รีวิวหนังnetflix Drifting Home (2022) บ้านล่องลอย
เหตุเกิดในช่วงฤดูร้อน กลุ่มนักเรียนวัยประถมซึ่งติดอยู่ในอพาร์ทเมนต์ร้างที่ลอยละล่องไปตามกระแสน้ำ ต้องหันมาคิดทบทวนตัวเองเพื่อหาหนทางกลับบ้าน ในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนสุดท้ายของชั้นประถม โคสึเกะ และไทชิกับยูซุรุเพื่อนในชมรมฟุตบอลตกลงกันว่าจะไปทำวิจัยเรื่องผีกันที่อพาร์ทเมนท์คาโมโนคิยะ ที่ที่ผู้คนลือกันว่าเป็นอพาร์ทเมนท์ผีสิง และกำลังจะถูกรื้อทิ้งในไม่ช้า ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
แถมที่นั่นก็ยังเป็นบ้านเก่าของโคสึเกะ กับ นัตสึเมะ เพื่อนสมัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกัน พอทั้งสามไปถึงก็เจอเข้ากับนัตสึเมะที่มักจะมาที่นี่บ่อยครั้งเพื่อเจอกับนปโปะคุง เด็กหนุ่มที่เธอบอกว่าอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งนี้ หลังจากนั้น ก็เกิดเหตุการณ์อะไรต่าง ๆ ขึ้นจนเม็ดฝนได้เทกระหน่ำลงมา พอรู้ตัวอีกที โคสึเกะและผองเพื่อนก็ได้อยู่ในบ้านเก่าที่ล่องลอยอยู่กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไปซะแล้ว
เนื้อหาจะเล่าถึงอพาร์ทเมนท์หนึ่งที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ ของเด็กสองคนที่เคยอาศัยอยู่ที่นั้น
คุมากายะ โคสึเกะ และ โทจิ นัทสึเมะ แม้จะเคยสนิทกันมากในวัยเด็ก แต่ด้วยเหตุบางอย่างทำให้เขาทั้งคู่ออกห่างกัน เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน เพื่อนในชั้นเรียนเดียวกันกับโคสึเกะ ก็ได้ชวนโคสึเกะไปยังอพาร์ทเมนท์เพื่อไปสำรวจตรวจหาผีตามที่ใครๆ บอกเล่าจนไปพบกับนัทสึเมะ ที่แอบนั่งหลับอยู่ในอพาร์ทเมนท์เพื่อเฝ้ารอพบกับ นปโปะ เด็กหนุ่มปริศนาที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์แต่ไม่เคยออกมาให้ใครเห็นเลยยกเว้นนัทสึเมะ จึงทำให้เพื่อนๆ ไม่เชื่อนัทสึเมะว่านปโปะมีตัวตนอยู่จริง ดูหนังออนไลน์
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็สำรวจพื้นที่และไปพบเข้ากับแคมป์ที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้า และความไม่ลงรอยกันระหว่างโคสึเกะ และนัทสึเมะก็ทำให้พวกเขาเริ่มมีปากเสียง และเรื่องราวก็ยิ่งบานปลายหนักขึ้นเมื่อ ฮามะ เรย์นะ พร้อมเพื่อนสนิทของเธอขึ้นดาดฟ้ามาสมทบเพื่อติติงนัทสึเมะ ( เพราะเธอเข้าใจว่านัทสึเมะตามตอแยโคสึเกะเด็กหนุ่มที่เธอชอบ ) ดูหนังฟรี
เหตุการณ์หลายๆ อย่างกดดันให้นัทสึเมะวิ่งหนีจากเพื่อนๆ ปีนปายขึ้นไปสูงขึ้นๆ และพลาดร่วงลงในที่สุด ในวินาทีที่กำลังร่วงลงสู่พื้น ฝนก็ตกหนักจนมองไม่เห็นทัศนียภาพใดๆ และเมื่อฝนหยุดตก ทุกอย่างก็หายไป เหลือเพียงอพาร์ทเมนท์ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำและเด็กอีก 6 คนที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง พวกเขาจะออกจากที่แห่งนั้นได้อย่างไร แล้วนปโปะคือใคร แค่เพื่อนในจิตนาการของนัทสึเมะ
