รีวิวหนังnetflix The Commuter
เลียม นีสัน แสดงเป็นพนักงานขายประกันภัย ที่มีชื่อว่า ไมเคิล วันหนึ่งในระหว่างการเดินทางอันแสนปกติของเขา ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามตารางเวลาเช่นเคย หลังจากได้รับการติดต่อจากบุคคลลึกลับ ไมเคิลถูกบังคับให้เปิดโปงตัวตนของผู้โดยสารคนหนึ่งในขบวนของเขาให้ได้ก่อนที่จะถึงป้ายต่อไป เขาต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อไขปริศนา จนกระทั่งเขาค้นพบว่าแผนการร้ายแรงที่กลายเป็นอาชญากรรมกำลังเกิดขึ้น เขาต้องจัดการปัญหาทุกอย่างให้ได้โดยมีชีวิตของตัวเองและผู้โดยสารในขบวนเป็นเดิมพัน ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
ก่อนอื่นเลยนี่คือหนังที่ผมคับข้องใจในชื่อไทยมากที่สุด รีวิวหนังnetflix The Commuter
ดูหนังจบก็ยิ่งไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมหนังถึงใช้ชื่อว่า นรกใช้มาเกิด หนังว่าด้วยเรื่องราวของลุงเลียม ที่รับบทเป็นชายขายประกันที่เดินทางไปกลับที่ทำงานด้วยรถไฟทุกวันเป็นปกติจนกระทั่งวันนึงมีหญิงสาวลึกลับมาชวนคุยและยื่นข้อเสนอให้ตามหาคนคนนึงบนรถไฟ โดยมีค่าตอบแทนให้หากทำสำเร็จ ประจวบกับลุงเลียมแกร้อนตังพอดีแถมยังอยากรู้อยากเห็นเลยเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวสุดวุ่นวายที่เขาไม่มีวันลืม ดูหนังออนไลน์
นี่คือ 1 ในภาพยนตร์จากซีรี่ย์ การคมนาคมกับเลียมนีสัน แน่นอนล่ะว่าที่ผมพูดแบบนี้ เพราะหนังแทบมี step การดำเนินเรื่องคล้ายหนังหลายต่อหลายเรื่องหน้านี้ของเขา อาธิ Non-Stop เป็นต้น ยิ่งตัวละครนี่คุณแทบแยกไม่ออก บางครั้งผมคิดว่าอาจเพราะลุงเลียมเหมาะกับบทแบบนี้มากก็ได้ แต่บางทีก็รู้สึกเหมือนเขา reuse character sheet ไปเรื่อยๆ รวมไปถึงบท เพราะเหมือนเปลี่ยนแค่เปลือกนอกเล็กน้อยแต่เนื้อในแทบเหมือนเดิม ดูหนังฟรี
แต่ให้ตายเถอะ หนังก็ยังดูสนุก และเพลินพอใช้ได้ประมาณนึง โดยที่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบู๊อะไรมาก แต่ลูกล่อลูกชนที่ดูเหมือนจะมั่วๆ แต่มันกลับทำให้เราคาดเดาไม่ได้ อยากรู้ว่าท้ายที่สุดจะมาไม้ไหน จะลงยังไง นี่คือความสนุกหลักของหนัง โอเคว่าช่วงท้ายอาจเดาง่าย แถมยังหาทางลงง่ายไปหน่อย (บางช่วงนึกว่าดู murder on the orient express) แต่ก็นั่นแหละปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังสนุกประมาณนึงเลยทีเดียว
สิ่งแรกที่เราควรพูดถึงภาพยนตร์เรื่อง Commuter นรกใช้มาเกิด
