รีวิวหนัง นักเลงยุค 90 หนัง netflixมาใหม่ เรื่อง 4Kings อาชีวะยุค 90s ภาพยนต์ไทยที่เล่าเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงบางส่วนของ เด็กช่างจาก 4 สถาบันที่ไล่ตีกัน ซึ่งเป็นข่าวดังมากในยุคนั้น ได้นำมาดัดแปลงทำเป็นหนังให้เราได้ชมกัน แบบเต็มเรื่อง พากย์ไทย เรียกได้ว่า วันที่เข้าฉายครั้งแรก เด็กช่างทุกคนแห่กันไปดูจนแน่นโรง และตอนนี้ใครที่ยังไม่ได้ดู สามารถดูได้แล้วที่เว็บดูหนังมาใหม่ หรือจะอ่านรีวิวก่อนก็ได้
เรื่องย่อ 4 คิง
4KINGS เรื่องย่อ: จากเหตุการณ์จริงของเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างนักเรียนช่าง 4 สถาบัน สู่ภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดบทเรียนชีวิตที่พวกเขาได้พบเจอ เมื่อความคึกคะนองในช่วงวัย สร้างมิตรภาพ และศัตรูมาพร้อมกัน
เป็นอีกโปรเจกต์หนังที่ใช้เวลาเดินทางมาอย่างยาวนานทีเดียวกว่าที่ พุฒิพงษ์ นาคทอง ผู้กำกับที่จบจากวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธารามจะเริ่มไล่ล่าความฝันการเป็นนักสร้างหนัง โดยไต่เต้าจากเด็กกองจนมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้กับ ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค ได้ในที่สุด และเขาก็พกพาเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมาในสมัยเรียนเขียนออกมาเป็นบทหนังออกเร่หาทุนเป็นเวลาหลายปีจนแทบนึกว่าโครงการจะล่มไปเสียแล้ว แต่ในที่สุดเขาก็ได้มาทำหนังยาวกับค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด ค่ายหนังไทยหน้าใหม่ที่ดูมีวิสัยทัศน์น่าสนใจทีเดียว
และอาจด้วยการฝ่าฟันผลักดันความฝันนี้มาอย่างยาวนาน เหมือนว่าเรื่องที่เขาอยากเล่ามันได้ถูกเคี่ยวถูกบ่มจนได้ที่ เค้นเนื้อเน้น ๆ ดีกรีแรงออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ ถ้าถามว่าความรู้สึกมันคล้ายหนังเรื่องไหน ก็คงเป็น ‘2499 อันธพาลครองเมือง’ ในแบบฉบับที่จริงจังขึ้น และคมคายสมจริงขึ้นตามยุคสมัย

จุดเด่นของหนังเรื่อง 4Kings
จุดเด่นของหนังคือการได้เด็กช่างตัวจริงที่ไปคลุกวงในเด็กช่างเด็กเทคนิคยุค 90s มาจริง ๆ จนได้วัตถุดิบที่สมจริงมาปรุงการเล่าเรื่อง แต่ละรายละเอียดในหนังเป็นการผสมผสานหลากหลายชีวิตและบทเรียนจากคนมากมายกว่าจะนำมาผูกสร้างเป็นตัวละครแต่ละตัว แม้จะยืนพื้นจากบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงและหลายคนก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ทว่าผู้กำกับก็ฉลาดพอที่จะทำให้มันเป็นเรื่องแต่งเพื่อไม่ให้กระทบคนจริง ๆ ที่ว่ามา และในแง่ดีคือมันใส่ลูกขยี้ลูกดราม่าชีวิตบัดซบให้ตัวละครได้มากขึ้นด้วย
สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือการคัดเลือกนักแสดงนั้นค่อนข้างดี นานมากแล้ว ที่ฉันไม่เห็นทีมงานที่สามารถเลือกการคัดเลือกนักแสดงในเรื่องได้ ตัวละครในเรื่องมีค่อนข้างน้อย ทีมสร้างจึงเลือกโฟกัสไปที่ ใจไทย ทศมิตร หรือ บิลลี่ อินทนนท์ ตัวละครของ อิชณากร พึ่งเกียรติรัศมี เช่นเดียวกับเพื่อนที่แสนดีสองคนที่นำพาผู้ชมไปสู่โลกของเขา ดา อินทนนท์ รับบทโดย เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มเพื่อน และอีกคนคือ รูพาย อินทร รับบทโดย ภูมิ ภูมิรังษี ธนานนท์ ตัวแสบในกลุ่ม รร.อินทรอาชีวะ
