รีวิวหนังnetflix Green book
หนังเจ้าของรางวัลออสการ์ 3 รางวัลในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , สมทบชายยอดเยี่ยม และ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ประจำออสการ์ปี 2018 และ 3 รางวัล ลูกโลกทองคำ ในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ดูหนังฟรี ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในประเภทเพลงหรือตลก และปิดท้ายด้วย ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
หนังที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงของนักดนตรีผิวสี
อย่าง ดอน เชอร์ลีย์ กับคนขับรถของเขาชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียนอย่าง โทนี ลิป ที่ย้อนกลับไปในปี 1930-1960 ที่คนผิวสีในอเมริกานั้นต้องพกหนังสือที่ชื่อว่า “The Negro Motorist Green Book” หรือเรียกสั้นๆว่า “Green Book” ที่เป็นเหมือนหนังสือไกด์แนะนำร้านอาหาร โรงแรม หรือสถานที่ที่ต้อนรับคนผิวสีในขณะนั้น เพราะในช่วงเวลานั้นมีการเหยียดผิวที่รุนแรงมากถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็มีในการเดินทางไปทั่วอเมริกาเพื่อทำการแสดง แต่ในยุคนั้นมีการเหยียดผิวที่รุนแรงเกือบทั่วอเมริกา ดูหนังออนไลน์
Green Book คือผลงานที่นำแสดงโดยสองนักแสดงฝีมือคุณภาพ วิกโก้ มอร์เทนเซน ผู้เข้าชิงสองรางวัลออสการ์จาก Eastern Promises, Captain Fantastic ร่วมด้วย มาเฮอร์ชาลา อาลี เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Moonlight เล่าถึงเรื่องราวของ สองคู่หูต่างขั้วที่จับผลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน “โทนี่ ลิป” (วิกโก้ มอร์เทนเซน) พี่ล่าขาใหญ่เชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกันจากย่านบรองซ์ในนิวยอร์ก
ต้องมาเป็นคนขับรถให้ “ดอน เชอร์ลีย์” (มาเฮอร์ชาลา อาลี) นักเปียโนคลาสสิคผิวสีระดับโลก ระหว่างที่เขาออกเดินสายขึ้นแสดงในยุค 60 สิ่งเดียวที่นำทางทั้งคู่คือ “สมุดปกเขียว” ที่บอกสถานที่ที่เป็นมิตรกับคนผิวสี พวกเขาต้องฝ่าทั้งกำแพงแห่งสีผิว ภัยอันตรายต่าง ๆ เช่นเดียวกับน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ในการเดินทางครั้งสำคัญนี้
ผู้กำกับหนังสายฮา ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่ ที่ดังจากผลงานตลกเป็นส่วนมากทั้ง Dumb and Dumber (1994) และ There’s Something About Mary (1998) กลับมาอีกครั้งพร้อมเปลี่ยนแนวมาสายดราม่าอารมณ์ดีที่เปรี้ยงถึงขนาดเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 5 สาขาด้วยกัน (ภาพยนตร์เพลงหรือตลกยอดเยี่ยม /บทภาพยนตร์ /กำกับภาพยนตร์ /นักแสดงนำชาย /นักแสดงสมทบชาย)
ซึ่งน่าสนใจมากทีเดียว และในนาทีพูดได้เลยว่านี่เป็นหนังที่น่ารักโคตร ๆ อมยิ้มและขำรัว ๆ ยิ่งไม่อยากให้หนังจบเลยด้วยซ้ำ เหมือนเราดูคู่หูต่างขั้วคู่นี้ไปได้เรื่อย ๆ แบบไม่รู้จบเลย เรียกว่าฟาร์เรลลี่ดึงทักษะหนังตลกที่เชี่ยวชาญมาผสมหนังชีวิตได้โคตรฟีลกู้ดเลย ตกหลุมรักมากกกก
