รีวิวหนังnetflix Wonder
ออกัสต์ พูลล์แมน (แสดงโดย เจค็อบ เทรมเบลย์) เป็นเด็กชาย ป. 5 ที่มีแขน ขา และหัวใจ หนังฟรี ที่ฝันอยากเป็นนักอวกาศออกไปสำรวจรอบโลก แต่เขากลับต้องติดอยู่ในบ้านเพื่อเรียนโฮมสคูลเพราะใบหน้าของเขาแตกต่างจากคนอื่น หนังใหม่ ใช่แล้ว เขาเป็นตัวประหลาด (Freak) และเขารู้ตัวดี ทุกสายตาที่เหลือบมองมาและเบือนหนีไปในเสี้ยววินาที ดูหนัง คำถามเกี่ยวกับหน้าตาที่เหมือนสร้างมาเพื่อให้เขารู้สึกแปลกแยก เด็กๆ ที่ร้องไห้เมื่อเห็นเขา ดูหนังออนไลน์ หรือกระทั่งพ่อแม่ที่ปฏิบัติกับเขาอย่างพิเศษต่างกับเด็กคนอื่นๆ จนอดคิดไม่ได้ว่าคนที่มองเขาว่าเป็นปกติมีเพียงแค่เดซี่ หมาของเขาเอง ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
เรื่องราวเริ่มยากลำบากขึ้นเมื่อเขาต้องเข้าโรงเรียนครั้งแรก แน่นอนว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา ไม่ใช่สายตาแห่งความชื่นชม แต่เป็นสายตาแห่งความรู้สึกที่ต่างกันไป จนกระทั่งเขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นตัวประหลาด ร่างสุดยอดไปในที่สุด ดูหนังฟรี
สิ่งที่น่าสนใจของ Wonder ในฉบับภาพยนตร์เรื่องนี้ รีวิวหนังnetflix Wonder
คือการฉายให้เห็นมุมมองของตัวละครแต่ละตัว บางคนอาจมีปมแผลในใจและต้องการปกป้องตัวเองด้วยการปฏิบัติกับออกัสต์อย่าง ‘ตัวประหลาด’ บางคนทั้งรักและท้อกับสิ่งที่ออกัสต์เป็นในเวลาเดียวกัน ดูหนัง บางคนต้องเสียสละเพื่อให้ออกัสต์มีความสุขจนต้องเขวี้ยงความสุขของตัวเองทิ้ง ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเกิดในเวลาเดียวกัน ดูหนังออนไลน์ แต่ผู้กำกับสตีเฟ่นก็กำลังสอนให้เรารู้ว่า อย่าได้ตัดสินคนอื่นเหมือนที่ตัวละครหลายตัวในเรื่องทำ และอย่าได้ด่วนสรุปจนกว่าจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งหมด เรื่องเล่าเดียวกันจากต่างมุมมอง อาจกลายเป็นคนละเรื่องไปเลยก็ได้ คนยิ้มอาจต้องแอบร้องไห้ คนเศร้าอาจต้องแอบหัวเราะ เด็กอาจต้องแกล้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่เพื่อแบกรับความรู้สึกคนอื่นไว้บนบ่าตัวเอง ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
ความน่ารักอีกอย่างคือการที่สตีเฟ่นเล่นกับความคิดและความฝันของออกัสต์ได้อย่างลงตัว ภาพเด็กชายใส่ชุดอวกาศจะแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของแต่ละช่วงหนัง เราจะได้เห็นนักบินอวกาศวิ่งกระโดดโลดเต้นเมื่อมีความสุข คอตกเมื่อเศร้า และยังมีตัวละครจาก Star Wars หนังโปรดตลอดกาลของออกัสต์มาร่วมแจมด้วย จะเป็นตัวอะไรบ้างนั้นลองไปลุ้นกันเองในโรงภาพยนตร์นะ
ภาพยนตร์เรื่อง Wonder ที่เรารอคอยมานานนี้
กำกับโดย Stephen Chbosky ผู้ซึ่งสร้างหนังจากหนังสือนิยายที่ตัวเขาเองเขียนเอง (ผลงานก่อนหน้านี้ของเขาคือ เป็นผู้เขียนและผู้กำกับเรื่อง The Perks of Being a Wallflower อีกทั้งยังเขียนบท Beauty and the Beast ฉบับภาพยนตร์คนแสดงล่าสุดด้วย)
