รีวิวหนัง netflix เกาหลี เรื่อง ชนชั้นปรสิต

กลับมาอีกครั้งกับการรีวิว หนังnetflix ซึ่งหนังเรื่อง Parasite (แปล: ชนชั้นปรสิต) เป็นหนังเกาหลีที่สะท้อนสังคมของคนรวย และคนจน ไม่เกี่ยวกับเอเลี่ยนจากนอกโลก ซึ่งวันนี้เราจะมารีวิวให้ได้ทุกคนอ่านกัน และภาพยนต์เรื่องนี้ เป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกที่ได้รับ รางวัลเกียรติยศปาล์มทองคำ ถ้าอยากอ่านแล้วก็ไปอ่านกันได้เลย แต่ถ้าใครอยากดูก็สามารถหาดูได้แล้ว

เรื่องย่อ Parasite

ชนชั้นปรสิต เรื่องย่อ เล่าเรื่องราวของครอบครัวตระกูลคิม อาศัยอยู่ใต้ถุนของตึกซอมซ่อ ในย่านชุมชนแออัด มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นแต่กองขยะ ถึงขนาดที่บางวันมีคนเมามาอ้วกและเยี่ยวใส่  วันหนึ่งเพื่อน คิมกีวู (ชเว วูชิก) จะไปเรียนที่ต่างประเทศจึงขอให้เขาไปติวอังกฤษแทน คิมกีวู จึงแอบสวมรอยเป็นติวเตอร์ให้บ้านมหาเศรษฐีตระกูลปาร์ค จากนั้นเขาเห็นว่างานนี้สามารถสร้างเงินให้กับเขาได้อย่างสบาย เพื่ออยากให้ครอบครัวออกมาจากชีวิตที่เส็งเครง เขาจึงได้วางแผนการ เริ่มจากให้น้องสาว คิมคิจอง (พัคโซดัม) สวมบทบาทเป็นครูสอนศิลปะให้กับลูกชายคนเล็กของบ้านปาร์ค และให้พ่อ คิมกีแท็ก (ซงคังโฮ) มาเป็นคนขับรถให้กับคุณชายตระกูลปาร์ค จากนั้นสองพี่น้องบ้านคิมก็วางแผนใส่ร้ายแม่บ้านคนเก่าให้โดนไล่ออก เพื่อให้ คิมชุงซุค (จัง ฮเยจิน) ผู้เป็นแม่มาสวมรอยสมัครเป็นแม่บ้านคนใหม่ แต่เรื่องราวไม่ได้มีเพียงแค่นั้นเพราะแม่บ้านคนก่อนได้แอบซ่อนความลับบางอย่างไว้ในชั้นใต้ดิน หลังจากที่ไม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านแล้ว แม่บ้านคนก่อนก็ยังหาทางที่จะกลับมาให้ได้เพราะเธอมีบางอย่างที่ซ่อนไว้ในห้องใต้ดิน และแต่เมื่อความลับห้องใต้ดินถูกเปิดเผย ทำให้ชีวิตของครอบครัวคิมเปลี่ยนไปตลอดกาล พร้อมกับทำให้ตระกูลปาร์คพลอยได้รับเรื่องตลกร้ายนี้ไปด้วย

เมื่อมองแวบแรก คุณอาจคิดว่า Parasite คือ หนังเอเลี่ยนจากต่างโลก แต่คำว่าปรสิตในเรื่องนี้หมายถึงตระกูลคิมที่เหมือนกาฝากแฝงตัวอยู่ในตระกูลปาร์คทีละคนแล้วนำความยากจนของตัวเองผ่านการกระทำที่ผิดๆ แม้ว่าตระกูล Park จะร่ำรวย แต่พวกเขาก็เหมือนกับคนธรรมดาครอบครัวเดียวกัน , การหาเลี้ยงชีพเท่าเดิม แต่ถูกดึงดูดด้วยตัวเลข

