รีวิวหนังnetflix SLR กล้อง ติด ตาย
SLR กล้อง ติด ตาย หนังไทยสยองขวัญแอ็คชั่น ผสมจิตวิทยาแนวใหม่ กับหลายความเชื่อ ทั้งเรื่องปีศาจ และความเชื่อของคนโบราณ ที่ว่าการถ่ายภาพคือ การดูดพลังและวิญญาณ เนื้อหาชวนติดตาม มุมภาพใหม่ โทนเร้าอารมณ์ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
เป็นเรื่องราวของ แดน นักศึกษาหนุ่มคณะภาพถ่าย รีวิวหนังnetflix SLR กล้อง ติด ตาย
ที่สอบธีสิสกับอาจารย์เอมมาเป็นปีแล้ว แต่ยังไม่ผ่านเสียที จนในที่สุด อาจารย์เอมได้ให้กล้อง SLR ให้ถ่ายงานที่ดีที่สุดมาส่ง แดนกำลังจะค้นพบว่า มันเป็นบททดสอบของกล้องปีศาจ ซึ่งเขาไม่มีทางหนี นอกจากจะต้องเลือกว่าจะยอมตามมัน หรือจะสู้กับมัน และเขากำลังจะลากแฟนและเพื่อนของเขาอย่าง น้ำ และ เกรท ดูหนังฟรี เข้ามาร่วมชะตากรรมอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งรายล้อมไปด้วยความตายจากกล้องนรกนี้ด้วย ดูหนังออนไลน์
ผลงานเรื่องนี้เป็นฝีมือของ 2 ผู้กำกับหนุ่มรุ่นใหม่ “เลิศศิริ บุญมี” กับ “วุฒิชัย วงศ์นภดล” ที่พวกเขาแทบจะยังไม่มีชื่ออยู่ในวงการหนังไทยหรอก แต่ก็นับว่าเป็นการประเดิมเดบิวต์ผลงานเรื่องนี้ได้ค่อนข้างน่าพอใจอยู่ในระดับหนึ่ง เพราะส่วนหนึ่งเป็นการปลุกปั้นผลักดันของผู้กำกับมือฉมัง “โขม ก้องเกียรติ” ที่มารับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างและที่ปรึกษาให้กับหนังเรื่องนี้ด้วย เมื่อได้ครูที่ดี ผลงานออกมาจึงออกมาได้ในระดับที่พอถูไถไปได้
อย่างไรก็ตามก็ต้องบอกว่ากลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้สามารถสอบผ่านฉลุยในบทบาทตัวเองได้อย่างน่าจับตา
โดยเฉพาะ นนน ตัวเอกของเรื่องที่ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์กับการแสดงออกทางสีหน้าของเจ้าตัวที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังรู้สึกชื่นชมตัวโปรเจกต์นี้ที่พยายามพาหนังสยองขวัญไทยไปในทิศทางใหม่ๆ ที่ไม่ใช่สูตรสำเร็จ หาที่ทางของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ ถึงแม้หลายๆ อย่างจะยังดูขาดๆ เกินๆ ไม่น้อย แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าสิ่งที่ SLR พยายามจะพิสูจน์ตัวเองและไปให้ถึง มันควรค่าต่อการปรบมือในตอนท้าย ทั้งยังเป็นอะไรที่วงการหนังสยองบ้านเราต้องการในโมงยามนี้จริงๆ
SLR เล่าเรื่องของกลุ่มช่างภาพและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไฟแรง ที่อยากได้ทุนไปทำงานกันที่นิวยอร์ค แต่ติดที่ว่า “แดน” หนึ่งในสมาชิกและเป็นช่างภาพหลักนั้นยังเรียนไม่จบและไม่มีทุนตามเพื่อนไป เขาจึงต้องพยายามทำโปรเจกต์กับ “อาจารย์เอม” ให้ผ่าน เพื่อให้ได้ทุนที่ต้องการ โดยที่เขาไม่อาจรู้เลยว่าสิ่งที่อาจารย์เอมมอบหมายให้ทำกับการนำกล้องฟิล์มไปถ่ายคน 7 คนในระยะเวลา 14 วันจะทำให้ชีวิตเขาต้องพบเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝัน
ดังนั้น “SLR กล้อง ติด ตาย” จึงเป็นหนังแนว Psychological Thriller ที่พยายามเล่าถึงจิตวิญญาณและความขัดแย้งภายในจิตใจของมนุษย์ มากกว่าที่จะ Horror แถมยังมีความทะเยอทะยานที่จะอินเตอร์ และแหวกแนวจากหนังไทยทั่วไป กล่าวคือ แทนที่จะเป็นหนังผี แต่กลับเป็นหนังแนวปิศาจ ซาตาน และมอนสเตอร์เสียมากกว่า
ตัวเอกของเรื่องคือ “แดน” (นนน-กรภัทร์ จาก The Gifted)
นักศึกษาหนุ่มด้านภาพถ่าย ที่สอบธีสิสกับอาจารย์เอม (อ้น–นพพันธ์) แต่ไม่ผ่านเสียที ในขณะที่เพื่อนสนิทของเขา “น้ำ” (เฌอปราง BNK48 จาก Homestay) และ “เกรท” (นนท์-ศดานนท์ จาก ดิวไปด้วยกันนะ) เรียนจบแล้ว และกำลังจะได้ไปเรียนต่อด้วยกันที่นิวยอร์ก ในที่สุด อาจารย์เอมได้ให้กล้อง SLR ตัวหนึ่งกับแดน และบอกให้เอากล้องตัวนี้ไปถ่ายงานมาใหม่ ต่อมาแดนได้ค้นพบว่า มันเป็นกล้องปีศาจ ถ่ายใคร คนนั้นก็ตาย เขาต้องเลือกว่าจะยอมถ่ายต่อให้จบเพื่อรักษาชีวิตและอนาคตทางการศึกษาของตนเองไว้ หรือจะล้มเลิกเพื่อรักษาชีวิตคนบริสุทธิ์เอาไว้
น่าเสียดายที่ “SLR กล้อง ติด ตาย” มีความพยายามที่จะเป็นทุกอย่างและมีทุกรสมากเกินไป ทำให้หนังยังไปไม่สุดทาง ทั้งสยองขวัญ สัตว์ประหลาด จิตวิทยา ดราม่าต้นทุนชีวิต มิตรภาพและรักสามเส้า ฯลฯ จริง ๆ ถ้าหนังอยากจะโกอินเตอร์แบบหนังเกาหลี เขาเล่นเรื่องต้นทุนชีวิต ทุนนิยม หรือการสำรวจจิตใจให้หนัก ๆ ไปเลยจะดีกว่า แล้วให้มอนสเตอร์เป็นตัวเสริมนิดหน่อย เหมือนหนังมอนสเตอร์แจ้งเกิดของบงจุนโฮ
ส่วนที่เราไม่ชอบคือ “SLR กล้อง ติด ตาย” เป็นหนังที่ยังมีบาดแผล รีวิวหนังnetflix SLR กล้อง ติด ตาย
มี subplot ที่ไม่จำเป็น มิติกับปมของตัวละครที่ไม่ได้รับการพัฒนาขัดเกลา บทและการตัดต่อมีบ้ง ๆ เบียว ๆ บ้าง และเคมีของนักแสดงนำยังไม่ค่อยเข้ากัน มีหนึ่งในสามคนที่เป็นตัวฉุดเกรดลงอย่างชัดเจน ในขณะที่ศดานนท์พยายามพยุงเกรดขึ้นแทบตาย (เสียดายฝีมือที่เขาไม่ได้เล่นเป็นตัวเอกสุด) และอีกอย่างที่ดึงเกรดลงคือ “ฉากตุ้งแช่ (jump scare)” กับ sound ที่พยายามยัดเยอะเกินไปจนดูไร้รสนิยม
SLR กล้อง ติด ตาย คือภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องล่าสุดจากค่าย M Pictures ที่ได้สองผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง มาร์ค-เลิศศิริ บุญมี และ เอ็ด-วุฒิชัย วงศ์นภดล มารับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว พร้อมด้วย 3 นักแสดงรุ่นใหม่อย่าง นนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์, เฌอปราง อารีย์กุล (เฌอปราง BNK48) และ นนท์-ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ มารับบทเป็น 3 เพื่อนสนิทที่ต้องเผชิญหน้ากับกล้องปีศาจปริศนา
ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของ แดน (นนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์) นักศึกษาหนุ่มที่กำลังเรียนอยู่ในสาขาถ่ายภาพ และต้องทำธีสิสส่งให้กับอาจารย์เอม (อ้น-นพพันธ์ บุญใหญ่) เพื่อคว้าทุนไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก แต่รูปถ่ายของแดนกลับไม่ผ่านการคัดเลือก เอมจึงมอบกล้อง SLR ให้กับแดนเพื่อใช้ในการทำธีสิส
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทุกคนที่เอมถ่ายด้วยกล้อง SLR กลับตายอย่างเป็นปริศนา อีกทั้งคนที่เคยใช้กล้องนี้มาก่อนต่างก็ตายกันหมดเช่นกัน จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แดน รวมถึง น้ำ (เฌอปราง อารีย์กุล) ผู้เป็นแฟนสาว และ เกรท (นนท์-ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์) เพื่อนสนิท ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดที่จะนำพวกเขาไปสู่ความตาย
แดน (นนน-กรภัทร์) นักศึกษาหนุ่มที่กำลังมุ่งมั่นทำธีสิสจบ ด้วยการถ่ายภาพ แต่ถ่ายยังไงก็ไม่โดนใจอาจารย์เอ็ม อาจารย์เจ้าของธีสิส ทำให้เขาอาจจะพลาดโอกาสที่จะได้ไปตามฝันที่นิวยอร์ก พร้อมกับ เพื่อนและคนรัก อย่าง น้ำ และ เกรซ (เฌอปราง) (นนท์-ศดานนท์) จนกระทั่ง อาจารย์เอ็ม ได้มอบกล้อง SLR ตัวหนึ่งมาให้แดน แนะให้ใช้กล้องตัวนี้ ทำธีสิส ให้ได้ โดยโจทย์คือ ถ่ายภาพบุคคลมาให้ได้ 7 คน ภายใน 14 วัน แต่ใครจะรู้ว่า… หลังจากถ่ายภาพไป คนที่ถูกแดนถ่าย กลับทยอย เสียชีวิตไปทีละคน จนกลายเป็นพวกเขา เข้าไปพัวพันกับความเชื่อในลัทธิปีศาจ ที่มีความตายเป็นเดิมพัน!
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้รู้สึกประทับใจใน SLR กล้อง ติด ตาย
ก็น่าจะเป็นองค์ประกอบงานสร้างและดีไซน์ต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาในหนัง โดยเฉพาะโปรดักชั่นดีไซน์ต่าง ๆ ทั้งฉากที่รู้สึกพิถีพิถันและแปลกตาจากหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ดี การออกแบบมุมกล้องและแสงสีที่ใช้หนังเรื่องนี้ ผสมด้วยความเป็นหนังลึกลับอินดี้แบบฝรั่งหน่อย ๆ เข้าไป เป็นจุดเล็กน้อยที่ช่วยบิ้วท์อารมณ์ผู้ชมได้ค่อนข้างน่าสนใจ แม้ว่าจังหวะในการเล่าเรื่องของหนังจะค่อนข้างโดดไปมา และพลอยทำให้อารมณ์ไม่ต่อเนื่องอยู่เนือง ๆ บ่อยก็ตาม
อย่างที่ได้เกริ่นเอาไว้แล้วว่า วิธีการเล่าเรื่องในหนัง SLR กล้อง ติด ตาย ยังไม่ใช่สิ่งที่โปรดปรานโดยส่วนตัวสักเท่าไหร่นัก หนังยังมีจุดขาด ๆ เกิน ๆ อยู่เยอะแยะเต็มไปหมด ความพยายามที่จะกระตุกขวัญผู้ชมด้วยมุกเดิม ๆ อาจจะเป็นการสร้างความน่ารำคาญ หรือความสุดโต่งในการถ่ายทอดเรื่องราว ที่ยอมรับว่าเกือบจะไปได้สุด แต่ก็ยังรู้สึกว่าหนังยังเก้กังติดอยู่กลางทางอยู่บ้าง เป็นองค์ประกอบที่น่าเสียดาย ที่ตรงจุดนี้หนังยังไม่สามารถซื้อใจไปได้