รีวิวหนังnetflix Inception
การปฏิบัติการขโมยฝันนี้ไม่ได้ทำโดยตัวคนเดียวครับ เขายังมีทีมที่คอยช่วยกัน โดยเฉพาะ สถาปนิกที่คอยออกแบบฝัน หลังจากเสียคนเก่าไปก็ได้คนใหม่มา แถมเป็นเด็กสาวหน้าตาโดนอย่าง Ariadne (Ellen Page) และก็ยังมีนักเคมีระดับอัจฉริยะคอยปรุงยานอนหลับขนานเยี่ยมอย่าง Yusuf (Dileep Rao) มีผู้ช่ายมือขวาข้างกายอย่าง Arthur (Joseph Gordon-Levitt) หนังฟรี กลายเป็นทีมที่ทำงานร่วมกันอย่างสุดยอด ผสมผสานเข้ากับพล็อตหนังที่ซับซ้อน (แต่พอเข้าใจตามได้) และเทคนิคอลังการ อย่างกับได้ชม ‘Ocean’s Eleven’ ผสมกับ ‘The Matrix’ อย่างนั้นเชียว ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
ครั้งนี้ โชคดีตามเคยได้ดูหนังฟรีก่อนใคร ก่อนจะได้รู้ว่า หนังใหม่ ครั้งนี้ Warner Bros. เล่นปูพรมจัดฉายรอบพิเศษพร้อมกันทั้งที่ Scala, เมเจอร์รัชโยธิน และ Esplanade ส่วนตัวผมได้ชมที่ Scala ครั้งนี้เจอทีมงานเข้มงวดมาก ดูหนัง รับบัตรต้องแสดงบัตรประชาชน 1 ใบต่อบัตร 1 ใบ (แถมจดหมายเลขประจำตัวประชาชนกำกับไว้ด้วย), ก่อนเข้าชมเก็บทั้งโทรศัพท์มือถือ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
กล้องทุกชนิด (ไม่เว้นแม้แต่กล้อง DSLR ที่พกไปถ่ายภาพเล่นกันก่อนเข้าโรง ถ่ายได้แต่ภาพนิ่ง ไม่รู้จะเอาไปถ่ายในโรงทำไม ในเน็ตก็หาได้), ขณะชม มีทีมงานมายืนสอดส่องตลอดเวลา (ลักษณะเหมือนพานักโทษมาดูหนังมากไปนิด) และสุดท้าย พอหนังจบก็ต้องรีบลุกมารับของของตัวเองกลับคืน ดูหนังออนไลน์
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากโลกแห่งความจริงและความฝันเชื่อมโยงกัน?
มีใครเคยตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเองไหมครับ ดูหนังฟรี วันนี้ผมจะมาเสนอภาพยนตร์ที่อาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคำถามนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่าเนื้อหาภายในบางส่วนอาจมีการสปอยล์ภาพยนตร์ สำหรับเรื่องที่ผมจะนำมารีวิววันนี้เป็นภาพยนตร์ที่เป็นที่1ในใจผมมานาน นั่นก็คือ “Inception” หรือ “จิตพิฆาตโลก” ซึ่งเป็นภาพยนตร์นวนิยายแนววิทยาศาสตร์ ชื่อดังในปี 2010 ของ Christopher Nolan ผู้กำกับที่เมื่อพูดชื่อของเค้า ดูหนังออนไลน์ ก็ต้องนึกถึงไอเดียการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ที่เน้นความแหวกแนว สร้างสรรค์ และที่สำคัญ เค้ามักทิ้งคำถามให้กับคนดูอยู่เสมอ อย่างเช่นในเรื่อง Inception นี้ที่เขาเป็นทั้งผู้กับกำและผู้เขียนบทในเรื่อง ดูหนัง