อ่านแล้วเชื่อว่าหลายคนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ เพราะมีเรื่องให้หัวชนกันเยอะมาก แทบทุกฉาก รู้สึกเหมือนดูหนังฆาตกรรม รู้สึกหดหู่และหดหู่ใจเมื่อมองจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่ง ความแปลกประหลาดระหว่างคนรวยที่สุดและคนจนที่สุด

เช่นเดียวกับฉากในคืนที่ฝนตก ครอบครัว Kim แอบเข้าไปในบ้านของตระกูล Park และทำข้าวของของพวกเขาเละเทะ แต่ไม่นานครอบครัวปาร์คก็กลับมา กลัวถูกจับได้ ครอบครัว Jin แอบอยู่ใต้โซฟาในห้องนั่งเล่น จากนั้นคุณปาร์คและภรรยาก็นั่งบนโซฟาตัวนี้จนกว่าพวกเขาจะมีเพศสัมพันธ์กัน เมื่อพวกเขาแอบอยู่ใต้โซฟา

ฉากที่คุณชายปาร์คคุยกับภรรยาและบอกว่าคิมคีแทกมีกลิ่นสาปและกลิ่นสาปของเขามาจากบ้านที่สกปรกเพราะมันอาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน ที่คนเอาขยะไปทิ้ง ไม่ว่ากลิ่นจะหอมแค่ไหน เวลาเขาซักผ้า ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรืออาบน้ำ กลิ่นก็ยังติดอยู่ หรือมากกว่านั้นคือคำสาปแช่งของคนจน ฉากคืนฝนตกเรียกว่าที่สุดของเรื่องทำให้เห็นภาพชัดเจนที่สุดในนิยามของคำว่า “อคติ”

สามฉากนี้ทำให้ผู้เขียนตื้นตันใจ เพียงแค่ฟังมันหรือหยุด ต้องขอปรบมือให้กับใครก็ตามที่รับบทเป็น Kim Ki-taek เพราะการแสดงของเขาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครพ่อที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องด้วยจริงๆ รีวิวหนังน่าสนใจ

ชนชั้นปรสิต

โครงเรื่องและจุดเด่นที่น่าสนใจ ชนชั้นปรสิต

ปรสิตโครงเรื่อง และจุดเด่นที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องที่เริ่มต้นด้วยอารมณ์ขัน ตบอย่างตื่นเต้น จบแบบปวดใจ แล้วหักมุมให้คนดูคิดตามกันก็เข้าใจประเด็นที่จะสื่อได้ไม่ยาก ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวของภาพยนตร์ฆาตกรรมที่ดูน่าตื่นเต้น มันสำรวจประเด็นความไม่เท่าเทียมทางชนชั้นและสังคมจากมุมมองใหม่ ทำให้ผู้ชมเห็นต้นตอของสาเหตุ เหมือนเหรียญสองด้านระหว่างคนรวยกับคนจน

ด้านคนจน ทำให้ให้เห็นถึงความจริงของคนจนในสังคม การดิ้นรนเพื่อมีชีวิตในแต่ละวันนั้น ว่ามันช่างลำบาก ทุกข์ทรมาณกว่าที่คุณรวยจะได้รู้และเข้าใจเสียอีก ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดี จนไม่สนสิ่งที่ถูกผิด แต่หากมองอีกมุมแล้ว ด้านคนรวย ครอบครัวคิมถือว่าเป็นครอบครัวที่น่ากลัวและน่ารังเกียจมาก เพราะถ้าชีวิตจริงหากเราได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ คือ ขำไม่ออกแน่นอน กับการที่มีคนแอบมาอาศัยอยู่ในบ้านโดยที่ไม่เคยรู้มาก่อน และคนรอบตัวก็จ้องแต่จะหาผลประโยชน์จากความร่ำรวยของพวกเขาเหมือนกับ Parasite และอ้างแต่ความจนเพื่อให้ได้ในสิ่งตัวเองต้องการ

