รีวิวหนังNetflix เรื่อง ย้อนเวลาหาอดัม

ย้อนเวลาหาอดัม เรื่องย่อ เรื่องราวของ อดัม รี้ด (ไรอัน เรย์โนลด์ส) นักบินหนุ่มที่ได้เดินทางข้ามเวลา หลังจากประสบอุบัติเหตุยานตกในปี 2022 ก็ได้ย้อนเวลากลับไปและแอบเข้าไปในบ้านลึกลับแห่งหนึ่งจึงพบเข้ากับเด็กวัย 13 ปี และต่อมาก็ได้รับการเปิดเผยว่าเป็นร่างในวัยเด็กของตัวเขาเอง เขาทั้งสองจึงต้องร่วมมือกันตามหาพ่อ ( มาร์ค รัฟฟาโล ) พร้อมกับทำภารกิจกอบกู้อนาคต

ทางด้านพล็อตเดินทางข้ามเวลาและกลไกเบื้องหลัง สารภาพว่ามีตามไม่ทันรายละเอียดหลายจุด อาจจะเพราะมันค่อนข้าง sciencific มาก ๆ บวกกับหนังไม่ได้เล่าแบบชัดแจ้งเท่าไรนัก บางจุดจึงอาจจะยังไม่เคลียร์เท่าไร แต่โดยรวมถ้าดูผ่าน ๆ ก็ถือว่าโอเค ไปชมหนังน่าสนใจที่ รีวิวหนังน่าดู

ส่วนนักแสดงคนอื่น ๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก แม้ว่าตัวละครสมทบ แม้แต่ละตัวละคนออกมาไม่ได้มากมายอะไรนะ แต่มันก็สร้างแรงกระเพื่อมให้กับหนังได้อย่างดี ก็สมราคาที่เขานำนักแสดงเบอร์ใหญ่ทั้งสามคนที่กล่าวไปมาเล่นในหนังเรื่องนี้

จุดเด่นของภาพยนตร์ The Adam Project นักแสดง จากจักรวาลมาร์เวลและตัวละครฮีโร่ที่มีบางอย่างเหมือนกันกับเหล่าอเวนเจอร์สเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มาร่วมแสดงเป็นครอบครัวเดียวกัน มิติใหม่ที่แท้จริง โดยมี Hulk และ Erika เป็นพ่อแม่ของ Deadpool ลูกสะใภ้เป็น Gamora และพากย์ไทยที่ไม่ใช่แค่หนังไซไฟฮาร์ดคอร์ทั่วไป แต่ก็เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับผู้คนด้วย บอกเล่าเรื่องราวของเด็กชายที่สูญเสียพ่อไป และพยายามเข้าใจความหมายและค้นหาเรื่องราวในวัยเด็กของเขา ผ่านการผจญภัยที่น่าสนใจทำให้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

อีกทั้งในแง่ของแอคชั่นที่ดูเป็นโทนหนังครอบครัวแต่ดูสนุกก็สมศักดิ์ศรี เอฟเฟ็กต์พิเศษที่น่าทึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ Netflix ปล่อยวิดีโอตัวอย่างแรก ผู้เขียนยังเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เคยฉายในโรงภาพยนตร์ เพราะดูจากภาพแล้ว มันดูเหมือนหนังราคาประหยัดจริง ๆ โดยมีนักแสดงหลักอย่าง Ryan Reynolds และ Walker รับบทเป็น Ryan ตอนเป็นเด็ก สัมผัสความมันส์ได้ไม่ไกล! และดูเหมือนว่าตัวเอกจะเป็นพ่อของ Ryan เท่ากับว่างานนี้จะมีดาราสมทบมาเซอร์ไพรส์คนดูแน่นอน

ความประทับใจแรกของฉันคือมันเป็นหนังไซไฟอวกาศ เป็นหนังแนววิทยาศาสตร์กายภาพที่เล่าเรื่องย้อนเวลา มองกลับไปกลับมาราวกับว่าเขากำลังล้อเลียนทฤษฎีการเดินทางข้ามเวลาของ Black to the Future หรือ Avenger: End Game เช่น การห้ามพบปะและพูดคุยกับตัวตนในอดีต การสัมผัสอดีตสร้างความผันผวนในอนาคต รายการหนังอย่างเมื่อตัวละครใดกล่าวถึงทฤษฎีการเดินทางข้ามเวลาเหล่านี้ก็มีตัวละครที่ตัดบททันที หนังแสดงให้เห็นว่าการย้อนกลับไปแก้ไขอดีตนั้นสำคัญกว่าการหมกมุ่นกับทฤษฎีใด ๆ ที่ทำให้คุณปวดหัว แต่สามารถอนุญาตให้มิติเวลามาบรรจบกันได้มากกว่าสามมิติ นอกจากนี้ คุณสามารถดูได้ด้วยความรู้ ผมว่าเขาเล่าเรื่องเก่งนะ