ถ้าหากจะพูดถึงเรื่องนักแสดงในเรื่อง ต้องบอกเลยว่าเป็นภาพยนตร์ที่ใช้นักแสดงชื่อดังค่อนข้างเยอะ อาทิเช่น Leonardo DiCaprio รับบท Dom Cobb หัวหน้ากลุ่มอาชญากรทางความฝัน , Joseph Gordon-Levitt รับบท Arthur ผู้ช่วย Dom , Tom Hardy รับบท Eames ผู้ช่วย Cobb ทำหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารและปลอมแปลงตัวตน , Ellen Page รับบท Ariadne นักศึกษาสถาปนิกหัวดีที่เข้ามาร่วมกับกลุ่มอาชญากรรม , Michael Caine รับบทศาสตราจารย์ของ Ariadne , Cillian Murphy รับบท Robert Fischer นักธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ถือเป็นโจทย์ที่ทีมอาชญากรรมทางความคิดต้องจัดการให้ได้ และยังมีนักแสดงอีกมากมายที่ยังไม่ได้พูดถึง
Inception คือโพรเจกต์ในฝันของ Nolan
ที่อยากจะทำมาตั้งแต่หนังเรื่องแรก ๆ แต่เขาก็รู้ว่า ในตอนนั้นบารมีของเขายังมีไม่มากพอจะขอทุนสร้างระดับ 160 ล้านเหรียญฯ จากค่ายหนัง หลังจากเสร็จ Insomnia (2002) เขาเริ่มเขียนโครงเรื่องของหนัง ความยาว 80 หน้าเกี่ยวกับจอมโจรขโมยฝัน Emma Thomas ภรรยาของโนแลนและนั่งแท่นโปรดิวเซอร์หนังทุกเรื่องของเขายังไม่ค่อยมั่นใจในตอนได้อ่านโครงเรื่องว่า
สามีของเธอจะขายโพรเจกต์ผ่าน และเมื่อเขาได้ผ่านการทำหนังอย่าง The Prestige (2006) ที่ขายการเล่าเรื่องนักเล่นกลได้อย่างหักมุมซับซ้อน และหนังฟอร์มใหญ่ยักษ์อย่าง The Dark Knight (2008) แล้ว เขาก็กลับมาจับสิ่งที่เขาใฝ่ถึงความฝันเสียที
Nolan ถ่ายทำหนังใน 6 ประเทศทั่วโลก (ย้อนรอยทุบสถิติเดินทางถ่ายทำทั่วโลกกับหนัง Tenet ที่ 7 ประเทศ) ได้แก่ ฝรั่งเศส, แคนาดา, ญี่ปุ่น, โมร็อคโค, อังกฤษ และสหรัฐฯ ทั้งลุยขึ้นเทือกเขาหิมะ (Tom Hardy ต้องไปหัดเล่นสกีเพราะต้องมาถ่ายฉากนี้) แทรกไปในความจอแจของเมืองใหญ่ ซึ่ง Nolan บอกชัดเลยว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนัง James Bond ตอนที่เขาชอบที่สุดอย่าง On Her Majesty’s Secret Service (1969) (แต่คนดูให้การตอบรับน้อยที่สุดจนต้องเปลี่ยนนักแสดง George Lazenby) รวมถึงการประดิษฐ์ฉากขึ้นในโรงถ่าย
เหมือนจะได้ดูเรื่องนี้หลายรอบมากแต่ไม่เคยตั้งใจดูเลย แต่แปลกนะที่ฉากบางฉากจำได้แม่นทั้งๆที่ดูแค่ผ่านๆและไม่ต่อเนื่อง ในที่สุดก็หาโอกาสตั้งใจดูและพยายาม Catch ตามเนื้อเรื่องได้สักที
หลายๆคนน่าจะได้ยินกิตติศัพท์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้านความงงและความเข้าใจยากของเรื่อง ซึ่งเราก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะว่ามันน่าจะงงมากๆ เพราะแค่ฝันซ้อนฝันซ้อนฝันก็อาจจะต้องทำให้เราแยกสมองคิดในส่วนต่างๆมากแล้วล่ะ แต่พอดูจบแล้วจริงๆมันค่อนข้างซิมเพิล ถ้าคุณตั้งใจดูดีๆแบบไม่หลุดเลยเราว่าตามเรื่องได้ แต่ถ้าพลาดไปสักประโยคสองประโยคก็น่าจะหลุดได้เหมือนกัน เป็นอีกเรื่องที่ต้องตั้งสมาธิในการดูมากๆ
เรื่องราวเกี่ยวกับการจารกรรมฝัน รีวิวหนังnetflix Inception
