รีวิวหนังnetflix Major Grom: Plague Doctor
ภาพยนตร์ฮีโร่สไตล์รัสเซียที่เป็นไปด้วยความดุเดือดเหนือความคาดหมาย โหดสัสรัสเซียนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นคำพูดที่ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ประเทศรัสเซียนั้นเป็นประเทศที่ไปสุดทุกทาง เป็นประเทศที่หนาวที่สุด เหล้าแรงที่สุด เรียกได้ว่าเป็นประเทศแห่งความที่สุดก็ว่าได้ ดังนั้นพอประเทศนี้ทำภาพยนตร์ฮีโร่ต้นตำรับของตัวเองขึ้นมาแน่นอนว่ามันไปสุดกว่าที่เราคาดการณ์เอาไว้อย่างแน่นอน สำหรับใครที่อยากจะรับชมภาพยนตร์แนวฮีโร่ในมุมมองใหม่ๆ และกลิ่นอายที่แตกต่างไปจากเดิม
สำหรับจุดตั้งต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 มีการฉายตัวอย่างภาพยนตร์ในงาน IgroMir / Comic-Con Russia 2017 แต่เพราะประสบปัญหาระหว่างการผลิต ทำให้มีการเปลี่ยนทีมงานใหม่ และดำเนินโครงการใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง จนในที่สุด ก็ได้มีรอบฉายปฐมทัศน์ในวันที่ 25 มีนาคม 2021 ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเพิ่งจะลงระบบสตรีมมิง Netflix ในบ้านเรา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
แม้จะไม่ได้มีการโปรโมตให้ครึกโครมเหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่ลงในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ไม่นานนักภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เข้าสู่ 10 อันดับยอดนิยมของ Netflix อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่เรากำลังห่อเหี่ยวหลังจากชม Resident Evil: infinite darkness เพราะการเชื่อมโยงลำดับเรื่องที่น่าผิดหวังสุด ๆ ก็เลยอยากชมภาพยนตร์แอ็กชันสนุกสนานสักเรื่องเพื่อล้างตาอยู่พอดี และเรื่องนี้ก็โผล่เข้ามาในสายตา ตัวอย่างก็ดูน่าดูดีนะ น่าจะคลายเครียดได้ดีแหละ อย่ากระนั้นเลย กดเข้าไปชมกันหน่อยดีกว่า ดูหนังออนไลน์
อิกอร์ กรอม ตำรวจหนุ่มผู้เที่ยงตรง ไม่ย่อท้อต่อการจับผู้ร้าย เขาต้องมาต่อกรกับฮีโร่ศาลเตี้ย
ที่เรียกตัวเองว่า “หมอกาฬโรค” หมอกาฬโรคที่คิดว่าตัวเองคือฮีโร่ เขาคิดว่าพวกคนรวยทำให้รัฐที่เขาอยู่เสื่อมโทรม ผู้คนล้มตายถูกเอารัดเอาเปรียบ เป็นเพราะพวกคนรวยทั้งนั้น เมืองนี้มันป่วย คนทำผิดก็ชนะได้ด้วยเงิน เขาจึงตั้งศาลเตี้ยขึ้นมาพิพากษาคนเหล่านี้ซะเลย ด้วยการก่อความไม่สงบที่ยกระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อิกอร์ จะต้องหาทางหยุดยั้ง หมอกาฬโรคฮีโร่จอมปลอมนี้ให้ได้ ดูหนังฟรี