อนิเมะเรื่องนี้มาจากค่าย Studio Colorido ที่สร้างชื่อจาก “Penguin Highway” รีวิวหนังnetflix Drifting Home (2022) บ้านล่องลอย
ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Japan Academy Film Priz ครั้งที่ 42 ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และผลงาน “เหมียวน้อยคอยรัก (A Whisker Away)” ผลงานที่ลง Netflix ไปในปี 2020 โดยยังเป็นเรื่องราวแฟนตาซีอิงความเชื่อญี่ปุ่นเป็นแบ็คกราวด์ซ่อนอยู่จางๆ เดินเรื่องโดยใช้ตัวละครเด็กประถมทั้งหมด แต่ก็มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวอยู่ในเรื่องราวนี้ด้วยเช่นกัน
ความแฟนตาซีของเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้มีคำอธิบายแบบชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นตัวเรื่องจึงไม่ได้เป็นการผจญภัยเพื่อไขปริศนาว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แม้ตัวละครในเรื่องจะพยายามหาคำตอบแต่ก็ไม่พบ มีเพียงแค่การกล่าวอ้างอิงแบบเป็นนัยๆ ถึงพวกความเชื่อของทางเอเชียเกี่ยวกับพวกวิญญาณหรือเทพที่สิงสถิตย์อยู่ในสิ่งต่างๆ
เชื่อมโยงว่าอพาร์ตเมนต์มีบางสิ่งอยู่ที่ไม่ใช่ผี และก็ไม่ได้มีแต่ที่นี่เท่านั้นที่ลอยอยู่ในทะเลปริศนานี้เท่านั้น ซึ่งคนทางเอเชียคงพอดูแล้วเข้าใจอยู่บ้าง แต่ถ้าต้องการเฉลยในเรื่องนี้ไม่มีให้ และก็ดูเป็นจุดด้อยสำคัญของเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันที่ทุกอย่างดูเหมือนถูกยัดใส่มาแบบไม่ได้คิดจะอธิบายอะไร แม้อาจจะดูไม่จำเป็นหรือไม่ทำให้งงก็ตาม แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีคำอธิบายอะไรมากกว่านี้ เพราะมันจะช่วยทำให้คนอินกับเรื่องราวได้มากกว่าที่เป็นอยู่
การดำเนินเรื่องเน้นไปที่ความผูกพันของเด็กสองคน โคสุเกะกับนัตสึเมะ ที่แยกจากกันแล้วกลับมาเจอกันผ่านการผจญภัยในบ้านล่องลอยนี้
โดยที่ตัวละครเด็กคนอื่นแทบเป็นตัวประกอบของเรื่องมากกว่า เพราะแทบไม่มีบทบาทสำคัญอะไรกับเรื่อง ตัวเรื่องพยายามอย่างมากที่จะสร้างอารมณ์แนวความรักใสๆ แบบเด็กปากแข็งรักแต่กล้าพูดบอกออกมา ทำตัวเป็นคู่กัดกันตลอดเวลา ซึ่งทำให้ทั้งเรื่องมีแต่ฉากซึนกันไปซึนกันมาค่อนข้างน่าเบื่ออยู่พอสมควรถ้าเป็นผู้ใหญ่ดู ซึ่งคงสนใจด้านการผจญภัยเอาชีวิตรอดมากกว่า
แต่ด้วยความที่เรื่องนี้เป็นเด็กประถมทั้งหมด ตัวเรื่องจึงไม่ถึงขนาดแนวเซอไววัลเอาชีวิตรอดอะไรได้มาก แต่ตัวบทก็พยายามให้ตัวละครเด็กนี้แสดงความเป็นผู้ใหญ่ พยายามหาทางหาอาหารที่ไม่ใช่แค่พยายามตกปลา แต่คือการผจญภัยข้ามไปยังบ้านอื่นๆ ที่ลอยสวนผ่านมาในเรื่องเพื่อหาอาหารมาประทังชีวิตเป็นหลัก แต่อย่างอื่นตัวเรื่องแทบไม่พูดถึงเลยว่าต้องมีอะไรบ้าง ซึ่งก็หยวนๆ เข้าใจได้เพราะมันไม่ใช่แนวเอาชีวิตรอดเต็มสูบแบบที่บอก
Drifting Home บ้านล่องลอย หรือชื่อในต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นว่า 雨を告げる漂流団地 (อาคารห้องชุดลอยน้ำที่เรียกฝนให้ตกลงมา) เป็นภาพยนตร์อานิเมะออริจินัลเรื่องใหม่ล่าสุดของ Netflix สร้างสรรค์โดย Studio Colorido ผู้สร้าง Penguin Highway (2018), A Whisker Away (2020) และ Star Wars: Visions (2021) ตอน ‘Tatooine Rhapsody’ และกำกับโดย Hiroyasu Ishida ซึ่งเคยกำกับ Penguin Highway มาก่อน
เนื้อเรื่องเริ่มขึ้นด้วยการปูพื้นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตัวเอก โคสุเกะ รีวิวหนังnetflix Drifting Home (2022) บ้านล่องลอย
(พากย์เสียงโดย Mutsumi Tamura) และ นัตสึเมะ (พากย์เสียงโดย Asami Seto) ว่าเมื่อก่อนสนิทกันมาก แต่หลังจากคุณปู่ของโคสุเกะซึ่งทั้งคู่เคารพรักมากเสียไป ประกอบกับครอบครัวของทั้ง 2 คนได้ย้ายออกจากอาคารห้องชุดคาโมโนมิยะหมายเลข 112 ที่กำลังจะโดนทุบทิ้ง ทำให้ต่างคนต่างค่อยๆ ห่างเหินกันไป แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อโคสุเกะและนัตสึเมะกลับมายังอาคารห้องชุดดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน จู่ๆ ก็มีฝนตกลงมาห่าใหญ่ และพอรู้สึกตัวอีกที ตึกห้องชุดทั้งหลังก็ไปลอยเท้งเต้งกลางทะเลที่ไหนไม่รู้ แถมยังมีเด็กปริศนาชื่อ นปโปะ (พากย์เสียงโดย Ayumu Murase) ผู้อ้างว่าอยู่กับอาคารห้องชุดหลังนี้มานานแล้ว โผล่มาร่วมวงด้วย
อย่างแรกก็คือ พล็อตแปลก เลยทำให้น่าสนใจมาก จริงอยู่ที่ว่าแอนิเมชันแนวๆ ตึกตั้งกลางน้ำแล้วขายเนื้อหาในแนวเอาชีวิตรอดนั้นมันก็พอมีอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้ต่างจากเรื่องอื่นๆ ตรงที่เหตุเกิดจากความขัดแย้งของเด็กๆ และเหตุอันตรายที่กำลังมาเยือนตัวละครหลัก ทำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดนำพาพวกเขาไปยังสถานที่แปลกๆ แต่เต็มไปด้วยเรื่องเหนือจินตนาการเกินคาดคิด เมื่อมันมีความเป็นไซไฟแฟนตาซีอยู่สูงมากสิ่งที่ชวนประทับใจต่อมาก็คือภาพสวยสมจริง ไม่ว่าจะตอนฝนตกหนักมาก ในฉากก็มีความเป็นหมอกควันฟุ้งๆ ตึกอาคารมีความเหมือนภาพแนว 3D ดังนั้ในเรื่องเราจะได้เห็นภาพแนว 2D และ 3D กันเลย โทนสีของพื้นน้ำ และท้องฟ้าสวยมาก แม้แต่การต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภาพก็สวยจนรู้สึกอยากลุกไปต้มมาม่ากินตามเลย
ภาพยนตร์อนิเมะ Drifting Home หรือ บ้านล่องลอย เป็นเรื่องราวที่จะทำให้คุณนึกย้อนไปถึงบ้านหรือสถานที่แห่งความทรงจำที่มีความสุขที่สุด อย่างตัวละครนัตสึเมะ ที่เธอมักจะกลับมาที่อพาร์ทเมนท์คาโมโนคิยะอยู่บ่อยครั้ง แม้เรื่องราวจะดำเนินด้วยตัวละครหลักที่เป็นเด็กประถม แต่เหตุการณ์ที่พวกเด็ก ๆ ต้องเจอนั้นเรียกได้ว่าโหดเอาเรื่องเลย จริง ๆ ส่วนตัวแล้วผู้เขียนค่อนข้างชอบน้องนัตสึเมะมาก ๆ เลยค่ะ ด้วยความที่เรื่องเป็นแนวแฟนตาซีแถมยังต้องคอยคิดหาวิธีเอาตัวรอด นัตสึเมะที่มีนิสัยมองโลกในแง่ดีและดูเป็นผู้ใหญ่จึงดูเป็นตัวละครสำคัญในเนื้อเรื่องแนวนี้ แต่ก็มีบางตัวละครที่เวลาดูก็จะรู้สึกรำคาญที่เอาแต่พูดโวยวาย แต่ถ้าขาดตัวละครแบบนี้ไป ผู้เขียนคิดว่าเนื้อเรื่องก็อาจจะขาดความสมจริงลงไปได้
นอกจากนี้ยังมีตัวละครปริศนาที่มาในรูปร่างของเด็ก แต่ก็มีความพิเศษบางอย่างติดตัว และก็เกี่ยวพันกับเหตุการณ์นี้โดยตรง และพยายามบิ้วให้เรื่องราวดราม่าผ่านการไขปริศนาว่าเขาคนนี้คือใคร แต่ด้วยความที่ตัวเรื่องแทบไม่มีคำอธิบายอะไรออกมาชัดเจนด้วย ก็เลยเหมือนคำตอบที่เปิดกว้างให้ผู้ชมจินตนาการกันเองในระดับหนึ่งมากกว่าครับ
งานภาพอนิเมชั่นของเรื่องถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีแบบฉายโรงได้เลย (แต่ความละเอียดเป็นแค่ HD ไม่ใช่ 4K)
ซึ่งตัวสตูดิโอนี้ก็มีชื่อเสียงเรื่องคุณภาพตรงนี้อยู่แล้ว แต่เสียตรงที่ว่าฉากต่างๆ ในเรื่องไม่ได้มีอะไรที่สวยมาก ไม่เหมือนอย่างเรื่องบับเบิ้ลที่น้ำท่วมโตเกี่ยวเหมือนกันแต่ทำออกมาได้งดงามมาก เรื่องนี้ทั้งเรื่องคือทะเลเวิ้งว้างกับบ้านผุพังทั้งนั้น จึงไม่ได้มีฉากโชว์อะไรสวยๆ เลย มีแค่ตอนก่อนจบนิดเดียวที่ดดูสวยดีเท่านั้นกับฉากบ้านที่บินเหนือท้องฟ้าได้ จากที่ต้องลอยในทะเลทั้งเรื่อง
แอนิเมชันไม่ได้ขายแค่พล็อตแปลกเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวของการเอาตัวรอดของเด็กทั้งหมด และภายในเรื่องก็ไม่ได้นำเสนอในเชิงมิตรภาพที่ดีสวยงามเท่านั้น ในความเป็นจริงในบางครั้งเมื่อคนหมู่มากตกที่นั่งลำบากเจอเรื่องแย่พร้อมกัน มันก็จะมีทั้งคนที่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือคนอื่นๆ รวมไปถึงคนที่คิดถึงแค่เรื่องตัวเอง และโทษทุกสิ่งอย่าง ซึ่งภายในเรื่องก็มีส่วนนี้ให้เห็น หนำซ้ำบทของเด็กที่เอาแต่โวยวายยังโวยวายได้ชวนหงุดหงิดมากๆ ด้วย ทำเอาเราอินมากจนอยากตะโกนใส่ว่าช่วยหยุดโวยวายสักทีได้ไหมเลยล่ะ
แต่พอคิดถึงความสมเหตุสมผลมันกปกติของเด็กวัย 11-12 แหละนะ แม้จะมีคนงองแง โวยวาย ดื้อรั้นในแบบเด็กๆ แต่ก็ยังมีเด็กที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ พอจะเป็นที่พึ่งของเพื่อนๆ ได้อยู่ ส่วนสุดท้ายคือเมื่อมันมีปมความขัดแย้งแต่ต้นเรื่อง ปลายเรื่องมันก็จะคลายปมออก และเสน่ห์ของแอนิเมชันแบบนี้ก็คือ มันเป็นความสุขที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ชอบมากจริงๆ
เหนืออื่นใด นิสัยเสียของเด็กๆ เหล่านี้จะมีให้เห็นไปตลอดทั้งเรื่อง แต่จะเห็นน้อยลงเพราะตัวหนังคอยหาโมเมนต์ให้ตัวละครได้แสดงด้านที่ (น่าจะ) ทำให้ผู้ชมยอมรับมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นในกลุ่มตัวเอกก็มีบางตัวที่จนแล้วจนรอดมีบทบาทน้อยจนแทบตัดออกได้โดยไม่ส่งผลกระทบกับเนื้อเรื่อง และว่ากันตามตรง ตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ไม่มีพัฒนาการ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แนว Coming-of-age แต่มันเป็นดราม่าในคราบแฟนตาซีที่กดดันให้ตัวละครเรียนรู้และยอมรับความจริงบางอย่างให้ได้ เพื่อที่จะสามารถ ‘มูฟออน’ ต่อไป