เราได้ยินจากหลายที่นะว่าเรื่องนี้ได้อิทธิพลหรือค่อนข้างได้พล็อตเรื่องเบื้องต้นมาจาก Paprika เลยแหละ พอดูแล้วเราก็เออ เชื่อนะ เพราะหลายๆอย่างในเรื่องมันเหมือนมากๆ คือทั้งพล็อต ทั้งฉากบางฉากที่หยิบจากใน Paprika มาดัดแปลง แต่ไม่น่าเกลียดนะ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้แค่เอามาเฉยๆ แต่เอามันมาพัฒนาให้ Beyond ไปอีกขั้น
เรื่องไม่ได้แค่ไปที่การจารกรรมอย่างเดียว แต่ beyond ไปถึงการวางแผน Inception เพื่อไม่ได้ที่จะขโมย แต่เพื่อที่จะฝังความคิดลงไป ปฏิบัติการณ์แบบนี้เป็นอะไรที่เสี่ยงมาก ถ้าพลาดอาจเข้าสู่ limbo(เกมน่าสนใจมากนะ//นอกเรื่องแปป) และอาจเกี่ยวข้องกับชีวิตในโลกแห่งความจริงได้ พวกเขาต้องวางแผนอย่างรัดกุม และพร้อมที่จะรับความเสี่ยง
หนังสนุกมากๆๆๆ แต่หนังตัดฉับๆไวมาก
คืออย่างที่บอกไปว่าต้องโฟกัสมากๆเพราะหลุดคืออาจจะงงไปจนจบเนื้อเรื่องและไม่เข้าใจที่ผ่านมาอีกเลย เราชอบที่มันเล่นเรื่องฉากในความฝันและทฤษฎีทั้งเวลาและสิ่งที่เราเห็นในฝัน เราว่ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ทำให้เราสนุกไปกับหนังมากขึ้นอีก หนังตื่นเต้น เร้าใจ สนุกไปกับฉากแอ็คชั่นซึ่งใส่มาอย่างพอดี ประเด็นดราม่าตามสูตรโนแลนที่เสริมให้เราเข้าใจว่าทำไมตัวละครถึงเป็นเช่นนี้และเป็นตัวการที่เพิ่มจุด conflict เข้าไปในเนื้อเรื่อง ตัวละครทุกตัวแคสต์มาดีมาก เรารู้สึกว่าเขาเหมาะและเล่นในส่วนของตัวเองได้ดี (Tom Hardy<3)
สรุปแล้วเราเชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะได้ดูเรื่องนี้มาแล้วล่ะ แต่ใครที่ยังไม่ได้ดูเราอยากให้ได้ดู พล็อตมันแปลกใหม่น่าสนใจและมันสนุกทั้งเรื่อง เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดนะ
หลังจากได้ชื่นชมหนังตัวอย่างไป รีวิวหนังnetflix Inception
ทึ่งกับรูปแบบของภาพซีจีอันตื่นตา ที่ไม่เคยเจอจากภาพยนตร์เรื่องไหนๆ จนทำให้อยากชมมาก ไม่ว่าเรื่องมันจะดีจะโดนหรือไม่ก็ตาม เมื่อได้มาชมด้วยตาตนเอง ก็พบว่า มันเนียนมากๆ จอใหญ่ยักษ์ของ Scala แสดงภาพของตึกยักษ์ที่สร้างขึ้นด้วยซีจีล้วนๆ ได้อย่างคมและเนียน แต่หนังก็ไม่ได้เล่นกับซีจีจนเกินงาม เพราะหลายฉากที่เห็น เน้นการถ่ายทำด้วยเทคนิคการถ่าย และประกอบเข้ากับซีจีเฉพาะในส่วนที่ต้องใช้ (หรืออาจจะใช้แต่เนียนจนไม่รู้ว่าใช้ก็เป็นได้) มุกตลกก็สอดแทรกมาอยู่เป็นระยะๆ ไม่มากไม่มาย
และตามสไตล์ผู้กำกับหนังแบบ Old School ที่ต้องคุมถ่ายเองทุกซีน นอกจากนั้นเขายังถ่ายหนังด้วยสถานที่จริงมากที่สุดอย่างแทบจะไม่พึ่ง CG เลย ดังนั้นฉากห้องโรงแรมที่ยกพื้นขึ้นให้เอียง 25 องศา ซึ่งนักแสดงและทีมงานก็ต้องเอียงตามตอนถ่ายทำกันไปด้วย หรือฉากโถงทางเดินหมุน 360 องศาที่เห็นจึงเป็นฉากที่ถูกสร้างขึ้นมาจริง ๆ
(Joseph Gordon-Levitt ต้องซ้อมแสดงฉากเดินไปมาในฉากหมุนนั้นฉากเดียวอยู่ 2 สัปดาห์ก่อนแสดงจริง) หรือฉากรถไฟที่ชนแหวกแถวรถยนต์บนท้องถนนนั้น Nolan ก็ใช้รถไฟจริง ๆ มาถ่าย