Wonder มีเด็กชายวัย 10 ขวบ Auggie Pullman (Jacob Tremblay จาก Room) เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง เขาเหมือนเด็กทั่วไปที่ชอบเล่นเกม กินไอติม และบ้า Star Wars แต่เขาเพียงหน้าตาไม่เหมือนคนอื่นตั้งแต่กำเนิดด้วยความผิดปกติทางยีน ทำให้ Isabel (Julia Roberts จาก Notting Hill) กับ Nate (Owen Wilson จาก Midnight in Paris) ผู้เป็นแม่และพ่อของเขา ต้องประคบประหงมเขาเป็นพิเศษ
แต่เล็กจนโต Auggie ต้องเป็นเด็กโฮมสคูล โดยมีแม่เป็นคนสอน แต่พอจะขึ้น ป.5 แม่กับพ่อก็ตัดสินใจส่งเขาเข้าโรงเรียน เขาต้องโดน bullied โดยเด็กบ้านรวย Julian (Bryce Gheisar จาก A Dog’s Purpose) มิหนำซ้ำที่รร.ยังไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาเพราะมองเขาเป็นโรค เป็นตัวประหลาด แต่ครูใหญ่ Mr. Tushman (Mandy Patinkin จาก Homeland) ได้ให้เด็กนร.ทุน Jack Will (Noah Jupe จาก Suburbicon) คอยมาอยู่เป็นเพื่อนเขา
Auggie ประสบปัญหาที่โรงเรียน จนพ่อแม่ต้องวิ่งเต้นเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาละเลยความสำคัญของ Via (Izabela Vidovic จาก Homefront) ลูกสาวคนโตยิ่งขึ้นไปอีก (จากที่ปกติก็ค่อนข้างละเลยอยู่แล้ว) เปิดเทอมมา Via มีปัญหากับเพื่อนสนิทอย่าง Miranda (Danielle Rose Russell จาก Pandemic) แต่ก็ไม่ได้เอาปัญหานี้มาเล่าให้ใครที่บ้านฟัง เธอตัดสินใจเข้าชมรมการแสดงกับ Justin (Nadji Jeter จาก The 5th Wave) เพื่อนใหม่ของเธอ
เด็กชายคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาในแบบที่ไม่เหมือนคนอื่น ความผิดปกติของยีนบางอย่างทำให้เขาต้องได้รับการผ่าตัดหลายครั้ง กว่าที่จะกลายเด็กผู้มีอาการครบเหมือนเด็กทั่วไป ทว่าศัลยกรรมกลับทำได้เพียงเท่านั้น เขายังคงมีใบหน้าที่ดูอัปลักษณ์ในสายตาคนทั่วไป
ออกัส พูลแมน หรือชื่อเล่น อ๊อกกี้ (Jacob Tremblay) ไม่เคยย่างกรายออกจากบ้าน เติบโตมากับ เนต (Owen Wilson) พ่อที่คอยสร้างอารมณ์ขันให้กับเขาได้ตลอดเวลา อิซาเบล (Julia Roberts) แม่ผู้ฉลาดปราดเปรื่องผู้ทิ้งหน้าที่การงานมารับหน้าที่สอนลูกและดูแลเขาตลอด 24 ชั่วโมง และเวีย (Izabela Vidovic) พี่สาวที่รักและดูแลเขาอย่างดี
การตัดสินใจส่ง Auggie เข้าเรียนที่ a traditional school
เป็นการตัดสินใจที่ดีของพ่อแม่ของเขา เพราะถ้าอยากให้ Auggie เป็นเด็กปกติ ก็ต้องเลี้ยงเขาอย่างเด็กปกติให้ได้ สุดท้าย Auggie ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อยหรือมีปัญหาในชีวิต หากแต่คนที่หน้าตาปกติคนอื่น ก็ล้วนต้องการความใส่ใจดูแลไม่แพ้กัน อย่างเช่น Via หรือกระทั่งหมาแก่ในบ้าน
การเล่าเรื่องของ Wonder ไม่ได้เล่าจากมุมของ Auggie แต่เพียงคนเดียว แต่ยังเล่าจากมุมมองของเด็ก ๆ คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบวงโคจรของ Auggie ด้วย ได้แก่ Via, Miranda, และ Jack Will (เสียดายที่ไม่มีจากมุมของ Julian ซึ่งเป็นตัวละครที่เราแอบเกลียดและแอบสงสารในตัวเขาพร้อม ๆ กัน)
