รีวิวหนังnetflix Words Bubble Up Like Soda
รีวิวหนังnetflix Words Bubble Up Like Soda เรื่องราวแบบ Boy Meets Girl ในฉบับแอนิเมชันญี่ปุ่นสีสันจัดจ้าน เมื่อ เชอร์รี่ เด็กหนุ่มขี้อายที่ทำงานดูแลผู้สูงอายุในห้างบังเอิญชนเข้ากับ สมายล์ เน็ตไอดอลคนดังจนทำมือถือสลับกัน และกลายเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักวัยรุ่นสุดซาบซ่าในช่วงฤดูร้อนที่ทั้งสองคนจะต้องจดจำตลอดไป เว็บดูหนัง
อนิเมะน่ารัก ๆ ของคนขี้อาย ที่เยียวยาหัวใจคนมีปมให้ลุกขึ้นสู้ฤดูร้อน กลอนไฮกุ และความทรงจำแสนวิเศษในช่วงข้ามคืน Words Bubble Up Like Soda Pop ถ้อยคำเอ่อล้นด้วยหัวใจรัก โปรเจกต์อนิเมะครบรอบ 10 ปีของสตูดิโอ Flying Dog (ผู้สร้าง Carole & Tuesday) ที่ได้ผู้กำกับอนิเมะซีรีส์เรื่องเยี่ยม You Lie In April มาทำหน้าที่กำกับ
พร้อมพาคุณก้าวออกจากเซฟโซน ออกค้นหาใครสักคนที่ยอมรับสิ่งที่คุณเป็นผ่านเรื่องราวของ เชอร์รี่ เด็กหนุ่ม ขี้กลัวผู้หลงรักในการแต่งกลอนไฮกุ แต่กลับไม่มีความกล้ามากพอ ที่จะอ่านมันออกมาให้ใคร ๆ ได้ฟัง และเน็ตไอดอลสาวขี้อาย สไมล์ ที่เก็บซ่อนฟันกระต่ายของเธอไว้ใต้แมสก์ ไม่ให้ใคร ๆ เห็น การพบเจอโดยบังเอิญเปลี่ยนฤดูร้อนที่จำเจให้กลายเป็นความทรงจำที่พวกเขาไม่มีวันลืม เว็บดูหนังฟรี
Words Bubble Up Like Soda Pop อาจไม่ใช่อนิเมะที่หวือหวา พาคนดูท่องโลกแฟนตาซี สัมผัสปาฏิหาริย์ หรือเหตุการณ์เรียกน้ำตาเหมือนอนิเมะเรื่องอื่น ๆ ทุกอย่างตั้งขึ้นบนโลกของความเป็นจริง จนให้ความรู้สึกเหมือนนั่งดูชีวิตของหนุ่มสาวที่ค่อย ๆ เติบโตในช่วงฤดูร้อน ทำให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกของ Words Bubble Up Like Soda Pop อาจไม่ทัชใจคนดูตั้งแต่แรกพบ แต่เรื่องราวและความรู้สึกของพวกเขาจะค่อย ๆ แทรกซึมลงไปในความรู้สึกของคนดู
จนเริ่มผูกพันธ์กับตัวละครเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว พร้อมพาคนดูไปสัมผัสอารมณ์เหงาของคนมีปมผ่านสองตัวละครหลัก เชอร์รี่ และ สไมล์ ที่แม้พวกเขาจะมีเพื่อนอยู่ข้าง ๆ คอยซัพพอร์ตตัวตนของเขาอย่างจริงใจ แต่กลับไม่มีความมั่นใจในสิ่งตัวเองรักเลย เรื่องราวของเขาและเธอจะโอบอุ้มความรู้สึกของคนกล้า ๆ กลัว ๆ ให้ลุกขึ้นมายืนหยัดและภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองให้มากกว่าที่เคย และตอบรับแรงซัพพอร์ตจากคนรอบข้างเพื่อเดินหน้าต่อไป ซึ่งเส้นเรื่องการออกตามหาแผ่นเสียง “ยามะซากุระ” ยังช่วยเสริมให้ประเด็นหลักและแข็งแรง และสมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วย งานภาพของ Words Bubble Up Like Soda Pop เต็มไปด้วยความสดใส ด้วยความสดของสีที่เลือกใช้ให้ความรู้สึกเหมือน Summer Wars และงานของ ทาคาชิ มุราคามิ (มีความเป็นกราฟิกหน่อย ๆ ) แม้จะช่วยให้เรื่องราวมีความสดใสและสร้างความอบอุ่นได้ดี แต่ในทางกลับกันก็ทำให้ฉากดราม่ากระแทกอารมณ์บางฉากดรอปลงไป