ก็คือพล๊อต ซึ่งถูกวางเอาไว้ได้ค่อนข้างดี แต่จบไม่ค่อยสวย เรารู้ว่าคนเขียนบทต้องการจะทิ้งเงื่อนงำเอาไว้ให้มีภาคต่อได้ แต่มันกลับทำให้คุณค่าของเรื่องราวทั้งหมดดูดรอปลงไปมากเลย ถ้าหากว่าตัดจบเป็นตอนที่คดีคลี่คลายได้หมดแล้วซะยังจะดีกว่า เพราะแบบนั้นมันจะรู้สึกสุดกว่า การจบแบบตัวเอกดูเก่งกาจเกินไป ทั้งๆ ที่ดูด้อยมาทั้งเรื่อง มันทำให้ความสมจริงมันลดลงไปมาก แต่อย่างไรก็ดี การซ่อนเงื่อนเอาไว้ก็ทำได้โอเคนะ เพราะคนที่ไมเคิลต้องตามหานั้นดูเหมือนจะทำตัวได้กลมกลืน จนกลืนหายไปกับทั้งเรื่องเลยล่ะ และถ้าถามว่าใครแสดงได้ดีที่สุดในเรื่องนี้ เราว่าดาราสมทบคนสุดท้ายที่ไมเคิลต้องตามหาตัวให้เจอนี่แหละ แสดงได้สมบทบาทที่สุดแล้ว
ในส่วนของอารมณ์ของเรื่อง เราบอกเลยว่ามันยากที่จะพูดถึง เพราะถ้าพูดตามตรง เราว่ามันยังไม่ถึงมาตรฐาน เหมือนกับดูคลื่นซัดเข้าหาชายฝั่งไปเรื่อยๆ อย่างไรจุดมุ่งหมาย อีกส่วนหนึ่งก็คือ พระเอกสูงวัยของเรานั้นไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกทางหน้าและแววตามากเท่าที่ควร ทำให้อารมณ์มันส่งมาไม่ค่อยจะถึงคนดูเท่าไหร่ หรือแม้แต่กระทั่งตอนที่ฝ่ายผู้ร้ายจะจับภรรยาและลูกของไมเคิลเป็นตัวประกัน ทั้งภาพและเสียง ดูยังไงก็ไม่น่ากลัวสักนิด นี่ขนาดดูเป็นภาค Original Soundtrack แล้วก็ยังเฉยๆ มาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงของตัวละคร ที่ดูจะเรียบเฉยมากจนเกินไปนั่นเอง
โดยรวมแล้วเรามีความสุขมากเลยทีไฟโรงหนังเปิด เพราะในที่สุดมันก็จบลงได้สักที แล้วก็แอบเสียดายค่าตั๋วด้วยหน่อยๆ แต่เพราะอาทิตย์นี้ไม่ค่อยมีหนังใหม่อะไรที่น่าสนใจมากนัก เราก็เลยต้องตัดสินใจมาดูเรื่องนี้แทน บอกได้คำเดียวว่าผิดหวัง เพราะเราคาดว่า Commuter นรกใช้มาเกิด น่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้นั่นเอง
ไมเคิลหนุ่มใหญ่นักขายประกัน ที่ไป-กลับบ้านและที่ทำงานทุกวันด้วยรถไฟจนเป็นกิจวัตร จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่ได้พบหญิงสาวแปลกหน้าผู้ลึกลับ ไมเคิลถูกบีบให้เปิดโปงตัวตนของผู้โดยสารคนหนึ่งก่อนที่จะถึงสถานีสุดท้าย เขาต้องแข่งกับเวลาเพื่อแก้ปริศนา ไม่นานเขาตระหนักได้ว่าเขาได้กลายเป็นส่วนของแผนร้ายวินาศกรรมที่ต้องเอาชีวิตของเขาและผู้โดยสารอีกเป็นร้อยมาเดิมพัน