Grom (อ่านว่า กร็อม) เป็นพระเอกของเรื่องนี้ที่เป็นตำรวจบ้าดีเดือดชอบฉายเดี่ยว ไม่ใส่เครื่องแบบปราบโจร แถมยังชอบใช้วิธีห่ามๆ นอกกฎมาจับโจร จนกลายเป็นเรื่องปวดหัวให้กรมตำรวจเสมอ แต่กลับไม่ค่อยมีใครรู้จักเขาดีนัก เพราะความที่ไม่ต้องการเด่นดังหรือสุงสิงกับใคร จนกระทั่งการปรากฎตัวของ หมอกาฬโรค ศาลเตี้ยในชุดรบใส่หน้ากากนก ออกมาจัดการคนร้ายที่กร็อมจับได้ แต่ศาลปล่อยตัวไป โดยใช้วิธีเผาทั้งเป็น และโชว์ตัวเองลงโซเชียลมีเดียของรัสเซียจนกลายเป็นฮีโร่ของเมือง กร็อมจึงต้องหาทางสืบให้ได้ว่าหมอกาฬโรคคือใคร โดยมีนักข่าวสาวในเน็ตตามเกาะติดคดีนี้ พร้อมกับตำรวจฝึกหัดที่ถูกส่งมาเรียนรู้งานกับกร็อมมาช่วยอีกแรง
โครงเรื่องนี้เหมือนเป็นการเอาแบทแมนมาทำในแบบของตัวเอง เริ่มจากเมืองที่กร็อมอยู่ถึงจุดตกต่ำอาชญากรรมพุ่งสูง คนรวยอยู่เหนือกฎหมาย ประชาชนโกรธแค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กร็อมเองถ้าไม่ได้เป็นตำรวจก็เกือบๆ เป็นศาลเตี้ยแล้วเช่นกัน เพราะแนวสืบสวนแบบนอกกฎหมาย โดยที่เขาเองยึดถือคติว่าคนร้ายเล่นนอกกฎก่อน ถ้าทำตามกฎไม่ทันกินแน่ๆ จนการปรากฎตัวของหมอกาฬโรคก็เหมือนเมืองนี้มีแบทแมนตัวจริงออกมา เพียงแต่ว่าหมอนี่เน้นฆ่าพวกที่รอดกฎหมายอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยกลายเป็นเมืองนี้ยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้นไปอีกเมื่อศาลเตี้ยนอกกฎหมายกลายเป็นฮีโร่ของคนในเมือง จนดูเหมือนแอบสะท้อนเรื่องราวของแบทแมนนี่แหละ แต่ต่างกันที่แบทแมนดั้งเดิมไม่ฆ่าใครเท่านั้น
แค่ภาพเปิดมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จัดเต็มความเป็นรัสเซียมาอย่างเต็มที่ รีวิวหนังnetflix Major Grom: Plague Doctor
ทั้งการเลือกใช้ตัวอักษรทั้งชื่อหนังและเครดิตที่ไม่มีภาษาอังกฤษปนแม้เพียงนิด ฉากไล่ล่าดุเดือดเล่าเรื่องรวดเร็วกระแทกเข้าเบ้าตาทันที และแม้จะมีการตัดต่อสลับไปมา แต่ก็ดูได้เพลินและดูรู้เรื่องเข้าใจได้ง่าย แถมยังรัวหมัดต่อเนื่องเดินเรื่องรวดเร็วทันใจ สื่อความได้ชัดคมกระชับตามสไตล์รัสเซีย และก็เหมือนกับชื่อเรื่อง ตัวเอกของเราก็คือนายตำรวจอีกอร์ กรอม (Igor Grom) (รับบทโดย ทิกฮอน ซีซเนฟสกี (Tikhon Zhiznevsky)) ตำรวจบ้าระห่ำที่ดูแว่บแรกนึกว่าเป็นฮีโรเหนือมนุษย์ และดูไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่เลย แต่ยิ่งเดินเรื่องไป เราก็ยิ่งเห็นความซื่อสัตย์ เที่ยงตรง และโดดเดี่ยวของคนผู้นี้ จนชวนให้นึกในใจว่ารัสเซียนี่มันรัสเซียซะจริง ๆ ขนาดตัวเอกยังมีความเป็นรัสเซียเด่นหราเอามากๆ ซึ่งนั่นก็ถือเป็นมุมนำเสนอที่ดี และส่วนตัวเราคิดว่า ตัวละครนี้ประสบความสำเร็จในแง่ของการดีไซน์ ดูเป็นเอกลักษณ์ดีนะ.