ความประทับใจที่สองคือความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของอดัมในอนาคตกับอดัมในวัยเด็กของเขา และเขาล้อเลียนว่าอดัมในอนาคตของไรอัน เรย์โนลด์ส ซึ่งรับบทโดยไรอัน เรย์โนลด์ จะต้องพบกับลุงของเขา รับบทโดยวอล์คเกอร์ สโคเบล ถ้านึกถึงหน้าตาของไรอัน เรย์โนลด์ ไม่ว่าเขาจะเล่นหนังเรื่องไหนในเรื่องหลัง เขาก็มีเรื่องให้พูดถึงเสมอ แต่ในเรื่องนี้ เขาต้องทนกับความเป็นเด็ก ช่างพูดน่ารำคาญจนเขาอดหัวเราะไม่ได้ เพราะรู้ว่าทีมผู้ผลิตต้องการสร้างตัวละครเด็กนี้ขึ้นมาเพื่อล้อเลียนไรอัน นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ในอดีตหลายเรื่องของ Reno และโดยส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกว่า เขาประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือ Walker Scooblake เก่งมากในการเป็น Chatterbox และตัวละครสองตัวนี้เคมีเข้ากันสุด ๆ

ชอบการออกแบบฉากแอ็คชั่น ที่จะมีความเวอร์วังอลังการ ตามสไตล์ของหนังแนวอนาคต ที่ชอบมาก ๆ ก็คืออาวุธของอดัมในอนาคตที่เจ้าอดัมวัยเด็กเรียกว่า “ไลท์เซเบอร์” ผมคิดว่าเป็นอาวุธที่เท่มาก แต่เสียดายมากในตอนท้ายเรื่องอาวุธนี้กับใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม มีการกระทำน้อยมากในภาพยนตร์ ยิ่งในตอนจบของเรื่อง ทุกอย่างดูเหมือนง่ายมาก ตัวอย่างเช่น สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง Into the Lizard ต้องการแสดงก็คือองค์กรที่มีความปลอดภัยสูงนั้นเป็นเรื่องง่าย ไม่มีใครเฝ้าดูแลองค์กรเลย เมื่อประกอบกับมนุษย์ที่สวมชุดเกราะขององค์กรแล้ว พวกมันมีขนาดเล็กมาก มันเหมือนกับการเดินไปข้างหน้าตัวเอกเพื่อยิงหรือตัดอย่างลวก ๆ แล้วพล็อตก็ระเบิดในตอนท้ายซึ่งง่ายมาก ดูเหมือนว่าสถานที่ที่เตาปฏิกรณ์ อาร์คระเบิดใน Iron Man 1 ไม่จำเป็นต้องพูดถึงผู้ร้ายในเรื่องที่ฉันไม่ชอบและเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของ Jingcheng พูดได้คำเดียวว่ากระจอกมีจริง อะไรจริง ในประเด็นนี้เข้าใจได้ว่าเขาไม่ต้องการให้ตัวร้าย “ความมืด” โหดร้ายเกินไป เนื่องจากนี่เป็นภาพยนตร์สำหรับครอบครัว อย่าลืมว่า

แต่พอดูหนังเรื่อง The Adam Project Netflix จนจบเรื่องเราจะเข้าใจว่าเขาต้องการนำเสนออะไรต่อผู้ชมมากที่สุด จริงๆ แล้วมันไม่ใช่หนังแอคชั่นเลย แต่นี่เป็นหนังครอบครัวที่แตกต่างกัน เน้นความสัมพันธ์ในครอบครัว เน้นความสัมพันธ์เพื่อใช้เวลากับครอบครัวและคนที่คุณรัก เพราะเราไม่รู้ว่าคนในครอบครัวหรือคนที่เรารักจะตายเมื่อไหร่ ประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้ “เราจะแก้ปัญหาอะไร” ไม่มีอะไรดีเท่ากับการใช้เวลาที่มีคุณภาพกับคนที่เรารัก

เขาแสดงได้ดีในภาพยนตร์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก หรือความสำคัญของเวลา จนเราน้ำตาซึมโดยเฉพาะฉากที่เนื้อเรื่องเรียบง่ายมาก ฉากที่พ่อลูก 2 คนในอนาคตขว้างลูกเบสบอล เชื่อเถอะ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ต้องสะเทือนใจกับฉากนี้แน่นอน