และยังโดดเด่นด้านการออกแบบศิลป์ที่เอาสตูดิโอ Signal MD ที่เคยทำหนังอย่าง ‘Ride Your Wave’ (2019) ซึ่งใครเคยดูเรื่องที่ว่าน่าจะไม่แปลกใจกับสไตล์จัดจ้านที่ส่งมายังหนังเรื่องนี้ด้วย โดยยังผลิตร่วมกับสตูดิโอ Sublimation ที่มีผลงานแอนิเมชันซีรีส์ทางเน็ตฟลิกซ์อย่าง ‘Dragon’s Dogma’ (2020) ไปหมาด ๆ และยังได้ อิชิกูโระ เคียวเฮ ผู้กำกับแอนิเมชันทีวีซีรีส์ชุด ‘Psycho-Pass’ (2012) มากำกับ และได้ ซาโตะ ได ที่เคยเขียนบทหนัง ‘Casshern’ (2004) มาเขียนบทให้ด้วย ก็สมกับเป็นโปรเจกต์ใหญ่ของค่ายที่มีชื่อในวงการแอนิเมชันอย่าง Flying Dog อยู่ไม่น้อยเลย หนังฟรี
อนิเมะฉลองครบรอบ 10 ปีของค่าย FlyingDog ที่มาลง Netflix โดยตรง เป็นเรื่องราวของ “เชอร์รี่” เด็กหนุ่มที่ชอบแต่งกลอนไฮกุเพราะตัวเองเป็นคนขี้อาย ไม่ชอบพูดคุยกับใคร ทำงานพิเศษอยู่บ้านพักคนชรา กับ “สไมล์” เด็กสาวร่าเริงแต่มีปมเกลียดฟันกระต่าย จนต้องสวมแมสก์ปกปิดไว้ ทั้งคู่มาพบกันโดยบังเอิญ และต่างก็เริ่มตกหลุมรักกัน แต่ก็ไม่กล้าแสดงความในใจนั้นออกมา
ตัวเนื้อหาหลักของเรื่องเป็นการผจญภัยเล็กๆ ของทั้งคู่ตามหาแผ่นเสียงในยุคอดีต ที่เกิดจากคุณลุงในบ้านพักดูแลคนชราตามหามันไม่เจอ และเหม่อมองเดินตามหาไปเรื่อยๆ ทุกคนวันจนเป็นปมปริศนาว่าแผ่นเสียงนี้คืออะไร ทั้งคู่จึงเริ่มสืบเสาะหาเรื่องราวของแผ่นเสียงนี้จากภาพปกที่เห็น และสุดท้ายก็ได้รู้หญิงสาวนักร้องบนปกคือใคร ซึ่งก็มีฟันกระต่ายเหมือนนางเอกสไมล์ในปัจจุบัน แต่บอกเลยว่าความลับของเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายอย่างที่คิด
ผู้สร้างอาจจะตั้งใจให้เรื่องเรียบง่ายตามสไตล์กวีไฮกุที่เป็นคำสั้นๆ ต่อกัน แต่การที่เรื่องราวทุกอย่างในเรื่องดูเรียบง่าย เบาๆ ไปหมด แม้กระทั่งช่วงท้ายเรื่องที่ควรจะมีอะไรพีคหน่อย แต่เนื้อเรื่องก็ยังเบาๆ ง่ายๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจบยังไงตามสูตรเกร่อๆ ที่ใช้กันมาตลอดกับแนวเรื่องความรักของวัยรุ่นทั่วไป จนรู้สึกว่าการที่ค่ายขึ้นต้นโปรโมทว่าอนิเมะฉลองครบรอบ 10 ปีเป็นการหลอกอย่างหนึ่ง เมื่องานที่ออกมามันธรรมดามากๆ แถมพวกฉากก็ดูลวกๆ เหมือนตั้งใจแค่เป็นฉากประกอบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่อาจจะดูมีไสตล์ของตัวเองดีเท่านั้น
