รีวิวหนังnetflix SPENSER CONFIDENTIAL
ตำรวจผู้ทนเห็นความอยุติธรรมไม่ได้ ทำให้เขาต้องเอาตัวเอง เข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นตลอดเวลา และไม่เคยไว้หน้าใคร และความดุเดือดเลือดพล่านของเขา ทำให้มีเรื่องราวต้องชกต่อยกับคนอื่นอยู่เสมอ ดูหนังฟรี แม้แต่ทำร้ายร่างกายตำรวจชั่วปางตาย จนต้องติดคุกเป็นหนังที่เล่าถึงเรื่องราวของ อดีตตำรวจที่พึ่งออกจากคุกมาได้เพียงวันเดียว ดูหนังออนไลน์ ก็เกิดเหตุมีเรื่องราวที่ทำให้เขาต้องสืบหาความจริง ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
เวลามีผู้กำกับหนังคนดังมาร่วมงานกับเน็ตฟลิกซ์เราก็เดา ๆ ได้ว่าน่าจะด้วยเหตุผลประมาณ 3 ข้อนั่นล่ะ
คือ อย่างแรกมันเป็นโพรเจกต์ที่ค่ายหนังใหญ่ไม่สนใจทำ หรือไม่ก็ สองคือเป็นโพรเจกต์ที่ผู้กำกับคนนั้นอยากลองอะไรใหม่ ๆ เปลี่ยนบรรยากาศ และสามก็คือไม่เลือกงานไม่ยากจน (ฮา) สำหรับ ปีเตอร์ เบิร์ก ผู้กำกับเจ้าของงานแอ็กชันธริลเลอร์ใหญ่ ๆ ที่มักอิงจากเรื่องจริงอย่าง Lone Survivor (2013) และ Patriots Day (2016) ที่งานยุคหลังนอกจากจะเน้นความซีเรียสจริงจังจากเหตุการณ์จริงแล้ว การมาร่วมงานกับ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็กลายเป็นคู่ขวัญคู่ใหม่ไปเลย
เหตุผลที่ทั้งคุ่มาร่วมงานกับเน็ตฟลิกซ์ดูจากงานนี้ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เพราะนอกจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่ได้ลองทำกับเน็ตฟลิกซ์แทนค่ายหนังแล้ว เนื้อหาของหนังก็ยังได้ดัดแปลงนิยายชุดสืบสวนการคอร์รัปชันในแวดวงตำรวจที่มีตัวละครนำชื่อ สเปนเซอร์ ของนักเขียนดังนาม โรเบิร์ต บี. พาร์กเกอร์ ซึ่งเคยเป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์ช่วงปี 1985 เรื่อง Spenser: For Hire มาเปลี่ยนให้กลายเป็นแนวบู๊ปนฮาร้าย ๆ ด้วย ซึ่งงานหนังตลกเรื่องสุดท้ายของเบิร์กนี่ต้องย้อนไปตอนทำ Hancock (2008) นู่นเลยทีเดียว เรื่องนี้แกน่าจะได้ปลดปล่อยพอสมควร
Spenser Confidential สเปนเซอร์ ลุย ซ่า ปราบทรชน อดีตตำรวจติดคุกถูกดึงเข้าสู่โลกอาชญากรรมใต้ดินของบอสตัน เมื่อค้นพบความจริงเบื้องหลังฆาตกรรมซ่อนเงื่อนและการพยายามสมคบคิดเพื่อปกปิดคดี แม้จะถูกคุกคามและข่มขู่ แต่สเปนเซอร์ก็มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความยุติธรรมด้วยตนเองเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
ที่เล่าถึงเรื่องราวของอดีตตำรวจที่ต้องเข้าสู่โลกอาชญากรรมเพราะความอยากรู้อยากเห็นของเขา
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้คอมเมดี้ที่มีฟอร์มอยู่ในระดับกลางๆของ Hollywood คือไม่ได้เป็นภาพยนตร์ต่อสู้ฟอร์มยักษ์ แต่ก็มีอากการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยพลังการให้เราเห็นได้บ้างมีเนื้อเรื่องตลกขบขันที่ออกจะเป็นจริงไปซักเล็กน้อยมีการนำเอาดาราชื่อดังมาเพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพยนตร์เพื่อให้มีแรงดึงดูดมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้มีเพียงแค่ชื่อของดาราเท่านั้นที่น่าสนใจ แต่เนื้อเรื่องภายในอีกก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานไม่น้อยเช่นเดียวกันเป็นเรื่องราวที่มีความแปลกใหม่