หนังเอาเรื่องจริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเหยียดผิวอันเลื่องชื่อของอเมริกาในช่วงยุค 1930-1960
ที่คนผิวสีต้องพกหนังสือชื่อ “The Negro Motorist Green Book” ซึ่งภายหลังชื่อเรียกเหลือแค่ Green Book ที่พิมพ์มาเป็นไกด์แนะนำว่ามีร้านอาหาร โรงแรม หรือสถานที่ใดที่ยินดีต้อนรับคนผิวสีบ้าง เพราะยุคนั้นถ้าหลงเข้าไปที่ที่มีการเหยียดรุนแรงอาจถูกทำร้ายจิตใจทางวาจา หรืออาจหนักกว่านั้นจนเสี่ยงชีวิตเลยก็ได้
ทำให้เขาต้องหารายได้จากช่องทางอื่นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว (งานหนักก็เอางานเบาก็สู้ แต่ก็เลือกนะ) จนสุดท้ายเขาได้มาทำงานเป็นคนขับรถเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาให้ “ดอน เชอร์ลีย์” นักเปียโนคลาสสิกผิวสีระดับโลก ที่ทำตามกฎ รักความสะอาด ต่างกับ “โทนี่ วัลเลลองกา” สุดขั้ว
มันก็คงไม่มีอะไรมากเลยถ้าไม่เพราะ หนังเล่าถึงคนในยุคนั้นเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง รวมถึง “โทนี วัลเลลองกา” ของเราก็ด้วย ต้องมาเป็นลูกจ้างเพราะเงินดีไม่น้อย ทั้งสองคนต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายต่าง ๆ ในการเดินทางครั้งนี้ จะเปลี่ยนชีวิตและมิตรภาของพวกเขาได้หรือไม่
ไม่บ่อยครั้งนักที่ชมภาพยนตร์แล้วมันมีความสุขไปพร้อมตลอดเส้นทางของภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่บ่อยครั้งนักที่เดินออกมาจากโรงหนังแล้วรู้สึกอารมณ์ดี อิ่มเอิ่ม กู๊ดเดย์สุดๆ นับเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจอีกครั้งในรอบหลายครั้งที่ดูมา
Green Book เป็นหนังสือทริปหรือไกด์บุ๊ค เล่มเขียวๆ ที่ใช้สำหรับการเดินทางคนผิวสีในยุคนั้น ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไปยังที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร บาร์ สถานที่สำหรับให้บริการเฉพาะผิวสี ซึ่งในช่วงนั้นเป็นยุคที่มีการเเบ่งชนชั้น เหยียดสีผิว ของคนขาวกับคนดำ การใช้ชีวิตในเมือง และนอกเมืองค่อนข้างที่จะอันตรายสำหรับคนผิวสี ไม่ว่าจะเป็นการทารุณกรรม
การตั้งข้อหาแบบไม่ยุติธรรมของตำรวจบางกลุ่ม ฉะนั้นGreen Bookจึงเป็นหนังสือคู่มือออกแบบสำหรับคนผิวสี ที่จะต้องออกเดินทางหรือroad trip
หนังได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง ในยุค1956s รีวิวหนังnetflix Green book
Tony Lip เชื้อสายItalian-American ทำงานเป็นบอดี้การ์ดที่night club โทนี่มีนิสัยปากร้าย กร้าวร้าว แถมยังเหยียดผิวอีกด้วย ผันตัวมารับงานเป็นคนขับรถให้กับDr.Don Shirley นักเปียโนคลาสิคผิวสี เชื้อสายAfrican-American บุคคลิกเรียบร้อย สุขุม เขามีเป้าหมายในการสร้างความเปลี่ยนแปลงระหว่างคนผิวขาวและผิวดำ เขาจึงรับงานเดินสายทัวร์เล่นเปียโนให้กับคนรวย ตามสถานที่ต่างๆในตอนใต้ของอเมริกา แม้ว่าเส้นทางจะอันตรายสำหรับเขา