จริงๆ แล้วชื่อ 4kings อาชีวะเต็มเรื่อง ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่ามี 4 องค์กรที่เป็นคู่แข่งกัน แต่เรื่องราวจะเล่าผ่านมุมมองของฝ่ายอินทรวชิวะเป็นหลัก โดยเน้นไปที่ เทคโนโลยีประชาชื่น คู่แข่งตัวฉกาจ (บิดจากของจริง เรียกว่า เทคโนโลยีประชาชื่น) โดยมีตัวละครหลักได้แก่ มด ชล หัวหน้าทีม รับบทโดย โจ๊ก อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัตน์ และขวา- มือไม้ โอ๋ ชล รับบทโดย ณัฏฐ์ กิจจาฤทธิ์
และจะยังมีอีก 2 สถาบันสุดแสบอย่าง กนกอาชีวะ และช่างกลบุรณพนธ์ เป็นตัวสอดแทรกเข้ามาเป็นระยะ โดยเล่าผ่านตัวนำอย่าง บ่าง กนก ที่รับบทโดย แหลม สมพล รุ่งพาณิชย์ หรือ แหลม 25Hours และ เอก บู รับบทโดย ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ ซึ่งหนังฉลาดในการค่อย ๆ พาจากกลุ่มอินทรไปรู้จักกลุ่มอื่น ผ่านตัวละครของบิลลี่ที่มีเหตุให้ต้องเข้าไปร่วมหัวจมท้ายกับ โอ๋ ชล และ เอก บู ในช่วงเวลาหนึ่ง
และยังฉลาดในการใส่ตัวละครตัวป่วนที่เข้าไปปั่นสถานการณ์ให้วุ่นวายหนักข้อโดยไม่เลือกหน้าอย่างกลุ่มเด็กเจ้าถิ่นที่เรียกว่าเด็กบ้านที่นำแก๊งโดย ยาท เด็กบ้าน รับบทโดย บิ๊ก อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบรียล หรือ D Gerrard และเมื่อหนังแนะนำตัวละครสำคัญ ๆ ได้ครบ ทั้งยังให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่บ้างเป็นศัตรูอยู่ร่วมโลกไม่ได้ บ้างเป็นศัตรูที่ยอมรับให้เกียรติกัน บ้างก็เป็นมิตรที่อยู่คนละขั้วและต้องเลือกอยู่เสมอว่าระหว่างสถาบันกับเพื่อนน้ำหนักสิ่งไหนสูงกว่ากัน ซึ่งทำให้เนื้อหามันมีมิติความซับซ้อนที่ดีพอจะทำให้เกิดสถานการณ์ชวนเอาใจช่วยตัวละครมากมาย
และที่ชอบมากอีกประการคือการสร้างบทสนทนา หนังเรื่องนี้มีบทสนทนาที่ดีมาก ๆ เกิดขึ้นระหว่างความขัดแย้งของตัวละครที่คมคายมาก ๆ ไม่ใช่เพียงระหว่างศัตรู แต่ระหว่างลูกกับพ่อแม่ เพื่อนกับเพื่อน ครูกับศิษย์ คนรักกับคนรัก และแม้ตัวเรื่องมันจะเป็นอะไรที่ดราม่าเชย ๆ แบบที่เราเห็นในหนังสะท้อนสังคมแทบทุกเรื่อง ทว่าบทสนทนาในเรื่องกลับทำให้มันแตกต่างและน่าจดจำอย่างไม่น่าเชื่อ
ที่สำคัญมันไม่ได้แค่ชวนคิดชวนถกเถียงเท่านั้น แต่มันยังเปี่ยมด้วยทัศนคติที่ดี และเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากพอจริง ๆ และสำคัญอย่างยิ่งที่มันไม่ได้ตัดสินตัวละครจากสิ่งที่สังคมให้ค่าเลย ในเรื่องนี้ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องถูกเสมอ เด็กก็อาจมีเหตุผลที่ดีกว่าก็ได้ในมุมมองของเขา อะไรเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากในการเป็นหนังสะท้อนสังคมเรื่องหนึ่งในยุคแห่งเหตุและผลเช่นนี้

จุดด้อยของตัวภาพยนต์
สำหรับสิ่งที่ดีทั้งหมดภาพยนตร์เรื่องนี้มีข้อบกพร่อง ที่กล่าวว่า มันไม่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้ชมที่ต้องการเห็นการกระทำที่เข้มข้นและเป็นลูกผู้ชายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีให้ หนังตัดความรุนแรงอย่างฉากต่อสู้ข้ามมิติออกไปได้ค่อนข้างมาก และคอนเสิร์ต Shock Charge Shock ครั้งใหญ่ระดับตำนานที่หลายคนรอคอยก็แทบจะไม่คุ้มค่ากับการรอคอย
บวกกับความยาวหนัง 2.5 ชั่วโมง ทำให้มีเรื่องราวให้เล่ามากมาย ใครที่คาดหวัง หนังแอคชั่น คงจะผิดหวังมาก แต่โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่ามันใจร้ายสำหรับใครก็ตามที่เห็นปมด้อยแบบนี้แล้วตัดสินหนังทั้งเรื่อง ดังที่ตัวละครในหนังว่าไว้ “ดูทางนี้ ใครทำมันเลวเกินไป”
และนี่คือสิ่งสำคัญมาก ใครที่กำลังตัดสินใจไปดู ต้องเข้าใจก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังแอ็กชันแบบเด็กเกเรตีกันแบบพวกหนังเด็กนักเรียนญี่ปุ่นที่วัยรุ่นกำลังนิยม แต่มันคือหนังดราม่าหนังชีวิตที่เข้มข้นมาก ๆ และความรุนแรงด้านภาพก็ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญเลย เพราะความรุนแรงต่ออารมณ์และความรู้สึกผู้ชมนั้นมันสาหัสสากรรจ์กว่ามาก ๆ ต่อให้เป็นผู้ชายแมน ๆ ยังไง คุณก็มีโอกาสโดนสักฉากในหนังที่ทำเอาน้ำตาร่วงได้แน่นอน นี่จึงเป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้วจะอยากบอกต่อใครสักคนเลยว่า ของมันดีจริง ๆ

หนังสะท้อนสังคม
เป็นหนังที่ยกประเด็นมาเพื่อสะท้อนสังคมและความจริงอีกมุมของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาสายอาชีพในยุคก่อน ที่ใครๆ ก็มองว่าพวกเขาเป็นตัวสร้างปัญหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและนองเลือก โดยเล่าเรื่องผ่านเด็กอาชีวะจาก 4 สถาบันหลักๆ ได้แก่ อินทร, ประชาชล, บูรณพันธ์ และ กนก ที่พวกเขามันก่อเรื่องจู่โจมกันแทบทุกครั้งที่เจอหน้า แต่ว่าเพราะอะไรจึงกลายเป็นปัญหาเช่นนี้ และนี่คือบทเรียนชีวิตที่พวกเขาเคยก้าวผิด
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นการเปิดตัวและรสชาติของค่ายหนังน้องใหม่ที่เริ่มเข้ามาเสริมวงการภาพยนตร์อีกค่ายหนึ่ง นั่นคือ ค่ายสร้างภาพยนตร์ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีและเปิดตัวได้สวยหรูมาก เพราะ “4 kings อาชีวะยุค 90” กลายเป็นหนังไทยที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชมได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหา การเล่าเรื่อง การแสดง ก็ผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน และกลมกล่อมใช้ได้เลย ถือว่าเป็น หนังไทยที่อร่อย
เราอาจไม่เคยได้ยินชื่อ “พุฒิพงศ์ นาคทอง” ซึ่งรับหน้าที่ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่งานนี้ได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่ประดับประดาอาชีพของเขา ใส่ใจในรายละเอียดดี การเล่าเรื่องใช้สูตรชนะช่วยได้เยอะ แต่ดูลงตัวกับหนัง ไม่รู้สึกว่าดราม่าเข้มข้น ฉากชุลมุนยังไม่เยอะตามมาตรฐาน และไม่พีคพอ .

องค์ประกอบต่างๆในหนัง 4Kings อาชีวะยุค 90
องค์ประกอบต่างๆ ใน 4คิง อาชีวะยุค 90 อาจจะยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เพราะยังคงมีช่องว่างและจุดโหว่ปะปนอยู่ตลอดทาง แต่เนื้อหาที่เข้มข้นของหนังก็สามารถช่วยกลบเกลื่อนอุดรอยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จนทำให้ผู้ชมมองข้ามไปในบางจุด โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของหนังนั้น ถือว่าสอบผ่านและทำดีใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปูเรื่องราวและสร้างมิติให้กับตัวละครต่างๆ
รวมถึงการใส่ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ รวบรวมทุกรายละเอียดของยุค 90 ที่ทีมงานและผู้สร้างสามารถเห็นได้ในรายละเอียดงาน ทั้งรูปชื่อ และสิ่งของ ต้องขอชมเชย หนังดีๆ แบบนี้ น่าเสียดายที่ช่วงครึ่งหลังของหนังยืดเยื้อไปหน่อยเพราะใส่อะไรเกินความจำเป็น ผมเชื่อว่า มันอาจจะดีกว่านี้ถ้ามันสั้นลง, เรียบเรียงให้รวบรัดขึ้นอีกหน่อย และลดลงอีก 10 นาที
แน่นอนว่าไฮไลท์สำคัญของทีมนักแสดงต้องได้รับคำชมและยินดีรับบทบาทที่มีการแข่งขันสูงในการคัดเลือกนักแสดงฉากนี้ ทีมนักแสดงชาย 4คิง ถือว่าเป็นทีมที่ดีที่มีครบ พวกเขายังสามารถขับเคลื่อนและสร้างมิติของตัวละครที่กำหนดขึ้นใหม่ได้ ยังเป็นโอกาสดีที่หนังเรื่องนี้จะได้นักแสดงที่เล่นได้แทบทุกบทบาท
เพียงลำพัง “เป้ อารักษ์” อาจจะไม่สามารถพยุงหนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องได้ ถึงแม้ว่าการแสดงของเขาจะไม่ได้แย่เลยก็ตาม แต่กลับได้พลังส่งเสริมที่ดีจากเพื่อนๆ นักแสดงสมทบ ไม่ว่าจะเป็น “ภูมิ รังษีธนานนท์” หรือ “อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี” (จ๋าย ไททศมิตร) โดยเฉพาะรายหลัง ถือว่าเป็นการโชว์ศักยภาพทางการแสดงที่เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก
หนังยังมี “โจ๊ก-อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ” ที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเขาเป็นนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทกับคาแรกเตอร์แนวนี้ได้ดีอยู่แล้ว และเขาก็ยังเล่นได้ดีตามมาตรฐาน “ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ” ก็สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนดูได้ไม่น้อย โดยเฉพาะซีนอารมณ์ที่เล่นได้ดีถึงกับขนลุก แต่คนที่โดดเด่นสุดๆ ก็ต้องยกให้ “ณัฏฐ์ กิจจริต” ที่อินเนอร์แรง แอคติ้งได้ และทุกซีนที่มีเขาอยู่ด้วยนั้น ขับอารมณ์ออกมาได้ดีถึงใจ
นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เราพูดตรงๆ ว่า 4Kings อาชีวะ ยุค 90 เต็มเรื่อง คือหนึ่งในหนังไทยที่ดีที่สุดแห่งปี อีกทั้งยังเชื่อว่าภาพยนตร์น่าจะมีบทบาทสำคัญในเวทีประกาศรางวัลของสถาบันต่างๆ ต้นปีหน้าเพราะอย่างน้อยนักแสดงของหนังเรื่องนี้ก็เข้าขากันพอดี ถ้าไม่ระวัง ที่นั่งพระเอกกับตัวประกอบอาจเต็ม
สรุปแล้ว อาชีพ 4คิง ในยุค 90 ถือเป็นหนังแอคชั่นที่น่าจะช่วยลบความอัปยศและเปลี่ยนทัศนคติของคนไทยที่มีต่อหนังไทยให้กับคนรุ่นหลังได้ นี่คือหนังไทยที่คนไทยอยากดู ในบางครั้งแม้ว่าตัวหนังจะไม่สมบูรณ์แบบในทุกองค์ประกอบ ข้อดีของหนังก็ยังมีมากกว่าข้อเสีย เชื่อมั่นว่าผู้ชมจะตอบสนองกับเรื่องราวของพวกเขาตลอด 2 ชั่วโมงของภาพยนตร์