ภาคแรกนี้เหมือนเป็นจุดกำเนิดทีมของกร็อมและโลกของวายร้าย ซึ่งก็เหมือนแบทแมนเลยนั่นแหละที่พอมีคนบ้าแบบนี้ออกมา ก็กลายเป็นการจุดชนวนให้มีคนจิตไม่ปกติออกมาทำตาม แต่ตัวเรื่องจะไปเผยเอาไว้ในสองเครดิตตอนจบ ว่ายังมีต่อ และโลกของกร็อมยังมีตัวร้ายอื่นๆ เพิ่มมาอีก ในส่วนของกร็อมเองจากที่ฉายเดี่ยวมาตลอด ก็ได้เริ่มเรียนรู้ว่าการมีทีมดีกว่า ซึ่งตัวละครในทีมก็ดูทันสมัยหน่อยเพราะนักข่าวในเรื่องที่เป็นนางเอกด้วยทำงานแบบยูทูบเบอร์ คือหาข่าวเอง แฝงตัวเอง เรียกยอดวิวจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งในเรื่องนี้มีประเด็นของโซเชียลมีเดียสมมุติถึงระบบอิสระไม่มีการติดตามได้ว่าใครโพสต์อะไร (ฟรีสปีช) ซึ่งก็กลายเป็นเครื่องมือของวายร้ายในเรื่องไปในตัว ทำให้ตำรวจไม่สามารถติดตามหมอนี่ได้ว่าเป็นใคร ส่วนตำรวจน้องใหม่ที่ตามกร็อมก็เป็นตัวละครเสริมเรื่องราวชีวิตของกร็อมที่ไม่เคยยอมรับ ได้เรียนรู้และปรับปรุงตัวเองใหม่เปิดใจให้กับการทำงานเป็นทีมในภายหลัง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนในชื่อเดียวกันซึ่งเป็นผลงานของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังในประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันพิมพ์ออกมาแล้วทั้งหมดถึง 6 ภาคจำนวน 50 เล่ม ดังนั้นหากภาพยนตร์ภาคนี้ประสบความสำเร็จก็ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็นภาคต่อออกมามากมายเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้นนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่รัสเซียมีการนำเอาการ์ตูนรัสเซียมาดัดแปลงให้กลายเป็นภาพยนตร์อีกด้วยมันจึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก
แต่กว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะถ่ายทำสำเร็จและได้ออกฉายก็ต้องประสบกับปัญหามากมายไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนทีมงานใหม่
การเปลี่ยนโครงเรื่องใหม่ตั้งแต่ต้น ทำให้การถ่ายทำกินเวลายาวนานหลายปีตั้งแต่ปี 2017 กว่าจะออกฉายได้ก็ปาเข้าไปปี 2021 แล้ว สำหรับใครที่กังวลว่าเราจะรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จากที่ไหนเพราะมันเป็นภาพยนตร์รัสเซีย ไม่ต้องกังวลไปเพราะ Netflix ได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์มาใช้บนระบบ Streaming เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักหรือได้รับกระแสการพูดถึงในวงกว้าง แต่มันก็ค่อยๆ ไต่อันดับจนกลายเป็น 10 ภาพยนตร์ยอดนิยมบน Netflix ได้สำเร็จในที่สุดอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองรับชมกัน
เรื่องราวของ พันตรีตำรวจ Igor Grom เป็นที่รู้จักไปทั่วเขาเป็นพวกหัวแข็งและมีทัศนดติที่ไม่ประนีประนอมให้กับอาชญากรรมทุกรูปแบบ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อมีการประกาศว่าเมืองของเขาป่วยด้วยโรคระบาด นี่เป็นครั้งแรกที่ พันตรีตำรวจ Igor Grom ประสบปัญหาที่แท้จริง ซึ่งผลลัพธ์อาจเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของทั้งเมือง