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ชนชั้นปรสิต สรุป คือเป็นหนังเสียดสีสังคม ตลกร้ายจนขำไม่ออก หักมุม คาดเดายาก ลุ้นระทึกตลอด ปมเรื่องที่ไคลแมกซ์สุด สนุก ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ไม่ต้องโชว์ฉลาดมากในการดู  ไม่ใช่หนังตลาดๆดาษดื่นทั่วไป แต่เป็นหนังที่ไม่ควรพลาดที่สุด

อาจกล่าวได้ว่า “Parasite” เป็นเพียงแบรนด์ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล Palme d’Or จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ทำให้ “Parasite” เป็นภาพยนตร์ที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง แต่อีกด้านหนึ่งของการสื่อสารกับผู้ชมในวงกว้าง ตัวภาพยนตร์เองกลับถูกสาปด้วยรางวัล เพราะการตัดสินจากความทรงจำของผู้ชมในประเทศ

แผงลอยข้างถนนอาจสร้างกำแพงได้ หนังต้องน่าเกลียด คิดมาก คิดไปเอง หรือสื่อสารกับผู้ชมละครเกาหลีด้วยกันเอง มันไม่ใช่หนังพูดหวานและไม่ใช่คู่รักดาราระดับทองอย่างซีรีส์บันเทิงที่พวกเขามักดู ท่ามกลางกระแสที่เพจหนังหลายเพจพยายามบอกว่าห้ามพลาด! อย่าพลาด! มาดูกันดีกว่าว่าคิดเงินเป็นฟ่อนๆ เสียเงิน 200 บาทไปดูหนังเรื่องนี้แล้วได้อะไร?

หากการได้ร่วมทานข้าวและหัวเราะกับครอบครัวที่แม้ไม่ได้หรูหราแต่กลับสุขใจคือประสบการณ์ชีวิตที่นึกถึงทีไรก็สุขใจ ครอบครัวคิมที่ต้องแออัดในบ้านใต้ดินแต่กลับมีกันและกันก็จะทำให้คุณนึกถึงและได้ดื่มด่ำกับความสุขที่พวกเขาพร้อมหยิบยื่นให้กันและกัน ตลอดช่วงปูเรื่องของหนังแม้งานภาพที่ อเล็กซ์ ฮง ตากล้องคู่บุญของผู้กำกับ บงจุนโฮ จะจับภาพในบ้านหลังเล็กๆที่อยู่ในระดับต่ำกว่าท้องถนนด้วยรายละเอียดที่เห็นทั้งคราบเชื้อราและผนังอันสกปรกแบบคนคุณภาพชีวิตต่ำ แต่เรากลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

ความห่วงใยกันและกัน ในทุกห้วงเวลาทั้งการพยายามหาสัญญาณไวไฟฟรี, ขับไล่คนเมาที่มาฉี่ใส่หน้าบ้าน หรือกระทั่งตอนพวกเขารับจ้างพับกล่องพิซซ่าท่ามกลางควันจากเครื่องพ่นยากำจัดแมลง เราก็ยังรู้สึกว่าพวกเขาพยายามประคับประคองให้กำลังใจและดูแลกันอย่างดี บวกกับบทสนทนาที่เขียนได้เป็นธรรมชาติและได้รับการถ่ายทอดจากทีมนักแสดงฝีมือฉกาจก็พร้อมจะให้เราคล้อยตามกับแผนการร้าย ที่แม้จะเป็นสิ่งผิดแต่เรากลับเข้าใจได้ว่ามันจำเป็นต้องทำ “เพื่อถีบตัวเอง” ออกจากชีวิตพลเมืองชั้นเลวจนอดเอาใจช่วยและลุ้นไปกับชะตากรรมของพวกเขาไม่ได้

ชนชั้นปรสิต

รีวิวหนัง Parasite ชนชั้นปรสิต และงานสร้าง

คำถามนี้ดูเหมือนจะ “หักมุม” ที่สุด แต่ที่ผมพูดได้ก็ต้องกลับมาที่ชื่อภาษาไทย “” ทั้งพาดพิงและอธิบายเรื่องราว ณ จุดนี้ ภาพยนตร์และผู้ชมเริ่มต้นด้วยบทหนึ่ง คายทุกข้อความอย่างระมัดระวัง เหมือนกับหนังระทึกขวัญของ Alfred Hitchcockian เหมือนกับตัวเอกของทั้งครอบครัว คิมผู้สิ้นหวังค่อย ๆ พ่นข้อมูลตัวละครออกมาพร้อม ๆ กันและวางแผนที่จะแปลงร่างเป็นครอบครัวปาร์ค ‘ปรสิต’ ในทางกลับกัน

ทัศนคติของครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างตระกูลปาร์คก็เหมือนการเปรียบเทียบชะตากรรมของชนชั้นปกครองกับชนชั้นที่ต้องการสร้างโลก “Let’s Live With Him” ​​เล่นกลทั้งหมดตั้งแต่การทดสอบก่อนวัยเรียนไปจนถึงการสร้างฉากที่น่าตื่นเต้น “สักวันฉันจะรวย” หนังวางหมากรุกจนเดาไม่ถูก พร้อมวิจารณ์ ความไม่เท่าเทียมกันในสังคมอย่างเฉียบคม และที่สำคัญ อาจทำให้มึนเหมือนโดนลาก ทางแยกไม่แตกต่างกันเมื่อเราพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นไปได้ “ขอให้เขาอยู่” ในประเทศนี้

งานสร้างโคตรประณีต

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าภายใต้หน้าหนังที่ดูเหมือนเล่าเรื่องชีวิตคนทั่วไปไม่ได้มีสเปเชียลเอฟเฟกต์หรือฉากที่ดูตระการตาแต่ Parasite ทุ่มงบประมาณถึง 13ล้าน5แสนวอน หรือราวๆ 11 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อเลยว่าส่วนหนึ่งคือการทุ่มงบประมาณไปกับงานสร้างแน่ๆ เพราะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าตัวบ้านในหนังแทบจะเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งได้เลย ในบ้านของครอบครัวคิม ถูกออกแบบให้หน้าต่างมองออกไปเห็นพื้นถนนพอดี ซึ่งแน่นอนว่ามันแทบจะสถาปนาชีวิตอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้แทบไม่ต้องใช้คำพูดใดๆอยู่แล้ว

แต่ภายในบ้านกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ดูใส่ใจมากทั้งคราบเชื้อรา คราบสกปรกบนผนัง การออกแบบให้วางชักโครกอยู่บนฐานสูงๆดูประหลาดเพื่อบ่งบอกว่าครอบครัวนี้แทบจะใช้ชีวิตอยู่ในระดับเดียวกับกองอาจมที่พวกเขาขับถ่าย รวมไปถึงทางเดินกลางบ้านอันแสบแคบที่แม้จะดูอึดอัดแต่เรากลับรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดและเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือกันและกัน

ตรงกันข้าม – ครอบครัวปาร์ค เราจะเห็นบ้านที่ออกแบบมาให้ดูหรูหราประดับประดาด้วยข้าวของสวยงาม (ต่างกับบ้าน Kim ที่มักจะทิ้งข้าวของเป็นกอง) และหนังมักจะเน้นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้เห็นในบันไดบ้าน Kim แสดงถึงความเจริญก้าวหน้าที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน จุดเด่นของเรื่องคือบ้านที่หรูหรามีกระจกบานใหญ่ให้ชมสายฝนโปรยปรายบนสวนสวย ตรงกันข้ามกับฉากท้องถนนที่โสโครกและคนเมาที่ส่งอารมณ์ฉุนเฉียวมาที่บ้านของพวกเขา สิ่งนี้ช่วยให้การผลิตสามารถสร้างความหมายที่ลึกซึ้งให้กับเรื่องราวได้