จะเล่าถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเชอรี่ แม้ว่าชื่อของเขาจะเหมือนกับเด็กผู้หญิงแต่เขานั้นก็เป็นเหมือนกับเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไปแต่ออกจะขี้อายกว่าปกติสักเล็กน้อย เขาชื่นชอบการแต่งกลอนไฮกุเป็นอย่างมาก และด้วยความที่เป็นคนขี้อายทำให้เขานั้นมักจะเก็บตัวไม่ค่อยพูดคุยกับใคร ส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาไปกับการทำงานพิเศษในบ้านพักคนชราที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้ไปทำงาน
รีวิวหนังnetflix Words Bubble Up Like Soda
ในวันหนึ่งเขาได้บังเอิญพบกับเด็กสาวผู้หนึ่งที่มีชื่อว่าสไมล์ แปลว่าชื่อของเธอจะแปลว่ารอยยิ้มแถมตัวเธอนั้นยังเป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความร่าเริงแจ่มใส แต่เธอกลับมีปมในใจที่ทำให้รู้สึกเกลียดฟันกระต่ายของตัวเองเป็นอย่างมาก ทำให้เธอนั้นมักจะสวมหน้ากากอนามัยเพื่อปกปิดปากและฟันของเธอเอาไว้อยู่เสมอ หนังใหม่
หลังจากที่ได้พบกันครั้งแรกทั้งสองคนก็ได้บังเอิญพบกันอีกหลายครั้งจนทำความรู้จักกันและเริ่มตกหลุมรักกันในเวลาต่อมา แต่ด้วยความที่คนหนึ่งก็ขี้อายอีกคนหนึ่งก็รู้สึกมีปมในใจที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจตลอดเวลา ทำให้ความรักของพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่ความรักที่เก็บซ่อนเอาไว้ยังไม่กล้าเปิดเผยออกมา บทสรุปความรักของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปต้องไปติดตามรับชมในภาพยนตร์
หนังมีเส้นเรื่องหลักเกี่ยวกับเชอร์รี่ เด็กหนุ่มอินโทรเวิร์ตที่รักการแต่งกลอนไฮกุเป็นชีวิตจิตใจ แต่กลอนไฮกุมันดูไม่ค่อยเท่สมวัยเลย บวกกับความขี้อายเขาจึงเลือกเขียนกลอนไฮกุลงโซเชียลมีเดียส่วนตัวที่ไม่มีใครสนใจเพียงอย่างเดียว ด้านสมายล์เด็กสาวเน็ตไอดอลที่ดังตั้งแต่เด็ก ซึ่งโตมาแล้วเกิดอายในฟันกระต่ายที่เคยภูมิใจจนต้องใส่แมสก์ปิดบังไว้ตลอดเวลา ตรงนี้ก็จับเอาความกังวลของวัยรุ่นญี่ปุ่นมาเล่นเป็นพลอตได้น่าสนใจไม่น้อย เชื่อว่าน่าจะโดนใจวัยรุ่นญี่ปุ่นพอสมควรเลย
แม้เส้นเรื่องที่ว่าอาจตามสูตรสำเร็จไปหน่อย แต่ด้วยตัวละครสมทบมากมายที่เสริมเรื่องให้วุ่นวายและฟีลกู้ดขึ้นก็ไม่ทำให้เรื่องน่าเบื่อเลย และโดยเฉพาะเส้นเรื่องรองเองก็สนุกไม่น้อย เมื่อทั้งคู่ได้มาทำงานที่ศูนย์บริการเอกชนที่ดูแลผู้สูงอายุเวลากลางวันของห้างในเมืองชนบท แล้วคุณตาที่ความจำเริ่มเสื่อมคนหนึ่งก็คอยตามหาแผ่นเสียงที่หายไปของตนเอง ทำให้การช่วยตามหาแผ่นเสียงให้คุณตาและเรียนรู้ที่มาที่ไปของแผ่นเสียงแผ่นนั้น ก็ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์และบุคลิกตัวละครไปได้แบบลื่นไหล