จะเล่าถึงเรื่องราวของ สองคู่หูต่างขั้วที่จับผลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน “โทนี่ ลิป” (วิกโก้ มอร์เทนเซน) พี่ล่าขาใหญ่เชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกันจากย่านบรองซ์ในนิวยอร์ก ต้องมาเป็นคนขับรถให้ “ดอน เชอร์ลีย์” (มาเฮอร์ชาลา อาลี) นักเปียโนคลาสสิคผิวสีระดับโลก ระหว่างที่เขาออกเดินสายขึ้นแสดงในยุค 60 สิ่งเดียวที่นำทางทั้งคู่คือ “สมุดปกเขียว” ที่บอกสถานที่ที่เป็นมิตรกับคนผิวสี พวกเขาต้องฝ่าทั้งกำแพงแห่งสีผิว ภัยอันตรายต่าง ๆ เช่นเดียวกับน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ในการเดินทางครั้งสำคัญนี้
หนึ่งในเรื่องราวที่สวยงามที่สุดในยุคนั้นก็คือ มิตรภาพของคนต่างผิวสีต่างนิสัยและต่างที่มา
ซึ่งเกิดขึ้นจริงในวงการบันเทิงอย่าง ดร.ดอน เชอร์ลีย์ นักเปียชื่อดังระดับโลก กับบอดี้การ์ดอิตาลีสุดกระด้างจากย่านกุ๊ยของนิวยอร์กอย่าง โทนี่ ลิป วัลเลลองก้า ที่ถูกว่าจ้างให้ติดตามดูแลครั้งที่ ดร.เชอร์ลีย์ ต้องเดินทางแสดงผลงานในภาคใต้ของอเมริกาซึ่งมีประวัติการเหยียดผิวรุนแรงที่สุดเพราะเป็นดินแดนที่ค้าทาสผิวสีเดิม ก่อนที่จะแพ้สงครามกลางเมืองและมีการบังคับเลิกทาสไปในที่สุดสมัยประธานาธิบดีลินคอล์น แต่กระนั้นความรุนแรงของการเหยียดผิวก็ยังฝังรากลึกในวัฒนธรรมแดนใต้อยู่ต่อมายาวนาน การเดินทางแสดงดนตรีธรรมดาจึงมีเรื่องราวมากกว่าแค่การนั่งรถชมวิวแน่นอน
หนังได้ดาราชั้นนำมารับบทคนที่มีอยู่จริงอย่างนักแสดงนำ วิกโก้ มอร์เทนเซน หรือ อารากอน จาก The Lord of the Rings มารับบท โทนี่ ลิป
และได้ดาราเจ้าของรางวัลสมทบชายออสการ์จากหนัง Moonlight (2016) อย่าง มาเฮอร์ชาลา อาลี มารับบท ดร.ดอน เชอร์ลีย์ และดอกไม้ชูโรงของหนังก็ได้ ลินดา คาร์เดลลินี่ จาก Brokeback Mountain (2005) มารับบท โดโลเรส ภรรยาของโทนี่ ลิป ด้วย
หลายคนอาจจะคุ้นหน้าของ โทนี่ ลิป ตัวจริง เพราะภายหลังจากเรื่องราวในหนังนั้น รีวิวหนังnetflix Green book
เขาก็สร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นเจ้าของกิจการไนท์คลับชื่อดัง และกลายเป็นหนึ่งในดารารับเชิญที่มักปรากฏตัวในหนังของผู้กำกับดังอย่าง ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ซิดนีย์ ลูเมท และ มาร์ติน สกอร์เซซี โดยครั้งแรกเขาเล่นบทรับเชิญแขกในฉากงานแต่งของ The Godfather (1972) และที่น่าจะจำได้มากสุดคือการรับบท คาร์ไมน์ ลูเปอร์ทาสซี่ ในซีรีส์ The Sopranos นั่นเอง
ซึ่งเสน่ห์ของหนังส่วนมากเลยต้องบอกว่ามาจากตัวของโทนี่ ลิป นี่เองเลยล่ะ เพราะแม้จะหยาบกระด้างแต่เขาสัมผัสได้ และแม้จะแข็งนอกแต่ภายในเขามีมุมอ่อนโยน มีเสน่ห์ในการพูดจาหว่านล้อม เป็นลูกผู้ชายที่ถือสัจจะเป็นคนจริง และเป็นนักเลงในแบบที่ใครก็เกลียดไม่ลงเลย ซึ่งมอร์เทนเซนก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างไร้ที่ติ เป็นการพลิกทั้งรูปลักษณ์ และการแสดงที่เขาเคยทำได้อย่างน่าทึ่ง เราแทบลืมไปเลยว่านี่คือการแสดง และคนที่อยู่บนจอคือมอร์เทนเซน