การดำเนินเรื่องปูเรื่องในเรื่องนี้ถือว่าดีมาก ๆ ฉากแรกมีการปูเรื่องถึงความเป็นมาของพระเอกว่าเป็นใครบอกเล่านิสัยผ่านเหตุการณ์ รวมถึงตัวตัวคนร้ายเอง ก็มีการบอกเล่าถึง Background หลักฐานต่าง ๆ ในส่วนนี้ทำให้คนดูเข้าใจไปทีละ Step การวาง Timeline ในเรื่องสลับระหว่างพาร์ทของพระเอกและตัวร้ายแบ่ง Airtime ได้ดีและการนำมาบวกรวมกันได้แบบไม่งงมีเหตุมีผล เรื่องของฉากและซีนต่าง ๆ ภายในเรื่อง ฉากในเรื่องนี้สวยดึงดูดใจแทบจะทุกฉาก มีการสร้างบรรยากาศ Mood and tone สื่อสารถึงอารมณ์ได้แบบครบรส ฉาก Action มีความเรียลมันส์แบบไม่มีกั๊ก! แถมตัวร้ายก็ยังฉลาดเป็นกรดอีกด้วย ทำให้มีความสูสีระหว่างพระเอกและตัวร้าย และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือภาพ CG จำลองภายในเรื่องถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายภายในเรื่องเลยก็ว่าได้ มีความเนียบไม่โป๊ะ ไม่มีความลอยใด ๆกลมกลืนไปกับเรื่องได้ดี ทำให้เรื่องราวดูสมูทไม่ขัดสายตา ยกตัวอย่างในฉากสุดท้ายปิดจบของตัวร้ายที่มีการกางปีกและมือมืดที่คอยมาจับอยู่ด้านหลัง เรียกว่าทำให้เสียววูบเลยทีเดียว
จุดเด่นของเรื่องคือฉากแอ็กชั่นจากสกิลคิดล่วงหน้าของกร็อม รีวิวหนังnetflix Major Grom: Plague Doctor
ที่เขามักจะประเมิณสถานการณ์ออกมาหลายรูปแบบก่อนเข้าต่อสู้ ทำให้เรื่องนี้มีฉากแอ็กชั่นในซีนเดิมซ้ำๆ แต่แตกแขนงออกมาหลายแบบ ซึ่งแรกๆ อาจะดูงงๆ หน่อยเพราะตัวเรื่องก็ไม่มีเกริ่นอะไรเลย แถมยังทำซะเหมือนเป็นการเดินเรื่องจริง ก่อนที่จะย้อนกลับมาเล่าเรื่องจุดนั้นใหม่ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นจุดขายของการ์ตูนเรื่องนี้แหละที่พระเอกจำลองภายในหัวไว้มากมายก่อนลุย แต่พอมาเป็นหนังแล้วมีการใช้บ่อยๆ ซ้ำๆ ก็กลายเป็นฉากเดียวโดนยืดไปหลายรอบจนเซ็งนิดๆ เหมือนกันว่าอันไหนจะเป็นเรื่องจริงสักที
ส่วนตัวร้ายของเรื่องก็เว่อร์กว่าพระเอกมาก เพราะมีชุดรบไฮเทค ใส่ผ้าคลุมเต็มยศ แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวชุดทำอะไรได้บ้างนอกกันกระสุน แต่อาวุธสำคัญคือเครื่องพ่นไฟที่ติดไว้ที่ข้อมือสองข้าง โดยใช้สารเคมีเป็นหลอดติดไว้ แล้วหลอดนี้ก็เป็นระเบิดได้ในตัวเองด้วย แต่จุดเด่นของเจ้านี่จริงๆ คือ มันสมองมากกว่า ด้วยแผนการร้ายที่วางไว้เป็นสเต็ปโดยกร็อมเองก็ติดอยู่ในแผนนี้ด้วย กึ่งๆ เหมือนเล็กซ์ลูเธอร์ประมาณนั้น แต่เอาจริงๆ แผนร้ายในเรื่องก็ไม่ได้ใหม่ มีความคล้ายกับ V for Vendetta การ์ตูนแนวฮีโร่ด้านมืดและถูกนำมาสร้างเป็นหนังเช่นกัน เข้าใจว่ากร็อมหยิบยืมไอเดียมาบ้างแน่ๆ เพราะเป็นการยำหลายอย่างในหนังฮีโร่ดังก่อนๆ มารวมกัน นอกจากนี้ตัวร้ายในเรื่องก็แอบมีหักมุมนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเซอร์ไพรส์อะไร เพราะหลายเรื่องก็เคยทำออกมาแล้ว
นอกจากนายตำรวจตัวเอกของเรื่องอีกคนก็อยู่ในชื่อเรื่องเช่นเดียวกัน
นั่นก็คือ Чумной Доктор หรือหมอกาฬโรค วายร้ายที่สวมหน้ากากของหมอโรคระบาด ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นศาลเตี้ยกำจัดคนรวยที่ทำเรื่องเลวร้ายในสังคม ซึ่งหากดูผิวเผินในช่วงต้นแล้ว หนังจะทำให้เราจะรู้สึกว่าการกระทำของคนในหน้ากากนี้ดูชอบธรรม ดูเหมือนจะเป็นฮีโรมากกว่านายอีกอร์เสียอีก แต่เมื่อดำเนินเรื่องต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะเริ่มเห็นเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