ชนชั้นปรสิต

งานแสดงแบบฟาดๆจากเหล่าโอปป้า และสาวสวย

ก่อนเราจะพูดถึงรุ่นใหญ่อย่าง ซงคังโฮ เชื่อว่าคนดูทั่วไปหากได้ดูตัวอย่างน่าจะสะดุดตากับเหล่านักแสดงหน้าตาดีกันบ้าง เริ่มจาก ชเว วู-ชิก อดีตนักแสดงสังกัดเจวายพี (JYP Entertainment)ที่เคยผ่านตาเราทั้งบทแฟนหนุ่มของสาวโซฮีวง Wonder Girls ใน Train to Busan ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง อันโด่งดังรวมถึงเคยร่วมงานกับ บงจุนโฮ ใน Okja มาก่อนหน้านี้ ซึ่งหนุ่ม วู-ชิก ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นอกจากจะโชว์เสน่ห์ด้วยหน้าหล่อๆแบบโอปป้าแล้ว ฝีมือการแสดงในหนังยังเรียกร้องเขามากกว่าแค่ความหล่อ

เพราะต้องแบกทั้งภาระในการพาครอบครัวมาสู่สิ่งที่ดีกว่าไปจนถึงความผิดบาปที่ค่อยๆทวีขึ้นเรื่อยๆจนเราอดเอาใจช่วยและสะเทือนใจกับชะตากรรมของ คิมกีวู ที่เขาแสดงไม่ได้ และสำหรับหนุ่มๆคงไม่อาจละสายตาจากสองสาวสวยน่ารักได้แน่ๆ ทั้ง พัคโซดัม และ ฮยอนซึงมิน โดยเริ่มที่ พัคโซดัม ในบทคิมคีจอง น้องสาวตัวแสบของกีวูที่ใช้เล่ห์กลและความมั่นใจค่อยๆหลอกเกาะกินครอบครัวปาร์คได้อย่างชาญฉลาด  ซึ่ง พัคโซดัม ที่โด่งดังจากซีรีส์ Cinderella with four knights หรือ ปิ๊งรักยัยซินเดอเรลล่า ก็ใช้ความเก๋ของหน้าตาและบุคลิกเท่ๆมาทำให้หนุ่มๆ (และอาจจะสาวๆด้วย) ละลายได้ไม่ยากเลย

ส่วนฮยอนซึงมินที่รับบทเป็นพัคดาฮเยลูกสาวคนโตของตระกูลปาร์คที่ชอบเจ้าชู้ชื่อแรงแถมยังขยันจนติวเตอร์ตัวน้อยอย่างอู๋จี้อดไม่ได้ที่จะรดน้ำ ลง. อดีตนักสเก็ตน้ำแข็งที่โด่งดังในซีรีส์ W ของฮยอนซึงมินก็อ้อนวอนต่อหน้าเขาเช่นกัน จนกระทั่งเราเข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มคิมอูซิกถึงใช้ตัวเลขนั้นวาดปราสาทในอากาศ ฮ่าฮ่า หันไปหาชนชั้นกลาง เช่นเดียวกับ Lee Sun Kyun ในบทบาทของ Park Kun เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา เขาดูเหมือน CEO ของบริษัทผลิตภัณฑ์ไฮเทค ถ่ายภาพหมู่กับเจ้าแห่งชีวิตและอดีตรองประธาน

“เจ้าชายกาแฟ รักสุ่ม” หรือ “เจ้าชายกาแฟ” ละครยอดฮิตครองใจสาวๆ ไม่ทำให้ผิดหวัง อีกทั้งตัวละครของเขามีส่วนสำคัญในตอนท้าย เหมือนกับผลงานภาพยนตร์ที่น่าทึ่ง ในที่สุดก็ปล่อยให้ Jo Yeo Jung รับบทเป็น Park Yeon Kyung ภรรยาสวยบ้าบิ่นไว้ใจได้รับบทโดยดาราเซ็กซี่ตัวแม่ Jo Yeo Jung ของเกาหลีทำให้ตัวละครสวยยิ่งขึ้นภรรยาที่ร่ำรวยด้วยความงามที่ไม่ธรรมดา ดูน่าสนใจมาก เหนือสิ่งอื่นใด ฉากแฟนเซอร์วิสนี้รับประกันว่าหนุ่มๆ จะต้องตาค้าง ฮ่าๆ