หนังเปิดมาด้วยเรื่องราวแบ็คกราวน์ของ ไมเคิล ไม่ยาวมาก บอกแค่ว่าไมเคิลมีปัญหาอะไร ทำไมถึงต้องยอมรับข้อเสนอ แล้วพอขึ้นไปบนขบวนรถและเจอกับตัวละครปริศนาอย่าง โจแอนนา แล้ว หนังก็เริ่มสืบสวนกันอย่างสนุก ซึ่งในตอนสอบสวนเนี่ยหนังหลอกคนดูไปมาได้อย่างน่าติดตาม มีตัวลละครหลอกออกมาให้สงสัยหลายคน อารมณ์หนังจะค่อยๆ พีคขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่หนังเฉลยตัวคนร้าย ซึ่งตรงจุดนี้หนังทำได้ค่อนข้างดีและน่าตื่นเต้นมากๆ
ฉากแอ็คชั่นในเรื่องมีเรียกว่านับฉากได้ แต่ฉากลองเทคช่วงเกือบๆ
จะท้ายเรื่องทำได้สุดยอดเอามากๆ ลุ้นกันเหนื่อย ซึ่งถึงแม้จะมีฉากแอ็คชั่นน้อยมมากในเรื่อง แต่ฉากนี้ก็เป็นฉากต่อสู้ที่ยาวมาก และทำได้มันส์จริงๆ ดูแค่ฉากนี้ก็คุ้มละ ถือว่าลุงเลียมแกยังมีน้ำยาอยู่มีจุดนึงที่เป็นสิ่งที่หนังทำได้ดีและไม่ดีในจุดเดียวกันคือเรื่องของการผูกปมปริศนาให้กับหนังตั้งแต่ต้นเรื่อง สาวปริศนาอย่าง โจแอนนา ที่ทำได้ลึกลับน่าติดตาม แต่พอถึงตอนที่ต้องขมวดปมและเฉลยทุกสิ่ง หนังกลับทำเหมือนรีบให้มันจบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยเฉพาะตอนจบ มันจบแบบนั้นเลยเหรอ ง่ายไปป่าว
สรุปจบในย่อหน้านี้ว่า Taken เวอร์ชั่นบนรถไฟครับ เพราะพล็อตแทบจะคล้ายกันเป๊ะๆ (ที่จริงหลังๆ มาลุงเลียมชอบรับงานปะไรประเภทนี้ที่มันคล้ายๆ กันเลยให้ความรู้สึกว่า เหมือนลุงเล่นภาคต่อ Taken อยู่เนืองๆ) ก็ค่อนข้างตามสูตรหนังแอ๊คชั่นพระเอกลุยเดี่ยวที่เราเคยดูมาแล้วทั้งนั้นเลยครับ มีตั้งแต่พระเอกที่กำลังตกที่นั่งลำบาก ต้องมาป๊ะเจอกับเรื่องร้ายๆ ที่ถูกบีบบังคับบนสถานการณ์ปิดตายไร้หนทางช่วยเหลือ เหล่านี้มีบรรจุอยู่ในหนังเรื่องล่าสุดนี้แล้วครับ
ถ้าเทียบกับผลงานคล้ายๆ กันก่อนหน้านี้อย่าง Non-stop ก็เป็นแนวไล่ล่าหาผู้ร้ายบนเครื่องบินไล่ล่าหาความจริงเหมือนกัน ระทึกขวัญเหมือนกัน ก็ต้องบอกว่า… Non-stop ดีกว่านิดนึง แต่ The Commuter ก็ยังมีดีตรงที่เล่าเรื่องได้ค่อนข้างกระชับ ไม่น่าเบื่อ มีการบิ้วท์อารมณ์คนดูให้เกิดความสงสัยตลอด ผสานกับความตื่นเต้นระทึกๆ คิวบู๊เข้มๆ มันส์ๆ ก็เลยทำให้เป็นงานที่น่าติดตามอีกเรื่องหนึ่ง แม้ลุงเลียม นีสันจะอยู่ในวัยที่โรยราลงแล้วก็ตาม ซึ่งนั้นทำให้คิวบู๊แต่ละฉากมีความสมจริง ดุเดือด โหด ทุลักทุเลเพราะพระเอกแก่ขนาดนี้จะให้เตะต่อยผู้ร้ายแบบหมัดสองหมัดแล้วล้มก็คงยาก มันก็ต้องทั้งฟัดทั้งเหวี่ยงกันทั้งคู่แบบนี้ล่ะ มันถึงจะได้ลุ้น ความมันส์ ความระทึกอันนี้คือหายห่วงได้ สนุกแน่นอน