แต่เราก็เคยเห็นภาพยนตร์กลิ่นอายนี้มาก่อนแล้วก่อนหน้านี้ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์สัก 1 เรื่องสำหรับการรับชมเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ไม่ต้องคิดอะไรมากมายภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถือว่าสามารถตอบโจทย์ให้คุณได้เป็นอย่างดี แต่แน่นอนว่าด้วยความกวนประสาทของตัวพระเอกรับรองว่ามันจะทำให้คุณรู้สึกหัวร้อนได้ในบางครั้งอย่างแน่นอน แต่มันก็เป็นหนึ่งในเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ช่วยให้มันมีความครบรสกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น
เป็นเรื่องราวของตำรวจผู้ตงฉิน นามว่า สเปนเซอร์ ผู้ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับความอยุติธรรม รีวิวหนังnetflix SPENSER CONFIDENTIAL
โดยเขาต้องติดคุกไปเพราะคดีทำร้ายตำรวจที่เป็นหัวหน้าของเขาเอง หลังจากที่ออกมาจากคุกก็ได้เกิดคดีที่มันมีความเชื่อมโยงต่อตัวเขา เพราะผู้กองที่เขาได้ทำร้ายและเป็นสาเหตุให้ติดคุกนั้น ได้ถูกฆาตกรรม ในวันที่เขาออกจากคุกมาพอดี และเขาก็ต้องทำการสืบหาความจริงว่า มันเกิดอะไรขึ้น เพราะมันมีตำรวจอีกคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมที่ต้องตายไปพร้มกัน และด้วยการที่เป็นคนรักความยุติธรรมจนเข้าเส้น ยากล่ะที่จะยอมปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นมานั้นมันผ่านไปเฉยๆ ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทชีวิต และเผชิญกับความอันตรายแค่ไหน สเปนเซอร์ก็ไม่ยอมแพ้
ด้วยความที่ดัดแปลงเอามันจากนิยายที่ซีเรียส ๆ หน่อยทำให้ตัวหนังมีความทั้งจริงจังและไม่จริงจังไปพร้อมกัน ในขณะที่ปริศนาในคดีและเหล่าตัวร้ายจะค่อนข้างดูสมจริงและซีเรียส แต่ผู้ชมก็จะไม่เบื่อเพราะบุคลิกของสเปนเซอร์ อดีตตำรวจที่เข้าคุกเพราะไม่ชอบความอยุติธรรมนั้นเป็นตัวละครที่มีสีสัน ปากหมา หน้ายับ รักหมากว่าแฟน และชอบแกว่งเท้าเข้าไปหาเสี้ยนทุกครั้งที่เห็นคนบริสุทธิ์เดือดร้อน ยิ่งการเข้าคู่กับพวกตัวละครอื่นฝั่งพระเอกที่คาแรกเตอร์จัดเกินปกติ ทั้ง ฮอว์ก (ได้ วินสตัน ดู๊ก ที่เล่นเป็น เอ็มบากู ในหนัง Black Panther มาเล่น) ตัวละครผิวสีคู่หูสุดหน้าตายและรักสัตว์ของสเปนเซอร์ที่ถูกปรับจากตำรวจในนิยายมาเป็นเด็กฝึกของค่ายมวย ตาลุงเฮนรี่ ชายแก่ที่ให้ความช่วยเหลือด้านที่พักหลังพระเอกออกจากคุกมาก็เป็นตาแก่ไม่ทันเทคโนโลยีแต่มีความเก๋าแบบโอลด์สคูล รวมถึง ซิสซี่ แฟนสาวของสเปนเซอร์ที่ผีเข้าผีออกอารมณ์รุนแรงเดาใจยาก ทั้งหมดเมื่อรวมตัวกันก็เลยกลายเป็นแก๊งที่ไม่ลงรอยกันเองแต่ก็เข้าขากันเยี่ยมเวลาคับขัน ช่วยให้หนังดูสนุกพอสมควร