ข้อเสียอีกอย่างที่เห็นชัดเลยคือ การตัดฉากเล่าเรื่องแบบข้ามๆ จนดูแปลกๆ อย่างเช่น ตอนแรกที่ทั้งคู่หยิบมือถือสลับกันแล้วนัดเจอกันพร้อมเพื่อนๆ ก็ไม่มี โผล่มาอีกทีคือได้มือถือคืนแล้ว ทั้งๆ ที่ฉากนี้ควรจะมีให้ดูเป็นพิเศษ เพราะเป็นการพบหน้ากันจริงจังครั้งแรก แถมเรื่องยังตัดแบบลวกๆ จู่ๆ ทั้งคู่ก็เดินกลับบ้านด้วยกันสองคนเฉย โดยที่เพื่อนๆ ทั้งแก๊งหายไปหมด ซึ่งอะไรในลักษณะแบบนี้มีหลายครั้ง และก็เป็นฉากที่ค่อนข้างสำคัญว่าต้องมีแต่กลับไม่มี แม้คนดูจะรู้เรื่องและเข้าใจเพราะเนื้อเรื่องมันเบาๆ ง่ายๆ แต่การตัดเรื่องข้ามไปแบบนี้กลับทำให้อารมณ์ซึมลึกของเรื่องหายไปหมด เป็นอนิเมะที่ดูเหมือนจะตั้งใจอินดี้ติสๆ แต่ก็ไม่ได้ให้อารมณ์ลึกซึ้งอะไรมากมาย ยกเว้นคนจะอินกับอะไรแปลกๆ แบบนี้ ดูหนังฟรี
ต้องบอกว่าผิดหวังที่คิดว่าเรื่องราวจะมีอะไรพิเศษ ตัวเรื่องทำให้รู้สึกเหมือนจะมีอะไรพิเศษ แต่กลับไม่มีอะไรเลย เดินเรื่องแบบเรียบๆ เบาบางไปกับทุกอย่างที่นำเสนอออกมา จนจบแบบไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ไม่ได้ดูน่าเบื่อถึงขั้นจะหลับ ถือว่าแค่พอดูแก้ขัดได้เท่านั้น
ทั้งยังสอดแทรกเรื่องของสังคมผู้สูงอายุในแบบประเทศที่เขาเจริญด้านการดูแลแล้วอย่างญี่ปุ่น มันก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจ และปลูกฝังให้เยาวชนกลุ่มที่แอนิมเชันมีทัศนคติที่ดีในเรื่องผู้สูงอายุด้วย อันนี้สอดแทรกมาได้เจ๋งมาก ไม่เพียงแค่เรื่องกลอนไฮกุที่อาจมองว่าโบราณ แต่ในเรื่องนี้ก็ถูกเอามาใช้เป็นกิมมิกที่เท่มาก ๆ โดยตัวกลอนไฮกุเองจะว่าไปแล้วก็เป็นวัฒนธรรมที่ร่วมสมัยอยู่ในตัวแล้ว พอเอามาใช้กับเรื่องรัก ๆ ของวัยรุ่นก็ได้รสชาติแปลกตาไม่น้อย
สิ่งที่น่าเสียดายของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกหนึ่งอย่างคืองานภาพ งานภาพในอนิเมชั่นเรื่องนี้จะเป็นงานภาพ 2 มิติงานเส้นสไตล์ญี่ปุ่นตามปกติธรรมดาทั่วไป แต่ลายเส้นค่อนข้างจะบางเบาเป็นพิเศษ เน้นใช้สีสันฉูดฉาดเป็นหลัก บางฉากออกแบบมาไม่ค่อยดีทำให้มันค่อนข้างดูแข็งทื่อ แม้ว่าสีสันฉูดฉาดจะช่วยสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับภาพยนตร์แต่มันก็ดูหลอกตาเกินไปในบางครั้ง แม้ว่าลายเส้นจะมีความสวยมากแค่ไหนแต่มันก็ยังไม่สามารถมากลบข้อด้อยจุดนี้ได้ ดูหนังออนไลน์