รีวิวหนังnetflix Trees Of Peace
รีวิวหนังnetflix Trees Of Peace หนังอินดี้ Netflix เรื่องราวของผู้หญิง 4 คนที่ติดอยู่ในห้องใต้ดินเล็กๆ ในช่วงเหตุการณ์ฆ่าล่างเผ่าพันธ์ในรวันด้าที่มีผู้เสียชีวิตนับล้าน หนังอินดี้ทุนต่ำเรื่องนี้ถูกฉายในงานเทศกาลหลายที่เมื่อปี 2021 แต่พึ่งได้ฤกษ์มาลง Netflix เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2022 และก็น่าจะเป็นหนังที่ถูกลืมหายไม่มีคนดู ไม่ใช่แค่ที่ไทย แต่ในโลกก็ไม่ติดอันดับใดๆ เลยเช่นกัน แม้แต่สื่อนอกรีวิวก็ยังแทบไม่มี แต่ตัวหนังกวาดมาหลายรางวัล และก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจในแง่ประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจลืมได้เรื่องหนึ่งของโลก
เรื่องนี้สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในประเทศรวันดา ที่ซึ่ง 85 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในรวันดาเป็นชาวฮูตู แต่เป็นชาวทุตซี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่เป็นชนชั้นนำปกครองประเทศมาอย่างยาวนานจากการให้สิทธิของคนขาวผู้ล่าอณานิคมในอดีต แล้วแบ่งแยกพวกเขาจากการระบุเผ่าพันธ์บนบัตรประชาชน เว็บดูหนัง
จนเกิดการแบ่งแยกฝังรากลึกซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์วิปโยคจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง ซึ่งตัวเรื่องจะมีเกริ่นนำเรื่องราวในรวันด้าให้คนดูเข้าใจคร่าวๆ ในตอนเปิดเรื่อง ก่อนที่เรื่องราวจะเข้าสู่ห้องใต้ดินที่เป็นที่ซ่อนของผู้หญิง 4 คนที่แตกต่างกันทั้งความคิด เชื้อชาติ เผ่าพันธ์ สีผิว ซึ่งเป็นเรื่องราวที่นำมาจากเค้าโครงจริงของผู้ที่รอดตายในเวลาต่อมา และถูกนำมาสร้างโดยทีมงานอเมริกันที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์นี้ในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งต่างไปจากที่เคยทำหนังมาก่อนอย่าง โฮเต็ลรวันดา ที่หลายคนน่าจะรู้จักเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง
ในเดือนเมษายนปี 1994 การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กับทุตซีเริ่มขึ้นในรวันดา คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 1 ล้านคนใน 3 เดือน ‘Trees of Peace’ นำเสนอละครแชมเบอร์ในช่วงเวลาเดียวกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงเกี่ยวกับผู้หญิงสี่คนจากภูมิหลังที่แตกต่างกันซึ่งสร้างสายสัมพันธ์ของความเป็นพี่น้องกันท่ามกลางความโกลาหล
หลังจากได้รับคำชมและเกียรติยศจากเทศกาลภาพยนตร์มากมายทั่วโลก ผู้กำกับ Alanna Brown เรื่องนี้ก็เริ่มสตรีมบน Netflix ในสุดสัปดาห์นี้ และละครเอาชีวิตรอดก็ควรค่าแก่การสรรเสริญ ในความน่าสะพรึงกลัวที่พวกเขาเผชิญ ภาพยนตร์เรื่องนี้จุดเทียนแห่งความหวังและแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดาของผู้หญิงเหล่านี้ เว็บดูหนังฟรี
เรื่องนี้สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในประเทศรวันดา ที่ซึ่ง 85 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในรวันดาเป็นชาวฮูตู แต่เป็นชาวทุตซี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่เป็นชนชั้นนำปกครองประเทศมาอย่างยาวนานจากการให้สิทธิของคนขาวผู้ล่าอณานิคมในอดีต แล้วแบ่งแยกพวกเขาจากการระบุเผ่าพันธ์บนบัตรประชาชน จนเกิดการแบ่งแยกฝังรากลึกซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์วิปโยคจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง ซึ่งตัวเรื่องจะมีเกริ่นนำเรื่องราวในรวันด้าให้คนดูเข้าใจคร่าวๆ ในตอนเปิดเรื่อง ก่อนที่เรื่องราวจะเข้าสู่ห้องใต้ดินที่เป็นที่ซ่อนของผู้หญิง 4 คนที่แตกต่างกันทั้งความคิด เชื้อชาติ เผ่าพันธ์ สีผิว
ซึ่งเป็นเรื่องราวที่นำมาจากเค้าโครงจริงของผู้ที่รอดตายในเวลาต่อมา และถูกนำมาสร้างโดยทีมงานอเมริกันที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์นี้ในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งต่างไปจากที่เคยทำหนังมาก่อนอย่าง โฮเต็ลรวันดา ที่หลายคนน่าจะรู้จักเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง
ด้วยความที่เป็นหนังอินดี้ทุนต่ำมากๆ พล็อตเรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นหนังจำกัดสถานที่ไปในตัวเอง เพราะฉากทั้งหมดของเรื่อง 99% อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ยิ่งกว่าคุก ซึ่งยากกว่าหนังที่เขียนบทในที่จำกัดมาโดยตรงซะอีก เพราะนี่คือเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้น ตัวเรื่องจึงไม่สามารถบิดให้มีเหตุการณ์ระทึกเร้าใจอะไรได้มาก ทุกอย่างคือเห็นและได้ยินผ่านห้องแคบๆ นี้เท่านั้น โดยส่วนใหญ่คือบทสนทนาของทั้ง 4 คนล้วนๆ อีกด้วย ซึ่งนี่คือจุดเด่นและจุดขายหลักของเรื่องที่ใช้ตัวละคร 4 คนที่มีสถานะความเชื่อแตกต่างกัน โดยมีทั้งฮูตู ทุตซี สาวอเมริกา ซึ่งทั้งหมดจะถูกฆ่าถ้าขึ้นด้านบน เพียงเพราะพวกเขาเป็นกลางทางการเมืองไม่เลือกฝ่าย แต่ ณ เวลานั้น
กลับถูกบีบให้เลือกข้างโดยจับคนปกติยื่นอาวุธให้ฆ่ากันเองพิสูจน์ให้ดู แล้วพวกเธอก็ถูกเรียกว่าหนู แมลงสาบ ที่ต้องถูกกำจัด ทำให้เรื่องนี้เหมือนตัวละครทั้ง 4 ถูกปิดตายในห้องใต้ดินนี้ไปในทันที มีเพียงสามีของหญิงฮูตูในเรื่องที่ยังคอยมาส่งอาหารน้ำให้ แต่ก็เว้นช่วงยาวต่อเนื่องหลายวันจนเกือบร่อแร่อยู่เรื่อยๆ หนังฟรี
สิ่งที่หนังเรื่องนี้พยายามสื่อสารออกมาก็คือ การบอกเล่าความโหดร้ายของเหตุการณ์รวันด้าผ่านทั้ง 4 คน ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ถูกกัน แม้จะมีชะตากรรมเดียวกัน เรื่องค่อยๆ ทำให้แต่ละคนค่อยๆ เปิดใจ รวมถึงเปิดเผยความลับ ธาตุแท้ทั้งหมด จากการแย่งหรือแอบซ่อนอาหาร ซึ่งไม่มีใครเป็นคนดีสมบูรณ์แบบได้จริง แม้แม่ชีที่สอนศาสนาคริสต์เองก็ยังเป็นขโมยได้ แต่เรื่องก็ทำให้เห็นว่าสุดท้ายการให้อภัยปรับความเข้าใจกันในฐานะมนุษย์ด้วยกันคือสิ่งจำเป็น ซึ่งทำให้เรื่องนี้ค่อยๆ ดำเนินไปแบบละลายพฤติกรรมแย่ๆ ของแต่ละคนออกมา ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ
โดยมีเหตุจังหวะทดสอบใจตัวละครผ่านมาบางครั้ง อย่างการที่ UN มาช่วยสาวผิวขาวในเรื่องที่มาเป็นผู้ช่วยสอนศาสนาคริสต์ แต่เธอกลับรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับคนอื่น จนตัดสินใจไม่ไปด้วย แต่เรื่องก็ไม่ได้นำเสนอให้ดูเหมือนเธอเป็นฮีโร่หรือคนดีโลกสวย เพราะหลังจากนั้นก็มีเฉลยเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ที่ทำให้เข้าใจได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งเรื่องจะพยายามให้มีเหตุการณ์นอกห้องระทึกเล็กๆ ที่ส่งผลมาถึงคนในห้องด้วยแบบนี้คั่นเรื่องเป็นระยะไม่ให้ชวนง่วง แต่ไม่ได้เน้นไปที่ความสมจริงในการรอดชีวิตอะไรมากนัก เพราะบางอย่างก็ถูกข้ามไปไม่เล่าอย่างเรื่องการขับถ่ายของเสียในที่แคบแบบนั้นตลอดสองเดือนกว่าทำได้ไง
รีวิวหนังnetflix Trees Of Peace
การบอกเล่าความโหดร้ายของเหตุการณ์รวันด้าผ่านทั้ง 4 คน ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ถูกกัน แม้จะมีชะตากรรมเดียวกัน เรื่องค่อยๆ ทำให้แต่ละคนค่อยๆ เปิดใจ รวมถึงเปิดเผยความลับ ธาตุแท้ทั้งหมด จากการแย่งหรือแอบซ่อนอาหาร ซึ่งไม่มีใครเป็นคนดีสมบูรณ์แบบได้จริง แม้แม่ชีที่สอนศาสนาคริสต์เองก็ยังเป็นขโมยได้ แต่เรื่องก็ทำให้เห็นว่าสุดท้ายการให้อภัยปรับความเข้าใจกันในฐานะมนุษย์ด้วยกันคือสิ่งจำเป็น ซึ่งทำให้เรื่องนี้ค่อยๆ ดำเนินไปแบบละลายพฤติกรรมแย่ๆ ของแต่ละคนออกมา ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ
การสังหารหมู่ชาวทุตซีอย่างไร้ความปราณีกำลังเกิดขึ้นในรวันดาโดยกลุ่มหัวรุนแรงฮูตู นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเล่าเรื่องของ Trees of Peace จากบรรยากาศที่แปลกประหลาดและวุ่นวายนี้ Francois (Tongayi Chirisa) จึงบอก Annick (Eliane Umuhire) ภรรยาของเขาให้ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินของบ้าน เมื่อเธอเข้าไปในพื้นที่คับแคบนั้น เธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว ซึ่งทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นมิตร การมีชีวิตอยู่โดยไม่จำเป็นในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนของเธอไม่ใช่เรื่องตลก นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอเล่าเรื่องน่าปวดหัว
ถือว่าเรื่องราวมีความน่าสนใจ แต่รวมๆ แล้วก็อาจจะยังไม่เหมาะกับผู้ชมทั่วไปที่เน้นความบันเทิง เพราะเรื่องมีแต่ความโหดร้าย หดหู่ สิ้นหวังตลอดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ส่วนในเรื่องคือผ่านไปกว่าสองเดือนเหตุการณ์นี้ถึงจบลง ถือเป็นหนังอินดี้ที่มีคุณค่าในแง่การบอกเล่าประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำและไม่ให้เกิดซ้ำแบบนี้อีกที่ไหนในโลก ในตอนท้ายเรื่องจึงมีการบอกเล่าประวัติศาสตร์หลังจากนั้นที่ทำให้รวันด้าสงบลงได้ด้วยการที่รัฐผลักดันการให้อภัยกับคนเป็นล้านที่กระทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ก็ต้องจบลงด้วยการอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนบ้านร่วมชุมชนกันต่อไป หนังใหม่
ถือว่าเรื่องราวมีความน่าสนใจ แต่รวมๆ แล้วก็อาจจะยังไม่เหมาะกับผู้ชมทั่วไปที่เน้นความบันเทิง เพราะเรื่องมีแต่ความโหดร้าย หดหู่ สิ้นหวังตลอดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ส่วนในเรื่องคือผ่านไปกว่าสองเดือนเหตุการณ์นี้ถึงจบลง ถือเป็นหนังอินดี้ที่มีคุณค่าในแง่การบอกเล่าประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำและไม่ให้เกิดซ้ำแบบนี้อีกที่ไหนในโลก ในตอนท้ายเรื่องจึงมีการบอกเล่าประวัติศาสตร์หลังจากนั้นที่ทำให้รวันด้าสงบลงได้ด้วยการที่รัฐผลักดันการให้อภัยกับคนเป็นล้านที่กระทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ก็ต้องจบลงด้วยการอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนบ้านร่วมชุมชนกันต่อไปครับ
ทุกอย่างคือเห็นและได้ยินผ่านห้องแคบๆ นี้เท่านั้น โดยส่วนใหญ่คือบทสนทนาของทั้ง 4 คนล้วนๆ อีกด้วย ซึ่งนี่คือจุดเด่นและจุดขายหลักของเรื่องที่ใช้ตัวละคร 4 คนที่มีสถานะความเชื่อแตกต่างกัน โดยมีทั้งฮูตู ทุตซี สาวอเมริกา ซึ่งทั้งหมดจะถูกฆ่าถ้าขึ้นด้านบน เพียงเพราะพวกเขาเป็นกลางทางการเมืองไม่เลือกฝ่าย แต่ ณ เวลานั้นกลับถูกบีบให้เลือกข้างโดยจับคนปกติยื่นอาวุธให้ฆ่ากันเองพิสูจน์ให้ดู แล้วพวกเธอก็ถูกเรียกว่าหนู แมลงสาบ ที่ต้องถูกกำจัด ทำให้เรื่องนี้เหมือนตัวละครทั้ง 4 ถูกปิดตายในห้องใต้ดินนี้ไปในทันที มีเพียงสามีของหญิงฮูตูในเรื่องที่ยังคอยมาส่งอาหารน้ำให้
แต่ก็เว้นช่วงยาวต่อเนื่องหลายวันจนเกือบร่อแร่อยู่เรื่อยๆสิ่งที่หนังเรื่องนี้พยายามสื่อสารออกมาก็คือ การบอกเล่าความโหดร้ายของเหตุการณ์รวันด้าผ่านทั้ง 4 คน ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ถูกกัน แม้จะมีชะตากรรมเดียวกัน เรื่องค่อยๆ ทำให้แต่ละคนค่อยๆ เปิดใจ รวมถึงเปิดเผยความลับ ธาตุแท้ทั้งหมด จากการแย่งหรือแอบซ่อนอาหาร ซึ่งไม่มีใครเป็นคนดีสมบูรณ์แบบได้จริง แม้แม่ชีที่สอนศาสนาคริสต์เองก็ยังเป็นขโมยได้ แต่เรื่องก็ทำให้เห็นว่าสุดท้ายการให้อภัยปรับความเข้าใจกันในฐานะมนุษย์ด้วยกันคือสิ่งจำเป็น ซึ่งทำให้เรื่องนี้ค่อยๆ ดำเนินไปแบบละลายพฤติกรรมแย่ๆ ของแต่ละคนออกมา
ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆโดยมีเหตุจังหวะทดสอบใจตัวละครผ่านมาบางครั้ง อย่างการที่ UN มาช่วยสาวผิวขาวในเรื่องที่มาเป็นผู้ช่วยสอนศาสนาคริสต์ แต่เธอกลับรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับคนอื่น จนตัดสินใจไม่ไปด้วย แต่เรื่องก็ไม่ได้นำเสนอให้ดูเหมือนเธอเป็นฮีโร่หรือคนดีโลกสวย เพราะหลังจากนั้นก็มีเฉลยเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ที่ทำให้เข้าใจได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งเรื่องจะพยายามให้มีเหตุการณ์นอกห้องระทึกเล็กๆ ที่ส่งผลมาถึงคนในห้องด้วยแบบนี้คั่นเรื่องเป็นระยะไม่ให้ชวนง่วง แต่ไม่ได้เน้นไปที่ความสมจริงในการรอดชีวิตอะไรมากนัก เพราะบางอย่างก็ถูกข้ามไปไม่เล่าอย่างเรื่องการขับถ่ายของเสียในที่แคบแบบนั้นตลอดสองเดือนกว่าทำได้ไง
แต่เธอกลับรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับคนอื่น จนตัดสินใจไม่ไปด้วย แต่เรื่องก็ไม่ได้นำเสนอให้ดูเหมือนเธอเป็นฮีโร่หรือคนดีโลกสวย เพราะหลังจากนั้นก็มีเฉลยเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ที่ทำให้เข้าใจได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งเรื่องจะพยายามให้มีเหตุการณ์นอกห้องระทึกเล็กๆ ที่ส่งผลมาถึงคนในห้องด้วยแบบนี้คั่นเรื่องเป็นระยะไม่ให้ชวนง่วง แต่ไม่ได้เน้นไปที่ความสมจริงในการรอดชีวิตอะไรมากนัก ดูหนังฟรี
เพราะบางอย่างก็ถูกข้ามไปไม่เล่าอย่างเรื่องการขับถ่ายของเสียในที่แคบแบบนั้นตลอดสองเดือนกว่าทำได้ไงการบอกเล่าความโหดร้ายของเหตุการณ์รวันด้าผ่านทั้ง 4 คน ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ถูกกัน แม้จะมีชะตากรรมเดียวกัน เรื่องค่อยๆ ทำให้แต่ละคนค่อยๆ เปิดใจ รวมถึงเปิดเผยความลับ ธาตุแท้ทั้งหมด จากการแย่งหรือแอบซ่อนอาหาร ซึ่งไม่มีใครเป็นคนดีสมบูรณ์แบบได้จริง
แม้แม่ชีที่สอนศาสนาคริสต์เองก็ยังเป็นขโมยได้ แต่เรื่องก็ทำให้เห็นว่าสุดท้ายการให้อภัยปรับความเข้าใจกันในฐานะมนุษย์ด้วยกันคือสิ่งจำเป็น ซึ่งทำให้เรื่องนี้ค่อยๆ ดำเนินไปแบบละลายพฤติกรรมแย่ๆ ของแต่ละคนออกมา ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆการสังหารหมู่ชาวทุตซีอย่างไร้ความปราณีกำลังเกิดขึ้นในรวันดาโดยกลุ่มหัวรุนแรงฮูตู
นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเล่าเรื่องของ Trees of Peace จากบรรยากาศที่แปลกประหลาดและวุ่นวายนี้ Francois (Tongayi Chirisa) จึงบอก Annick (Eliane Umuhire) ภรรยาของเขาให้ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินของบ้าน เมื่อเธอเข้าไปในพื้นที่คับแคบนั้น เธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว ซึ่งทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นมิตร
การมีชีวิตอยู่โดยไม่จำเป็นในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนของเธอไม่ใช่เรื่องตลก นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอเล่าเรื่องน่าปวดหัวถือว่าเรื่องราวมีความน่าสนใจ แต่รวมๆ แล้วก็อาจจะยังไม่เหมาะกับผู้ชมทั่วไปที่เน้นความบันเทิง เพราะเรื่องมีแต่ความโหดร้าย หดหู่ สิ้นหวังตลอดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ส่วนในเรื่องคือผ่านไปกว่าสองเดือนเหตุการณ์นี้ถึงจบลง ถือเป็นหนังอินดี้ที่มีคุณค่าในแง่การบอกเล่าประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำและไม่ให้เกิดซ้ำแบบนี้อีกที่ไหนในโลก ในตอนท้ายเรื่องจึงมีการบอกเล่าประวัติศาสตร์หลังจากนั้นที่ทำให้รวันด้าสงบลงได้ด้วยการที่รัฐผลักดันการให้อภัยกับคนเป็นล้านที่กระทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ก็ต้องจบลงด้วยการอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนบ้านร่วมชุมชนกันต่อไป
ถือว่าเรื่องราวมีความน่าสนใจ แต่รวมๆ แล้วก็อาจจะยังไม่เหมาะกับผู้ชมทั่วไปที่เน้นความบันเทิง เพราะเรื่องมีแต่ความโหดร้าย หดหู่ สิ้นหวังตลอดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ส่วนในเรื่องคือผ่านไปกว่าสองเดือนเหตุการณ์นี้ถึงจบลง ถือเป็นหนังอินดี้ที่มีคุณค่าในแง่การบอกเล่าประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำและไม่ให้เกิดซ้ำแบบนี้อีกที่ไหนในโลก ดูหนังออนไลน์