ชนชั้นปรสิต งานขายฝีมือของ ซงคังโฮ

สำหรับนักแสดงฉายา Awards Prince อย่างซงคังโฮ ดาราคู่บุญผู้กำกับ บงจุนโฮ ที่อาจไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลาแบบโอปป้า แต่เชื่อเลยว่าคุณจะห้ามใจไม่ให้หลงรักเขาได้ยากเหลือเกิน ซงคังโฮ ได้ทำให้บท คิมกีแท็ก กลายเป็นคุณพ่อ 18 มงกุฏที่ดูอบอุ่น จริงใจ และเราเชื่อได้เลยว่าคนอย่างเขาจะปกป้องครอบครัวเสมอและมีหลายฉากหลายตอนเหลือเกินที่เขาทำเราจุกอก ตั้งแต่ฉากพับกล่องพิซซ่าท่ามกลางควันไล่แมลง

ฉากทานข้าวครอบครัวที่เขาเรียกสมาชิกให้ชนแก้วเพื่อขอบคุณเรื่องดีๆในชีวิตแม้กับข้าวจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม ไปจนถึงฉาก “เจ้านายเหม็นกลิ่นคนจน” ที่เชื่อได้เลยว่ายากมากที่เราจะไม่รู้สึกตามทั้งสายตาและร่างกายที่สื่อสารแบบไร้คำพูดแต่กลับส่งผลกระทบต่อคนดูแบบมหาศาลคือเครื่องการันตีเลยว่าทำไมเสียงชื่นชมส่วนใหญ่ถึงเทให้ ซงคังโฮ อย่างไร้ข้อกังขา

หนังของ บงจุนโฮ ผู้กำกับที่ฉลาดเล่นกับแนวหนังที่สุดคนหนึ่งในเกาหลี มักเล่นกับความคาดหวังของผู้ชมต่อหนังประเภทต่างๆเสมอทั้งแนวสืบสวนอย่าง Memories of Murder(2003) และ Mother (2009) หรือหนังแฟนตาซีอย่าง The Host (2006) Snowpiercer (2014) หรือ Okja(2017) โดยจุดร่วมที่แฟนหนังของเขาทราบดีคือกลวิธีเล่าเรื่องอันซับซ้อนเดาทางไม่ถูก ซึ่งไม่ได้หมายความว่าหนังจะดูยาก ชวนปวดหัวนะครับ ตรงกันข้ามหนังของเขามักเล่าด้วยอารมณ์ขัน แต่สอดแทรกฉากสุดระทึกและที่สำคัญคือประเด็นความเหลื่อมล้ำในสังคมลงไปเสมอ

และกับ Parasite ที่ตั้งแต่ชื่อเรื่องยันภารกิจหลักของตัวละครในครอบครัวคิมคือการเข้าไปเป็น ปรสิต ในบ้านคนรวยก็เอื้อเหลือเกินให้หนังสามารถพูดเรื่องชนชั้นได้แบบตรงๆโต้งๆ แต่หาไม่ Parasite กลับเต็มไปด้วยการกำกับอารมณ์ จังหวะ ที่แม่นยำ ตั้งแต่การเป็นหนังต้มตุ๋นโชว์เท่ในช่วงแรกก่อนจะขยับไปสู่ความเป็นทริลเลอร์ผสมสยองขวัญได้อย่างหน้าตาเฉย ดังนั้นคนดูจึงเหมือนถูกมัดติดกับเก้าอี้บนรถไฟเหาะที่เราทำได้เพียงแค่ติดตามชีวิตพลิกผันของตัวละครไปจนสุดราง และรับความสนุกปนหน้าชาจากหนังให้เต็มที่เท่านั้นเอง

เป็นยังไงกันบ้างกับเหตุผล 6 ข้อที่เรายกมารีวิวให้เห็นกัน ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า Parasite คือหนังที่เพียบพร้อมทั้งความบันเทิง,คุณภาพ และคุณค่าในตัวมันเอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังจะได้รับการต้อนรับจากคอหนังชาวไทย เพราะหากพลาดไปเราเสียดายแทนจริงๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *