รีวิวซีรี่ย์netflix เรื่อง peaky blinders (พีกี้ ไบลน์เดอร์ส)

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามารีวิวหนัง netflixยอดนิยม เรื่อง peaky blinders (พีกี้ ไบลน์เดอร์ส) เป็นซีรี่ย์แนว ดราม่า, อาชญากรรม, บันเทิงคดีอิงประวัติศาสตร์ เป็นละครโทรทัศน์ย้อนยุคของอังกฤษ ที่กำกับโดย Steven Knight มีให้ชมแล้ว เต็มเรื่อง ทั้งระบบพากย์ไทย และซับไทย หรือถ้าใครที่ไม่มีเวลาชม ก็สามารถอ่านรีวิวหนัง netflix ของเราได้แล้วที่นี้

• Thomas Shelby พี่คนรองของกลุ่มนี้ แต่เป็นหัวหน้าครอบครัว ผ่านสงครามมาจนมีเหรียญกล้าหาญ มีความเป็นผู้นำสุดในบรรดาพี่น้องไม่กลัวอะไรเลยครับ มือโปรด้านวางแผน เชื่อใจคนยากนะ หลัง ๆ แกเริ่มไม่เอาครอบครัวเท่าไหร่นะที่ผมดูส่วนใหญ่พี่แกจะวางแผนคนเดียว แผนพี่แกนี่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว หลอกศัตรูหลังหัก ครอบครัว
  ด้วย 55555 คนแสดงก็แสดงเก่งมากครับสมบทบาท เป็นตัวละครที่ผมชอบนะ มันดูมีมิติหลายด้าน
• Arthur Shelby พี่คนโตของกลุ่ม สายบู๊สายบวกประจำกลุ่ม by order of the peaky fu*king blinders ต้องพี่แกพูดครับ อารมณ์มาเต็ม เลือดพี่แกนับได้ว่าเดือดตลอด แต่ก็น่าสงสารแกนะกลับมาจากสงคราม ตาทอมมี่เราวางแผนขยายอำนาจกลุ่มแบบไม่ปรึกษาแกจนสุดท้ายก็ต้องยอมให้น้องชายตัวเองขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มแล้ว เป็นตัวละครที่ผมชอบมากสุดเลยแล้วก็มีอีกตัวนึงครับ คือ alfie แสดงโดย tom hardy แต่ตัวละครนี้มาซีซั่นสองครับ อาเธอร์นี่ก็มีปัญหาทางจิตเหมือนทอมมี่นะครับ เพราะกลับมาจากสงครามแต่รุนแรงกว่าทอมมี่อยู่เยอะเลยครับ ซีซั่นหลังๆ นี่พลิกเลยครับจากอันธพาลหันไปเคร่งศาสนา และเชื่อฟังเมีย
• John Shelby น้องชายคนสุดท้องของเชลบี้ เท่ มีความกวนteen คาบไม้จิ้มฟันอยู่ตลอดเวลา เดินแบบโยกไหล่พร้อมบวก เป็นสายซัพพอร์ตสายบวกนะครับ ให้กำลังใจแต่ถ้าคุณจะบวกผมก็บวกแบบนี้เลยครับ จอห์นจะดูร่าเริงกว่าพี่น้องคนอื่น และไม่ได้เป็นคนซับซ้อนแบบทอมมี่ หรือเต็มไปด้วยปมในชีวิตแบบอาเธอร์ จอห์นเป็นสายกระทืบเหมือนกับอาเธอร์ ไม่กลัวอะไร เป็นน้องชายที่ให้ทำอะไรก็ทำ ไปไหนไปกันจอห์นถือว่าเป็นตัวหลักของแก๊งอีกคน ไม่ได้มีเส้นเรื่องของตัวเองมากมายแต่ก็อยู่ในปฏิบัติการปั่นป่วนสังคมตลอด เรียกได้ว่าตัวปั่นดีกว่าของเรื่องนี้ สีสันนี่ยกให้แกเลย

เรื่องราวในซีซั่นนี้จะต่อจากซีซั่นที่แล้วเลย หลังจากที่ ทอมมี่ (คิลเลียน เมอร์ฟี) วางแผนลอบสังหาร ออสวอลด์ มอสลีย์ (แซม คลาฟลิน) แต่ไม่สำเร็จ เปิดเรื่องมาก็จะให้เห็นว่า ทอมมี่สูญเสียคนของตัวเองไปส่วนหนึ่ง ไม่บอกว่าเป็นใคร ไปดูกันเอาเอง จากนั้นเวลาก็ผ่านไป 4 ปี ทอมมี่เปลี่ยนไป เขาเลิกดื่มและพยายามจะเป็นคนที่ใจเย็นมากขึ้น แต่เขาก็ยังมีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองช่วยเหลือคนจน เพื่อชดใช้ให้กับความผิดในอดีตของตัวเอง แต่เขาก็ยังต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย และศัตรูที่น่ากลัว สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ทอมมี่จะฝ่าฝันเรื่องราวในครั้งนี้ไปได้สำเร็จหรือไม่ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Peaky Blinders รับชมได้แล้วตอนนี้ทาง Netflix

ก่อนหน้านี้ (ตอนที่ 1-4) โครงเรื่องของ Peaky Blinders จะไม่ได้มีศูนย์กลางอยู่ที่เรื่องราวที่ฉูดฉาดเพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นไปที่การบอกเล่าเรื่องราวโดยละเอียดแทน ให้ความสนใจกับอารมณ์ของนักแสดง นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำได้ดีจนผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมและรู้ว่าซีซันนี้จบลงแล้ว! แต่สำหรับซีซั่น 5 มันไม่ใช่เลย เพราะปรับเนื้อเรื่องให้ “รวบรัด” มากขึ้น โดยสอดแทรกเนื้อหาอื่น ๆ ได้ถูกทางด้วย

ตัวละครหลักของเรื่อง โทมัส เชลบี หัวหน้าแก๊ง Peaky Blinders จะได้รับการส่งเสริมที่โดดเด่นในซีซัน 5 และมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ในอดีตเขาเป็นคนชอบแก้ปัญหาต่างๆ แทบจะอยู่คนเดียว แต่เมื่อ Thomas เลือกเส้นทางการเป็น “นักการเมือง” มันไม่ง่ายอย่างที่เคยเป็น เขาต้องเลือกทำบางอย่างที่ “ทำน้อย” แต่ “คิดมาก” ซึ่งเราคิดว่าเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาตนเองมากกว่า ส่งผลให้การดำเนินเรื่องเข้มข้นขึ้นทั้งเนื้อหาที

แม้ว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งเนื้อหาและคำถามก็ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะความต่อเนื่องของโครงเรื่อง “คาดเดาไม่ได้” ตามสไตล์ของซีรีส์นี้เรียกได้ว่าทำได้ดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านบรรณาธิการของการเล่าเรื่องของเอฟเฟ็กต์ต่างๆ รวมถึงการแสดงของตัวละครเจย์แก (โดยเฉพาะเจ๊พอลลี่) ที่สามารถขโมยซีนแทบทุกวินาทีที่ออกมา เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ครบองค์ประกอบสุดๆ ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีตัวละครที่จะไม่ถูกกล่าวถึงเลยในฤดูกาลนี้ เป็นตัวร้ายที่เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งทางความรักของโทมัส อย่างที่โทมัสเองยังเคยพูดว่า “เขาอาจเจอคนที่เขาเอาชนะไม่ได้แล้ว!” นั่นคือสมาชิกสภาคองเกรส ออสวอลด์ มอสลีย์ (รับบทโดยแซม คลาร์ก ฟลินน์ คุณคือคนก่อนหน้าฉัน) พูดได้เลยว่า “ดี!” มันจะเป็นการแสดงชั้นหนึ่งของเขา: บทสนทนา ความมั่นใจ การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และการจ้องมองที่ดุดันของเขา ทำให้เราเข้าสู่เรื่องราวได้แบบลืมตัวเลยทีเดียว

ซีซั่นสุดท้ายนี้ตึงเครียดและสนุกสนานเหมือนเคย ภาพสวยงาม และมีเรื่องการเมืองมากขึ้นเมื่อตัวละครเติบโตขึ้น เนื่องจากตัวละครหลักเป็นสมาชิกรัฐสภาอยู่แล้ว ฉันสงสัยว่าตัวละครหลักจะทำอะไร อะไรจะเกิดขึ้น โธมัส ยังดุเหมือนเดิม เจ้าเล่ห์เหมือนเคย ฉลาดมาก และไม่เป็นตัวเอกเลย ทำแต่เรื่องมืดมน แต่ลึกๆ แล้วฉันอยากเป็นคนดี พยายามทำความดีเพื่อชดเชยความผิดพลาด แต่เมื่อฉันเสียสติ ฉันจะบ้าดีเดือด ฮ่า. แต่ตัวละครโปรดของฉันยังคงเป็นอาเธอร์ พี่ชายที่แสนดีและคนจนหัวใจสลาย น้องสาวตัวร้ายที่มีชีวิตเป๋และยุ่งเหยิง พี่สาวพาไปเจอเรื่องร้ายๆ แต่ก็ยังรักน้องมาก พี่ชายที่แสนดีที่ยอมให้น้องเสมอ

สิ่งที่ซีรีส์ทำมาทุกซีซั่นตั้งแต่นั้นมาคือตอนจบของซีซั่นเนื้อเรื่องเข้มข้น และฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลสุดท้ายได้ดีเหมือนเคย ซึ่งยอดเยี่ยมมาก สวยงามโดยไม่มีตัวอักษรที่น่าเบื่อ บทสนทนาก็เขียนได้ดี ไดอาน่าภรรยาของออสวอลด์เป็นฟาสซิสต์ ทุกครั้งที่ตัวละครนี้พูดจะต้องมีการเหยียดเชื้อชาติในคำพูด หรือด่ายิวตลอดว่าตอกย้ำว่าเธอเป็นแบบนี้ คิดแบบนี้ แถมนักแสดงก็เก่งมาก รู้สึกว่า นักการเมืองส่วนใหญ่ในเรื่องมีตัวตนจริง ออสวอลด์ กับ ไดอาน่า มีทั้งสองอย่าง ครอบครัวเชลบีก็มีอยู่ทั้งหมดยกเว้นตัวละครหลัก นี้ถูกสร้างขึ้น เขาเป็นคนที่สานเรื่องราวและประวัติศาสตร์ได้อย่างราบรื่น

มีอีกอย่างที่ชอบมากๆ ในซีซั่นนี้คือ การใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มา แต่มันสื่อความหมายได้ดี อย่างฉากตอนที่ดวลปืนกันในหมอก และมีแม่ลูกเดินผ่านมา พอจังหวะมีลูกสาววิ่งไปอีกทาง แม่ก็พูดหลอกลูกว่า “เดินเข้าไปในหมอกระวังจะโดนพวก พีกี้ ไบลน์เดอร์ส จับไปนะ” สิ่งนี้บ่งบอกได้เลยว่าครอบครัวนี้น่ายำเกรงขนาดไหน การใส่บทพูดเล็กๆแบบนี้เป็นเสน่ห์ของซีรีส์จริงๆ อีกฉากที่ชอบคือ ฉากช่วงก่อนไมเคิลจะโดนทอมมี่ปลิดชีพ พอไมเคิลรู้ว่าตัวเองไม่รอดแน่ๆ เขาก็พูดกับจอห์นี่ว่า “นายเป็นคนดี”

จากนั้นจอห์นนี่ก็บอกกับโทมัสว่า “ฉันจะไปดูหมอกนะ ทอม” ฉากนี้รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันเจ๋งมากๆ และการที่ไมเคิลไม่อ้อนวอนร้องขอชีวิต ก็ทำให้มันยิ่งน่าจดจำเข้าไปใหญ่ อาจจะเพราะเขายอมรับแล้วว่า เขาไม่มีทางเอาชนะทอมมี่ได้ ถ้าดูเราจะรู้เลยว่า ไมเคิลนับถือและกลัวทอมมี่แค่ไหน แถมทอมมี่ยังเป็นคนที่พาไมเคิลเข้ามาในธุรกิจสีดำ และก็เป็นคนที่จบชีวิตไมเคิลด้วยตัวเองมันเลยยิ่งสะเทือนอารมณ์เข้าไปใหญ่

มีตอนจบด้วย ดีมาก ฉากพระเอกกำลังจะฆ่าตัวตาย และทำราชรถนั้นให้เหมือนงานศพของพระองค์. แต่ก่อนอื่นที่เขารู้ความจริง เขาถูกโกหก จากนั้นเขาก็ไปหาหมอไมเคิลหรือหมอส่วนตัวของเขา มีฉากหนึ่งที่ทอมมี่พูดว่า “ฉันเกิดใหม่แล้ว” และตัดสินใจไว้ชีวิตหมอ แล้วพระเอกโดนเผารถเพราะหมอสั่งให้คนงานเผา จากนั้นเมื่อตัวละครหลักมาถึงเขาก็เป็นม้าขาวและมีกล้อง Planja ที่ไหม้อยู่ในรถ มองผ่านเลนส์ไปเห็นม้าขาว

ตัวละครหลักสวยมากในฉากนี้ ฉันจำมันได้ดี การเผารถก็เหมือนงานศพของทอมมี่คนเก่า เขาเกิดใหม่อย่างแท้จริง และจบลงด้วยฉากที่เขาขี่ม้าขาว ถ้าใครยังจำพระเอกขี่ม้ามืดครั้งแรกเมื่อต้นซีซั่นแรกได้ แต่จบลงด้วยการขี่ม้าขาว บางทีนี่อาจหมายความว่าหลังจากนี้ทอมมี่ผู้โหดร้ายและมืดมนก็หายตัวไป เขาวางมือลงและเป็นคนดี แต่นั่นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น อาจจะไม่

สุดท้ายนี้ฉันอยากจะบอกว่าฉันขอแนะนำให้คุณลองดู เป็นซีรีย์ที่ควรค่าแก่การสละเวลาดู ไม่เสียเวลาแน่นอน ถึงผมไม่ชอบ ความเชื่อบางอย่างในเรื่อง แต่นี่เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เพราะแสดงว่าตัวละครเป็นคนอย่างนั้น ดังนั้น การเชื่อแบบนี้จึงถือเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวยิปซี ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ เนื้อเรื่องมันก็คุ้มนะ ดูโชว์คนเดียว นักแสดงทุกคนทำได้ดีมาก นอกจากนี้ เนื้อเรื่องยังน่าสนใจมาก คุณต้องดูมันจริง ๆ

กราฟิกทำมาอย่างดี และเป็นซีรีส์ที่ทำให้คนดูอึดอัด ใจเย็นๆ แต่อย่าพยายามตามโทมัส ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีเลย นี่จบอีกแล้วเหรอ? อยากดูต่อเพราะมีเรื่องมากมายเกี่ยวกับเด็กหายสองคนของทอมมี่ เขาต้องเล่นบทอะไร? แม้ว่าซีซั่นนี้จะเป็นซีซั่นสุดท้าย แต่แฟรนไชส์ยังไม่จบ พวกเขาวางแผนที่จะสร้างเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ บางทีเรื่องราวต่อไปอาจปรากฏในเวอร์ชันภาพยนตร์

จุดเด่นของทอมมี่ เชลบี้ซีซั่นนี้คือ เก่ง แสบและยิ่งใหญ่ ผ่านประสบการณ์มามากมายจนไม่คิดว่าเขาจะแพ้อะไร เลยต้องป้อนอุปสรรคคือบาดแผล แค่เสียเธอคนนั้นก็เจ็บปวดแล้ว ตอนนี้ก็เล่นใหญ่ให้ครอบครัว พอลลี่ อาเธอร์ จอห์น แยกจากทอมมี่ไปซีซั่นนี้พังมาก ไร้ความสุขจริงๆ สงครามมาเฟียพาทุกคนกลับมารวมกันได้จริง แต่ก็ท้าทายทอมมี่ด้วยอาเธอร์ก็มีปัญหาทางใจ พอลลี่คนที่รู้ใจและเชื่อใจมากที่สุดของเขา ก็แค้นเขามาก และอาจเป็นคนที่เขาต้องระวังมากที่สุด

พันธมิตรของเขาก็ขี้เหนียวเช่นกัน Alfie Solomons เป็นเพื่อนกัน แต่ Alfie นั้นอันตราย Aberama Gold พันธมิตรที่ถูกว่าจ้างให้ฆ่าชาวอิตาลี เป็นคนอืดอาดและเสียชื่อเสียงมาก

โครงเรื่องรองเกี่ยวข้องกับผู้หญิงหลายคน เมย์ ผู้หญิงที่เขาเคยรักยังคงหลงรักลิซผู้เอาใจของทอมมี่ พระคุณที่เขายังรัก Jesse Eden นักเคลื่อนไหวด้านแรงงานสตรี หญิงสาวที่เข้ามาเป็นศัตรูร่วมอุดมการณ์และครั้งนี้เป็นรักแรกของเขาพูดได้เลยว่าเดาไม่ออกว่าจะลงเอยอย่างไร