หนังแอ็กชั่นสายตลกฟอร์มกลางๆ ของ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ที่มารับบท “สเปนเซอร์” ตำรวจหนุ่มใจรักความยุติธรรมที่ติดคุกมา 5 ปี โทษฐานทำร้ายร่างกายตำรวจด้วยกันเอง เมื่อออกจากคุกเขากลับต้องมาเจอคดีตำรวจถูกฆ่าตาย 2 นาย และกลายเป็นเหมือนการจัดฉากฆ่ากันเอง นั่นทำให้เขาทนไม่ได้ต้องกลับมาสืบสวนแบบตำรวจอีกครั้ง โดยคราวนี้มี “ฮอว์ค” คู่หูหนุ่มผิวดำร่างยักษ์ที่กำลังคิดฝันเป็นนักสู้ในกรง MMA มาช่วยด้วยอีกแรง
นี่เป็นหนังฟอร์มกลางของ Netflix ที่เอาดารานำมีชื่อมาชูโรงให้ดูเป็นหนังฟอร์มใหญ่ขึ้นมาหน่อย
ซึ่งก็ได้ผลเพราะถ้าไม่ใช่ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็คงไม่มีแรงดึงดูดหรือความเชื่อใจให้ดูสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่เอาดารานำมาปะหน้าแล้วจะขายได้ ตัวหนังเองก็ต้องมีดีพอตัวด้วยเหมือนกันดารานำใหญ่แบบนี้ถึงมาเล่นได้ ซึ่งหลังดูจบบอกเลยว่าเหมือน Netflix กำลังพยายามสร้างหนังแฟรนไชนส์โดยใช้ดารานำเรื่องละคน อย่าง ไรอัน เรย์โนลส์ กับ 6 Underground ที่เปิดเรื่องมาก็บอกเลยว่ากะทำต่อยาวๆ Spenser Confidential กับ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็เช่นกัน หนังสร้างคาแรกเตอร์อดีตตำรวจตงฉินที่มีเอกลักษณ์ของการเป็นจอมเสือก ได้ข่าวอะไรที่ดูแปลกๆ พี่แกก็พร้อมจะเข้าไปเสือกกับบวกให้เป็นเรื่องทุกทีไปตั้งแต่เคสแรกของตัวเอง ที่สุดท้ายก็เลยต้องโทษจำคุกกันตั้งแต่เปิดเรื่อง
ซึ่งหนังเรื่องนี้ออกจะเล่าถึงเรื่องราวของ Spenser คนเดียวมากไปหน่อย ทำให้ขาดความเข้มข้นของเนื้อเรื่องและโดยพล็อตเรื่องแล้ว แทบจะไม่มีอุปสรรคอะไรเลย มีอยู่นิดหนึ่งตอนที่ Henry ถูกจับแต่ก็ช่วยออกมาได้แบบง่าย ๆ
ซึ่งหนังเรื่องนี้ดูแล้ว เน้นที่ความเข้มข้นของแต่ละฉาก ที่มีความมันและแฝงไว้ด้วยความตลกนิด ๆ มากกว่าที่จะเน้นที่เนื้อเรื่องและอีกอย่างคือฝ่ายผู้ร้ายแทบจะไม่มีบทบาทเลย ปล่อยให้ฝ่าย Spenser เดินเรื่องอยู่ฝ่ายเดียว ทำให้เนื้อเรื่องขาดความเข้มข้นไป
อดีตตำรวจติดคุกถูกดึงเข้าสู่โลกอาชญากรรมใต้ดินของบอสตัน เมื่อค้นพบความจริงเบื้องหลังฆาตกรรมซ่อนเงื่อนและการพยายามสมคบคิดเพื่อปกปิดคดี แม้จะถูกคุกคามและข่มขู่ แต่สเปนเซอร์ก็มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความยุติธรรมด้วยตนเองเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
หนังแอ็กชั่นสายตลกฟอร์มกลางๆ ของ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ที่มารับบท “สเปนเซอร์” ตำรวจหนุ่มใจรักความยุติธรรมที่ติดคุกมา 5 ปี โทษฐานทำร้ายร่างกายตำรวจด้วยกันเอง เมื่อออกจากคุกเขากลับต้องมาเจอคดีตำรวจถูกฆ่าตาย 2 นาย และกลายเป็นเหมือนการจัดฉากฆ่ากันเอง นั่นทำให้เขาทนไม่ได้ต้องกลับมาสืบสวนแบบตำรวจอีกครั้ง โดยคราวนี้มี “ฮอว์ค” คู่หูหนุ่มผิวดำร่างยักษ์ที่กำลังคิดฝันเป็นนักสู้ในกรง MMA มาช่วยด้วยอีกแรง