หนังแอคชั่นของลุงเลียมอีกเรื่อง เรื่องย่อๆคือลุงเลียมในเรื่องนี้เป็นคนที่เดินทางด้วยรถไฟมาเป็น 10 ปี คุ้นเคยกับคนที่ขึ้นประจำจนหมด เป็นหนังที่ปูพื้นนานพอสมควร เพื่อให้ลุงเลียมมีพื้นฐานที่แน่นขึ้นว่าทำไมถึงต้องบู๊ และทำไมถึงเก่งเพียงนี้แม้จะเป็นชายสูงวัยแล้วก็ตาม เอาจริงๆมันเหมือนเรื่องนี้เขียนบทมาเพื่อให้ลุงแกได้แสดงมากกว่า
พลอตเรื่องไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไร ทิ้งปริศนาชวนให้สงสัย แต่การคลี่คลายก็ไม่ได้มีอะไรชวนว้าว แถมตอนจบยังเฉลยไม่ค่อยเคลียร์ให้สมกับปมที่ทิ้งไว้เท่าที่ควร โดยรวมเลยไม่มีอะไรโดดเด่นสักอย่าง คือฉากแอคชั่นก็ไม่ว้าว ดูไม่ค่อยเน้นด้วย แต่พอไปดูส่วนปริศนาก็ทำออกมาได้ไม่ดีอีก
ที่หนักสุดคือ เมื่อดูภาพรวมทั้งหมดแล้ว หนังเรื่องนี้ทำให้เชื่อได้ยาก ว่ามันจะเป็นแบบนี้จริง
คือมันมีหลายจุดที่เรียกได้ว่าเป็น Plot Hole และไม่มีความสมเหตุสมผลใดๆเลย นอกจากจะให้ลุงเลียมขึ้นมาบู๊บนรถไฟ ถึงจะต้องทำบทหนังแบบนี้นี่แหละ ไมเคิลพยายามจะออกจากรถไฟพร้อมกับเงิน แต่ถูกวัยรุ่นสาวหยุดไว้พร้อมซองจดหมายที่มีแหวนแต่งงานของภรรยาซึ่งเขาบอกว่าเป็นการเตือน ไม่สามารถติดต่อภรรยาของเขาทางโทรศัพท์ได้เขาเข้าหาเพื่อนร่วมเดินทางของวอลต์อย่างสุขุมโดยเขียนบันทึกบนหนังสือพิมพ์เพื่อติดต่อตำรวจ
ไมเคิลทิ้งข้อความเสียงของเมอร์ฟีที่อธิบายสถานการณ์และได้รับโทรศัพท์จากโจแอนนาที่ข่มขู่เขาและครอบครัว เธอบอกเขาว่ารถไฟเต็มไปด้วยกล้องที่ซ่อนอยู่และเมื่อมองออกไปข้างนอกซึ่งเขาเห็นว่าวอลต์ถูกผลักไปข้างหน้ารถบัสที่กำลังเคลื่อนที่และถูกฆ่าตาย โจแอนนาชี้ไมเคิลไปที่เครื่องติดตามGPSในเสื้อแจ็คเก็ตของเขาเพื่อปลูกบน Prynne
ไมเคิลเป็นผู้นำวงดนตรีเพื่อประกาศว่าเขามีแผนจะค้นกระเป๋าของผู้หญิงคนหนึ่ง ชายคนหนึ่งออกจากรถทันทีและไมเคิลตามไป แต่ชายคนนั้นโจมตีเขาและไมเคิลวางเครื่องติดตามไว้ เมอร์ฟีโทรกลับและอธิบายว่า Prynne เป็นพยานสำคัญในการฆ่าตัวตายของเจ้าหน้าที่เมือง Enrique Mendez ซึ่งทำให้ Michael รู้ว่า Prynne จะถูกฆ่าและ Michael กำลังถูกตั้งค่า
ในสายการบินร้างไมเคิลค้นพบร่างของคนที่เขาปลูกติดตามบนและป้ายเผยให้เห็นเขาเป็นเอฟบีไอตัวแทน โจแอนนาโทร. ลงโทษไมเคิลเพราะทำเครื่องหมายคนผิดและเตือนว่าผู้โดยสารอีกคนรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัยของเขาต่อตำรวจซึ่งหยุดรถไฟเพื่อสอบสวน ไมเคิลซ่อนศพไว้ใต้รถม้า แต่เสียเงิน 25,000 ดอลลาร์
การก่อวินาศกรรมเครื่องปรับอากาศของรถไฟ รีวิวหนังnetflix The Commuter
เขาบังคับให้ผู้โดยสารที่เหลืออยู่ในขบวนรถคันสุดท้ายและตระหนักถึงผู้โดยสารอีกคนโอลิเวอร์ได้สังหารเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ โอลิเวอร์เปิดเผยว่าเขาได้รับคำสั่งเดียวกันนี้ในราคา 100,000 ดอลลาร์ แต่มีคำสั่งให้ฆ่า Prynne เมื่อไมเคิลระบุตัวเขา / เธอ พวกเขาต่อสู้ไมเคิลโยนโอลิเวอร์ออกไปนอกหน้าต่างฆ่าเขา “Prynne” ถูกเปิดเผยว่าเป็นเด็กสาวอายุ 16 ปีชื่อโซเฟียซึ่งเป็นผู้เก็บข้อมูลที่กล่าวหาบุคคลที่มีอำนาจ เจ้าหน้าที่กำลังพาเธอไปคุ้มครองพยานที่ป้ายสุดท้ายของรถไฟ โซเฟียเผยว่าเอ็นริเก้ลูกพี่ลูกน้องของเธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสังหาร
โจแอนนาเรียกร้องให้ไมเคิลฆ่าโซเฟียเพื่อครอบครัวของเขา แต่เขาปฏิเสธและโจแอนนาจุดชนวนระเบิดเพื่อทำให้รถไฟตกรางและฆ่าทุกคนบนเรือ ไมเคิลช่วยผู้โดยสารด้วยการปลดแคร่สุดท้ายที่ทางโค้งในรางรถไฟ แต่แซมผู้ควบคุมวงคนหนึ่งถูกฆ่าตาย ไมเคิลสั่งให้ผู้โดยสารปิดหน้าต่างแคร่ด้วยหนังสือพิมพ์เปียกก่อนที่กองกำลังตำรวจจำนวนมากจะมาถึง สมมติว่าไมเคิลจับรถไฟเป็นตัวประกันเจ้าหน้าที่จึงส่งเมอร์ฟีไปเจรจากับเขา เมื่อเข้าไปในรถม้าเมอร์ฟีเผยตัวเองโดยไม่รู้ตัวว่าเป็นตำรวจโกงที่ฆ่าเอ็นริเก้และเขากับไมเคิลต่อสู้แบบประชิดตัว Michael ลบแท็ก ID อิเล็กทรอนิกส์ของ Murphy ซึ่งระบุว่าเขาเป็น “มิตร” ต่อวิสัยทัศน์ด้านการระบายความร้อนของเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งผลให้ Murphy ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น Michael และถูกยิงเสียชีวิต
โซเฟียเล่าสิ่งที่เธอรู้ให้เอฟบีไอฟังส่วนไมเคิลถูกผู้โดยสารคนอื่น ๆ กลั่นแกล้งขณะที่เอฟบีไอช่วยเหลือครอบครัวของเขา อดีตกัปตันของเขายอมรับว่าเมอร์ฟีและเจ้าหน้าที่ทุจริตคนอื่น ๆ ถูกสอบสวนและเสนองานคืนให้กับไมเคิล ไมเคิลเปิดเผยว่าเขาเก็บฮาร์ดไดรฟ์ที่กล่าวหาว่าโซเฟียมอบให้เขา หลังจากนั้นไม่นานโจแอนนาขึ้นรถไฟกลับจากชิคาโกเมื่อไมเคิลเผชิญหน้าเธอแสดงตรานักสืบของเขาและเตรียมจับกุมเธอ
ซีนแอ๊คชั่นจริงๆ อาจจะไม่ได้เยอะเเบบล้นทั้งเรื่องแต่ก็มีมาให้เรื่อยๆ ไม่ขาด เพราะหนังจริงคงเน้นไปที่สถานการณ์การสืบหาต้นต่อที่เเท้จริงของพระเอกบนรถไฟอ่ะครับ ส่วนเนื้อหาอาจดูเหมือนจะสลับซับซ้อนอะไรมากมายแต่จริงๆ ก็ง่ายต่อการคลายปมและก็จบลงแบบแฮปปี้ เอนดิ้ง บางครั้งอาจดูเหมือนง่ายไปด้วยซ้ำ แต่ก็เอาเถอะ สำหรับผมแล้ว ถือว่าได้มาดูหนังแอ๊คชั่นที่นานๆ ทีจะทำออกมากได้กลมกล่อมเกือบจะทุกส่วน