เด็ก ๆ ทั้งหลายเรียนรู้ เติบโต และเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กับ Auggie จากการมาเยือนหรือการมีอยู่ของ Auggie ดั่งเช่นทฤษฎีการหักเหของแสง (Refraction) ที่ว่า “การหักเหของแสงเกิดจากการที่แสงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่มีความหนาแน่นต่างกันเป็นผลทำให้ทิศทางของแสงเปลี่ยนแปลงไปด้วย” กล่าวคือ Auggie เปรียบเสมือนตัวกลางที่ทำให้แสงหรือคนอื่น ๆ เปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนทิศทางนั่นเอง
ถึงแม้หนังเน้นเล่าจากมุมมองของเด็ก ๆ รีวิวหนังnetflix Wonder
ไม่ได้เล่าจากมุมผู้ใหญ่เลย แต่เราก็เห็นความสำคัญของผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการเติบโตของเด็ก เช่น Julian เด็กที่เกิดมาเพรียบพร้อมทั้งเงินทองและความมีรูปเป็นทรัพย์ แต่กลับมีนิสัยไม่ดี ชอบ bully และดูถูกคนอื่น ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ในขณะที่ Auggie ซึ่งเป็นเด็กที่ใคร ๆ ก็มองว่าอัปลักษณ์ เขากลับเติบโตมาเป็นเด็กดี น่ารัก และฉลาดเฉลียว เพราะพื้นฐานครอบครัวของเขาเลี้ยงดูด้วยความรัก ความอบอุ่น และความเข้าใจ
นอกจากสถาบันครอบครัวแล้ว สถาบันการศึกษาก็มีส่วนช่วย เพราะเวลาส่วนใหญ่ของเด็กวัยเรียนก็อยู่ที่โรงเรียนมากกว่าที่บ้าน Auggie โชคดีที่มีครูใหญ่ที่ดีมาก ครูประจำชั้นก็ดี ครูสอนวิทยาศาสตร์…วิชาที่เขาชอบที่สุด…ก็ดี อย่าง Julian เนี่ย ถึงแม้เขาจะมีพ่อแม่ที่สอนไม่ดี แต่เขายังพอมีส่วนดีอยู่ลึก ๆ ที่ได้จากครูเหล่านี้ที่โรงเรียน หากเขาไม่ได้เรียนที่รร.นี้กับครูเหล่านี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะโตไปเป็นคนอย่างไรได้อีก
สังคมรอบข้าง โดยเฉพาะเพื่อน ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คนคนนึงอยากมีชีวิตต่อไป หรืออย่างน้อยก็อยากไปโรงเรียน และไม่รู้ว่าผู้เขียนตั้งใจหรือเปล่า ตัวละครที่เป็นแรงผลักดันเบื้องหลังของตัวละครหลักล้วนแต่เป็นคนผิวสี ตั้งแต่ครูประจำชั้น Mr. Browne (Daveed Diggs) และ Summer (Millie Davi) เพื่อนร่วมชั้นของ Auggie รวมถึง Justin เพื่อนใหม่ที่ชมรมการแสดงของ Via
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้คือ
คนมหัศจรรย์มักมีความประหลาดซ่อนอยู่ และคนประหลาดมักมีความมหัศจรรย์ซ่อนอยู่เสมอ ด้วยความทับซ้อนกันนี้ การที่เราตัดสินว่าคนๆ นี้ ‘มหัศจรรย์’ หรือ ‘ประหลาด’ ไปแล้ว ก็เหมือนเรากำลังปิดตาตัวเองข้างหนึ่ง มองไม่ชัดและไปได้ไม่ไกล เพราะเราเลือกที่จะทิ้งมุมมองอีกมุมหนึ่งไว้ข้างหลัง แล้วเดินหน้าต่อไปกับคำตัดสินนั้นจนเราอาจพลาดความอัศจรรย์ธรรมดาในชีวิตของใครหลายคน หลงลืมหลายๆ เรื่องที่เราเรียนรู้ได้ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน พลาดการทำความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ พลาดที่จะเห็นความ ‘มหัศจรรย์’ หรือบางครั้งเราเรียกว่า ‘ประหลาด’ ที่คอยส่องแสงประกายในทุกที่ที่คนเหล่านี้ไปถึง