นี่เป็นหนังฟอร์มกลางของ Netflix ที่เอาดารานำมีชื่อมาชูโรงให้ดูเป็นหนังฟอร์มใหญ่ขึ้นมาหน่อย ซึ่งก็ได้ผลเพราะถ้าไม่ใช่ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็คงไม่มีแรงดึงดูดหรือความเชื่อใจให้ดูสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่เอาดารานำมาปะหน้าแล้วจะขายได้ ตัวหนังเองก็ต้องมีดีพอตัวด้วยเหมือนกันดารานำใหญ่แบบนี้ถึงมาเล่นได้ ซึ่งหลังดูจบบอกเลยว่าเหมือน Netflix กำลังพยายามสร้างหนังแฟรนไชนส์โดยใช้ดารานำเรื่องละคน อย่าง ไรอัน เรย์โนลส์ กับ 6 Underground ที่เปิดเรื่องมาก็บอกเลยว่ากะทำต่อยาวๆ Spenser Confidential กับ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็เช่นกัน หนังสร้างคาแรกเตอร์อดีตตำรวจตงฉินที่มีเอกลักษณ์ของการเป็นจอมเสือก ได้ข่าวอะไรที่ดูแปลกๆ พี่แกก็พร้อมจะเข้าไปเสือกกับบวกให้เป็นเรื่องทุกทีไปตั้งแต่เคสแรกของตัวเอง ที่สุดท้ายก็เลยต้องโทษจำคุกกันตั้งแต่เปิดเรื่อง
ตัวละครสมทบทั้งหลายนั้นก็ทำออกมาจิกกัดสภาพสังคมได้อย่างยอดเยี่ยม รีวิวหนังnetflix SPENSER CONFIDENTIAL
แต่จุดด้อยของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเป็นภาพยนตร์ที่ช่วงสืบสวนสอบสวนนั้นค่อนข้างง่ายจนเกินไปดูเหมือนไม่มีอะไรเลยทำให้ความเข้มข้นในส่วนนี้หายไปบทค่อนข้างธรรมดาไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อนทำให้สามารถเดาได้ง่ายโดยเฉพาะตัวร้ายที่ไม่มีความคลื่นลึกหนาบางเลยแม้แต่น้อยในขณะเดียวกันจากการต่อสู้ทำออกมาได้ดี
แต่ก็อยู่ในระดับธรรมดามาตรฐานทั่วไปไม่ได้มีอะไรที่น่าประทับใจดังนั้นมันจึงเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับการรับชมเพื่อฆ่าเวลาสำหรับคนที่อยากจะหาหนังตลกรับชมเพื่อความสนุกสนานเท่านั้นหากรับชมเป็นจริงเป็นจังคุณคงรู้สึกหงุดหงิดการกระทำของตัวละครไม่น้อยเลยทีเดียว
บอกตามตรงว่า SPENSER CONFIDENTIAL (2020) ไม่ใช่หนังที่มีฉากแคชั่นมันส์ ๆ ทั้งเรื่องอย่างที่คาดหวัง แถมตัวละครที่(ผู้เขียน)โดนตกมาจากในทีเซอร์ก็ไม่มีมีบทบาทเท่าไหร่ ทำให้ดูไปใจฝ่อไป แต่ถ้าใครที่เข้ามาดูโดยปราศจากอคติก็จะเป็นหนังที่มีทั้งแอกชัน สืบสวนสอบสวน รวมทั้งความฮาปนกับความตลกร้ายของชีวิต ซึ่งในส่วนของฉากแอกชัน การสืบสวนซึ่งเป็นประเด็นและความน่าสนใจหลักของเรื่องนั้นดูไม่ค่อยน่าติดตามและดูง่ายเกินไป รวมถึงฉาคแอกชันที่ดูธรรมดา (และอาจจะน้อยไปสำหรับหนังแอกชัน) แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังมีอะไรให้ติดตามอยู่เพราะคาแรคเตอร์ของตัวเอกที่ดูน่าสนใจและมีฉากบู้มาเป็นช่วง ซึ่งสามารถทำให้ดูได้จนจบ อารมณ์และโทนของหนังส่วนใหญ่จะค่อนข้างเครียด แม้ว่าตัวละครจะปล่อยมุกออกมาทั้งเรื่องแต่ก็ไม่ได้ลดความเครียดของหนังเลย หากใครที่ต้องการดู SPENSER CONFIDENTIAL (2020) เพื่อคลายเครียดในวันหยุดบอกได้เลยว่า คุณอาจจะต้องเครียดมากกว่าเดิม
โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่อง SPENSER CONFIDENTIAL (2020) เสปนเซอร์ ลุย ล่า ปราบ ทรชน เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ถึงกับไม่น่าดูแต่ก็ไม่ถึงกับต้องรีบดู เป็นเรื่องที่คิดว่าความสนุกอยู่ในระดับกลาง ๆ เพราะอารมณ์ของหนังที่ทำให้คนดูรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงที่สุดทั้งในด้านของฉากแอกชันและการสืบสวน