกเขา บทบาทของเทาและเอลลี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก บังเอิญแซงหน้าทั้งคู่ในเรื่องไป

อีกทั้งการถ่ายทำ โปรดักชั่น องค์ประกอบต่างๆของเรื่องก็ดูเท่และทันสมัย มักใช้คือการใช้ตัวการ์ตูนเพื่ออธิบายเรื่องราว ไม่ใช่ความรู้สึกของตัวละครในขณะนั้น ไม่ใช่ตัวกรอง เสริมเติมอารมณ์ให้ตัวละครดูน่ารักขึ้น โทนสีอ่อน ๆ เข้ากับภาพในเรื่อง เรื่องราวทั้งหมดให้ความรู้สึกที่ดีและแม้ว่าเรื่องราวจะมีดราม่าเศร้า ๆ แต่ก็เป็นเรื่องจริง แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเครียดแต่อย่างใด เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบที่เพิ่มเข้ามา มันทำให้เรื่องราวดูนุ่มนวลขึ้น

เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น

จุดด้อยของซีรี่ย์ Heartstopper

สิ่งนี้มีข้อเสีย แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่จุดที่แย่ เป็นเรื่องราวแนวรักดราม่าที่เข้าทาง มีการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน ปัญหาของชายกับหญิงถูกลดทอนลงในเรื่อง จริง ๆ แล้วนำเสนอโลกที่สดใสและสวยงามตามโจทย์ของผู้เขียนต้นฉบับโดยเฉพาะสำหรับผู้อ่านกลุ่มดังกล่าว ไม่มีใครต้องการละครเกย์เศร้าๆ หนักๆ เพราะชีวิตจริงก็เป็นแบบนั้นเสมอ สำหรับผู้ฟังที่อยู่นอกวงอาจรู้สึกว่าเรื่องเบาบางเมื่ออ่านจบแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเบา เรื่องราวน่าสนใจมากและสะท้อนความจริงของข้อเท็จจริง เพียงแต่ว่าซีรีส์ไม่ได้เลือกที่จะเน้นเนื้อเรื่องหนักๆ ขายอย่างเดียว (แต่ไม่มี จะไม่มี)

บอกเลยว่าเป็นซีรีส์ที่ดีม้ามืดมากเรื่องหนึ่ง netflix อยู่ในระยะหลังซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นซีรีส์ที่บอกต่อกันแบบปากต่อปาก ไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน แม้ว่าคุณจะไม่คิดว่านี่คือผู้ชม คุณอาจต้องการทดสอบก่อนตัดสินใจอีกครั้ง

ประเด็นหลักของซีรี่ย์ เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น

ธีมใหญ่ของ เธอทําให้ใจฉันหยุดเต้น heartstopper พากย์ไทย คือความรักของเพศเดียวกัน โดยเฉพาะรักร่วมเพศที่เกิดขึ้นในวัยเรียน. กลุ่มอายุที่ต้องการการยอมรับจากเพื่อนมากที่สุด

ไม่สามารถพูดได้ว่าวิธีที่ตัวเอกของชาร์ลีเข้ากับผู้คนรอบตัวเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่เป็นกรณีศึกษาที่อย่างน้อยก็ช่วยให้เยาวชนทุกคนมั่นใจว่า “เราก็ไม่ต่างจากคนอื่น” แม้ว่าเราจะรักเพศเดียวกันก็ตาม ซึ่งรวมถึงกรณีอื่น ๆ ของการรับรู้ถึงความแปลกแยก

หากเราละทิ้งร่างกายดั้งเดิมที่เป็นเพศของเรา สิ่งที่เหลืออยู่คือ “คน” และแน่นอนว่าต้องมองความสัมพันธ์ในแง่ของเพศ ไม่สามารถใช้เป็นข้อแก้ตัวในการแยกความรักระหว่าง “คนหนึ่ง” กับอีก “คน” ได้ เพราะร่างกายเหล่านั้นมอบความรักให้กันด้วยความเสน่หาเท่านั้น ไม่ได้มาจากเครื่องเพศที่คุณมีมาแต่กำเนิด

นอกจากปัญหาเรื่องเพศและบุคลิกภาพของวัยรุ่นแล้ว สิ่งที่ซีรีส์นี้มีให้แสดงอย่างเหมาะสม บ่อยครั้งที่พวกเราทุกคน (เมื่อก่อนเป็นวัยรุ่น) ตั้งคำถามกับการเลี้ยงดูของเราเอง “เราโตเกินวัยหรือยัง”

เมื่อไหร่วัยรุ่นจะรู้ว่าพวกเขาพร้อมสำหรับการเติบโตขั้นต่อไป? นี่เป็นคำถามที่เป็นปัญหาโลกแตกที่ไม่สามารถตอบได้ เพราะความพร้อมในการเติบโตของแต่ละคนไม่เท่ากัน มีหลายๆ ปัจจัย ทั้งครอบครัว เพื่อน แม้กระทั่งสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมให้เราเป็น

ชาวกรีกโบราณเติบโตขึ้นก็ต่อเมื่อพวกเขาได้รับการยอมรับจากผู้อื่นเมื่อถึงวัยที่กำหนด แต่กฎนี้อาจใช้ไม่ได้ในยุคนี้ แล้วเราจะนับอะไรเป็น “การเติบโต” ในเมื่อไม่มีใครบอกได้ว่าเราโตหรือยัง? พร้อมหรือไม่พร้อม (เป็นผู้ใหญ่) ความขัดแย้งใดที่จะทำให้เรารู้ว่าเราก้าวข้ามอุปสรรคของเยาวชนแล้ว และยังคงเติบโต

แม้ว่าอาจไม่สามารถพูดได้อย่างแน่ชัดว่า “สิ่งนั้น” คืออะไรที่ทำให้เราตัดสินตัวเองว่า “ฉันโตแล้ว” ซีรีส์ Heartstopper นี้อาจมีคำตอบสำหรับหลายๆ คน พ้นวัยนี้ไปแล้วหรือ? ? นำเสนอวิธีการยอมรับว่าเราเป็นใครและเราเป็นใครผ่านการกระทำของตัวเอกของเรา อย่างน้อยที่สุดเราต้องยอมรับว่า “สิ่งนั้น” คือตัวเรา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *