รีวิวหนังnetflix The Accountant
บนโลกนี้มีเด็กพิเศษเกิดขึ้นตั้งมากมาย ถ้าเกิดจะมีสักคนที่เติบโตขึ้นมาเป็นนักบัญชีมันก็คงจะไม่แปลก เด็กพวกนี้มักมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างจากคนทั่วไป และนักบัญชีคนนี้ คริสเตียน วูล์ฟ ไม่ใช่แค่นักบัญชีอัจฉริยะเท่านั้น แต่เขายังมีความสามารถด้านการต่อสู้ที่เทพเกินคนธรรมดา ดูหนังออนไลน์
เขาดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเปิดสำนักงานบัญชีเล็กๆ ของตัวเอง แต่ก็รับงานตรวจสอบบัญชีทุจริตให้กับบุคคลอันตรายต่างๆ ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวกแก๊งค้ายา ค้าอาวุธ พวกฟอกเงิน ดูหนังฟรี พวกมือสังหาร ซึ่งความลับของพวกมันเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะเปิดเผยให้ทางการหรือใครรู้ไม่ได้ เมื่อจ้างมาให้ตรวจสอบความลับแล้วนักบัญชีพวกนั้นก็ควรจะถูกเก็บ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
หนังใช้วิธีการดำเนินเรื่องที่เล่าสลับกันไปมาๆ รีวิวหนังnetflix The Accountant
ระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของหนังแนวนี้ ที่จะไม่บอกอะไรกับเราเสียทั้งหมดในตอนแรก แต่จะใส่ชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์แต่ละชิ้นมาให้เราปะติดปะต่อกันเอาเอง อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างในช่วงต้นของ ‘The Accountant’ ที่เล่าเรื่องได้นิ่งสนิท เต็มไปด้วยบทพูดที่หลายครั้งดูถอยห่างไกลตัวคนดู ภาษานักบัญชีที่นักเล่นหุ้นบางส่วนจะทำความเข้าใจตามได้ แต่กระนั้น การที่ซับไตเติลมีปัญหาจนทำให้คนดูต้องแปลความหมายมันอีกครั้งขณะอ่าน ก็อาจทำให้ติดตามเรื่องได้ยากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งจิ๊กซอว์แต่ละตัวที่ถูกเล่านั้นไม่ค่อยจะอยู่ใกล้กันด้วยล่ะก็
เชื่อว่าในชีวิตของคนทำงานหลายคน ต้องเคยผ่านการเผชิญหน้ากับฝ่ายบัญชีหรือตรวจสอบบัญชีสักครั้งหนึ่ง ซึ่งบรรยากาศไม่ต่างจากการเข้าห้องเย็น ทั้งที่เราก็เชื่อมั่นตัวเองว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่คิดทุจริต และเราก็รู้ว่านักบัญชีเหล่านี้ก็แค่ทำไปตามหน้าที่เท่านั้น แต่อาจด้วยความเนี้ยบทุกเศษสตางค์ของนักบัญชีนี่แหละ ที่ทำให้เราหวั่นๆ เพราะเราอาจเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ใบเสร็จที่ร้านให้มากรอกรายละเอียดไม่ครบ จะไปตามก็ยากอีก หรือบางทีเกิดเหตุผู้บริหารอยากกินอะไรที่เบิกไม่ได้ หรือเกินวงเงินขึ้นมา จะขัดก็ไม่ได้ เลยต้องมีการโยกค่าโน้นไปใส่ค้านี้ ซึ่งก็คงไม่เป็นที่สบอารมณ์ของฝ่ายบัญชีเป็นแน่
เชื่อว่าไม่ “Gavin O’Connor” ผู้กำกับ หรือ “Bill Dubuque” คนเขียนบท คงมีประสบการณ์ประสบปัญหาเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีมาก่อนเป็นแน่ จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจออกมาเป็น “The Accountant” เรื่องราวของนักบัญชีที่มีชีวิตอีกด้านหนึ่งเป็น “นักฆ่า” ซึ่งก็ดูไปด้วยกันได้ดี เพราะต่อให้ไม่ต้องฆ่า นักบัญชีหลายคนก็มีรังสิอำมหิตกันอยู่แล้วๆ เหอะๆ
“Christian Wolff” (Ben Affleck) เป็นออทิสติกที่ทำให้เขามีปัญหาในการเข้าสังคม ย้ำคิดย้ำทำ และใฝ่หาความสมบูรณ์แบบ แต่ความเป็นออทิสติกก็มอบความเป็นอัจริยะด้านคณิตศาสตร์ให้กับเขา ซึ่งเข้ากันได้ดีกับการเป็นนักบัญชีของเขา อีกทั้ง Christian ยังมีทักษะการต่อสู้ที่เก่งกาจไม่ต่างจากมือสังหาร อันเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูของพ่อที่เป็นทหาร ทักษะเหล่านี้ยังกลายเป็นสิ่งจำเป็น เพราะนอกเหนือจากงานบัญชีปกติแล้ว Christian ยังทำบัญชีให้กับพวกธุรกิจมืดทั้งหมด ที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตของเขาไม่น้อย
งานล่าสุดของ Christian
คือการตรวจสอบบัญชีให้กับบริษัทผลิตอวัยวะเทียมแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาดันไปพบความผิดปกติทางบัญชี ทำให้ผู้อยู่เบื้องหลังพยายามที่จะเก็บเขาและพนักงานบัญชีอีกคน “Dana Cummings” (Anna Kendrick) จนกลายเป็นเหตุการณ์ในเรื่อง ขณะที่อีกด้านหนึ่ง “Raymond King” (J.K. Simmons) และ “Marybeth Medina” (Cynthia Addai-Robinson) เจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็พยายามสืบหาตัว Christian คนที่เขาเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการทำบัญชีให้ธุรกิจมือหลายแห่ง
แน่นอนว่าความขัดแย้งชัดเจนข้อที่สองก็คือตัวของ คริสเตียน วูล์ฟ เอง หนังบอกผู้ชมตั้งแต่แรก ๆ ว่าคริสเตียนมีความ ‘แตกต่าง’ บางอย่างตั้งแต่เด็ก ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับครอบครัวมาก (โดยเฉพาะแม่ ผู้ถึงขั้นมองว่านี่เป็น ‘ปัญหา’) ในฉากที่พ่อแม่พาเขาไปพบผู้เชี่ยวชาญซึ่งพยายามช่วยอธิบายว่าแม้ภาวะออทิสติกจะทำให้คริสเตียน ‘แตกต่าง’ แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เขามาพร้อม ‘ความสามารถพิเศษ’ ที่โดดเด่นกว่าคนปกติทั่วไปเช่นกัน และความสามารถพิเศษนี้ก็ฉายแววเจิดจรัสเมื่อเขาเติบโตมาเป็นนักบัญชีอัจฉริยะที่คิดคำนวณตัวเลขมากมายได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์บางเครื่องซะอีก แต่ขณะเดียวกันทักษะการเข้าสังคมและมนุษยสัมพันธ์กับผู้คนทั่วไปกลับแข็งทื่อเข้าขั้นติดลบ!
ความขัดแย้งอีกข้อที่ผู้เขียนชอบก็คือ แม้หนังเรื่องนี้จะกล่าวถึงตัวเอกที่เป็นออทิสติก ซึ่งในแง่หนึ่งนี่น่าจะเป็นประเด็นที่เปิดโอกาสให้เขียนบทหนังดราม่าดี ๆ ซึ้ง ๆ ได้สบาย เพราะเรื่องน่าหนักใจและอุปสรรคยุ่งยากต่าง ๆ ของคนที่อยู่ในภาวะนี้และสิ่งที่ครอบครัวของพวกเขาต้องเผชิญก็เป็นต้นทุนชั้นดีสำหรับเรื่องดราม่าชั้นยอดได้แล้ว แต่ The Accountant กลับพาเราไปอีกทาง ฉีกแนวแตกต่างออกมาเป็นหนังแอ็คชั่น / อาชญากรรม เห็นได้จากเส้นเรื่องของ เรย์มอนด์ คิง (เจ.เค. ซิมมอนส์)
เจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงานด้านอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และ แมรี่เบธ เมดิน่า (ซินเธีย แอดได-โรบินสัน) นักวิเคราะห์ที่ถูกคิงเรียกตัว (แกมบังคับ) ให้มาช่วยสืบเรื่อง ‘นักบัญชีลึกลับ’ ซึ่งเส้นเรื่องนี้นอกจากจะนำเสนอออกมาได้อย่างสนุกเข้มข้นเร้าใจแล้ว ยังถูกร้อยเรียงเคียงคู่ไปกับแง่มุมที่ดูไม่น่าไปกันได้อย่างประเด็นดราม่าว่าด้วยชีวิตส่วนตัวของคริสเตียน ชะตากรรมของครอบครัวของเขา ความทุ่มเทของพ่อ และสิ่งที่ตัวเขาเองต้องผ่านพ้นเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ (หรืออย่างน้อยก็พยายามให้เหมือนที่สุด) ได้อย่างลงตัว
เป็นหนังที่ตอนดูตัวอย่างเข้าใจว่าเป็นหนังแอคชั่น
แต่เอาเข้าจริงมันกลับไม่ใช่เลย หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของชายที่มีภาวะออทิสซึมซึ่งได้รับการฝึกฝน กับเรื่องราวของคนรอบตัวของเขา ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้มีหลายจุดที่น่าสนใจให้หยิบมาเล่า เว้นแต่ส่วนที่หนังตั้งใจจะปล่อยให้เป็นปริศนา หรือเล่าไม่หมดเท่านั้น
ข้อดีคือหนังมีประเด็นที่น่าสนใจเยอะจริงๆ เพราะหนังมีตัวละครร่วมเดินเรื่องเยอะ และจากการที่หนังเล่าได้ละเอียด ทำให้ผมชอบหลายๆสิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมา แต่ในขณะเดียวกัน ข้อเสียก็คือหนังได้ทิ้งบาดแผลไว้พอสมควร เช่น ช่วงกลางเรื่องเราจะเกิดอาการไม่แน่ใจว่าหนังจะจบเลยมั้ย ยังมีอะไรให้เล่าต่ออีกเหรอ กับ ช่วงท้ายเรื่องที่ดูหนังจะพยายามเก็บทุกเม็ดมากเกินไป จนทำให้บางปมเหมือนจบแบบง่ายๆ และไม่น่าเชื่อถือ
ยังไงก็ตาม ถ้าดูจากภาพรวม หนังเรื่องนี้มีประเด็นที่ผมชอบเยอะมากๆ ผ่านทั้งตัวละครพระเอก และตัวละครสมทบต่างๆ ทำให้แม้หนังจะมีบาดแผลที่ผมดูแล้วตะขิดตะขวงใจ ก็ยังชอบอยู่ดี แต่สำหรับใครที่คาดหวังว่าจะได้ดูหนังแอคชั่นเต็มอิ่ม ความยาว 2 ชั่วโมง อาจจะต้องผิดหวัง เพราะฉากแอคชั่นมีไม่มาก แต่จะเน้นไปที่การใช้ชีวิตและปมดราม่าของตัวละครต่างๆมากกว่า ซึ่งถ้าใครชอบดูหนังดราม่า ที่มีปะปนฉากแอคชั่นเล็กน้อย
ความขัดแย้งข้อแรกที่เชื่อว่าใคร ๆ คงสังเกตเห็น
ก็คือ ชื่อหนังภาษาไทย ‘อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต’ ทำไมน่ะหรือ? คำว่า ‘อัจฉริยะ’ กับ ‘คนบัญชี’ (หรือที่จริงคือ ‘นักบัญชี’ ตามความหมายตรงตัวของชื่อหนังภาษาอังกฤษซึ่งเป็นอาชีพของตัวเอกของเรื่องด้วย) ก็ดูจะพอไปด้วยกันได้ แต่อีกคำที่ดูฉีกแนวไปคนละทางอย่างแท้จริงคือ ‘เพชฌฆาต’ อย่าบอกนะว่าตอนเห็นชื่อนี้ครั้งแรกคุณไม่สงสัยเลยสักนิดว่าคำสุดท้ายนี้มาเกี่ยวข้องกับสองคำแรกได้ยังไง แต่ในอีกแง่หนึ่งความที่มันขัดแย้งกันนี่แหละที่น่าจะชวนให้ผู้ชมอยากหาคำตอบ และเมื่อคุณได้ชมภาพยนตร์แล้วก็ย่อมจะ ‘เก็ต’ หรือเข้าใจได้ในที่สุดว่าทั้งสามคำนี้สะท้อน ‘ตัวตน’ ของ คริสเตียน วูล์ฟ (เบน อัฟเฟล็ค) พระเอกของเรื่องได้เป็นอย่างดี เพราะคริสเตียนนี่เองที่เป็นแหล่งรวมสารพัดเรื่องราว ‘ความขัดแย้งที่ลงตัว’ ทั้งหลายไว้ด้วยกัน
หนังปูทางหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้ในช่วงต้น แม้จะจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง ก็จะเริ่มเปิดเผยถึงสิ่งที่ปิดไว้แต่ต้นออกมา เมื่อนั้น เราก็จะเริ่มเข้าใจมันมากขึ้นไปเอง อย่าคาดหวังว่าฉากแอ็คชั่นในหนังที่จะต้องมีมากมาย เพราะหนังมันเน้นเล่าอะไรให้เราคิดตามและปะติดปะต่อเอาเสียมากกว่า ฉากแอ็คชั่นนั้นพอมีและก็ทำได้สนุกทีเดียวเชียวแหละ เอ็ฟเฟ็กต์เสียงปืนนั้นสนั่นหวั่นไหวมาก ส่วนมุกตลกนั้นก็พอมีบ้าง
ตัวละครที่ไม่พูดถึงก็คงมิได้ รีวิวหนังnetflix The Accountant
คือ ดาน่า คัมมิงส์ ที่รับบทโดย Anna Kendrick เธอยังคงน่ารักสดใสเช่นเคย แม้จะดูว่าบทบาทของเธอไม่ใคร่จะโดดเด่นเท่าที่ควรเพราะบทค่อนข้างเทไปทางคริสเตียน วูล์ฟ เสียมากกว่า กระนั้น ก็ยังมีอยู่ฉากหนึ่งที่ผมรู้สึกชอบมากๆ เป็นฉากที่วูล์ฟได้อยู่กันตามลำพังกับดาน่า บทที่สองคนโต้ตอบมันทั้งน่ารักและตลก แถมออกจะดูโรแมนติกด้วยซ้ำ
คาแรคเตอร์ของคริสเตียน วูล์ฟ เป็นเพชฌฆาตโดยสมบูรณ์จริงๆ มีความสามารถในการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบทั้งการสู้ตัวต่อตัวและการยิงปืนทั้งระยะสั้นและยาว เมื่อถึงเวลาเผด็จศึกเขาไม่เคยรีรอที่จะปล่อยให้เล็ดรอด เขาจะยิงปืนใส่ขมับเพื่อให้แน่ใจว่าตายแน่เสมอ อันนี้ต้องเรียกว่ามานิ่งๆ แต่ขาโหดของจริง
ขณะตัวละครที่น่าเสียดายอีกตัวก็คือ เรย์ คิง ที่รับบทโดย เจ.เค. ซิมมอนส์ ที่เหมือนว่าจะมีอะไรเด็ดๆ แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่มีอะไร ก็อย่างว่า หนังดูท่าจะเทไปแค่ที่คริสเตียน วูล์ฟ คนเดียวเท่านั้นจริงๆ ยอมรับว่าช่วงแรกของหนังนั้นดูจะนิ่งๆ ไปบ้าง แต่เมื่อผ่านไปแล้วคุณจะเข้าเนื้อเรื่องมากขึ้น