รีวิวหนังnetflix Last Seen Alive (2022)
จะบอกเล่าเรื่องราวของชายธรรมดาที่ชื่อว่า Will Spann (รับบทโดย Gerard Butler) เขาและภรรยา Lisa Spann (รับบทโดย Jaimie Alexander) กำลังเดินทางไปยังบ้านเกิดของภรรยาเนื่องจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มจืดจาง ภรรยาเขาจึงอยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่เพื่อทบทวนตัวเอง ซึ่งระหว่างทางทั้งคู่ได้จอดแวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน ทว่า Lisa ได้หายตัวไปอย่างปริศนา หลังจากที่เธอไปเข้าห้องน้ำในร้านสะดวกซื้อ เมื่อ Will รู้เรื่องเขาก็เดินหาเธอจนทั่วแต่ก็ไม่พบร่องรอยของเธอเลย ดูหนังออนไลน์ เขาจึงตัดสินใจตามหาเธอด้วยวิธีการสุดโต่งเกินตัว ในขณะที่ตัวเขาเองก็ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจหมายหัว ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
อันดับหนังยอดนิยมของ Netflix นี่มักจะมีอะไรให้เซอร์ไพรส์เราได้อยู่เรื่อย ๆ เลยครับ
หนังบางเรื่องก็เป็นหนังเล็ก ๆ ทุนต่ำที่เราก็ไม่คุ้นกับหน้าหนัง หรือแทบไม่เคยได้ยินเวลาอัปเดตข่าวฮอลลีวูดด้วยซ้ำไป ซึ่ง ‘Last Seen Alive’ หนังแอ็กชันเรื่องนี้ก็เข้าข่ายนั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวหนังเข้าฉายที่สหรัฐอเมริกามาตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว แถมตัวหนังก็ไม่ได้เข้าฉายในไทยอีกต่างหาก คือเรียกว่าออกจากโรงนอกยิงตรงมาเข้า Netflix เลย แต่แม้ว่าจะเป็นหนังเล็กทุนต่ำ แต่ตัวหนังก็มีดาราแม่เหล็กให้อุ่นใจ ทั้ง เจอราร์ด บัตเลอร์ (Gerard Butler) พ่อหนุ่มนักรบสปาตาขวัญใจชาวไทย จาก ‘300’ (2006) และ เจมี อเล็กซานเดอร์ (Jaimie Alexander) นักแสดงสาวเจ้าของบท เลดีซิฟ (Lady Sif) จากหนังแฟรนไชส์ ‘Thor’ ของค่าย Marvel ดูหนังฟรี
ส่วนชื่อชั้นของผู้กำกับ ไบรอัน กูดแมน (Brian Goodman) เองจริง ๆ ก็ถือว่าพอมีเครดิตอยู่บ้างทั้งในฐานะนักแสดงที่เราคุ้น ๆ ทั้งในบทบทพันตรีบอสเวลล์ (Major Boswell) พ่อของ ฌอน บอสเวลล์ (Sean Boswell) ใน ‘The Fast and the Furious: Tokyo Drift’ (2006) และบทเจ้าของโมเต็ลใน ‘Catch Me If You Can’ (2002) แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราคนไทยตาดำ ๆ อาจจะไม่ได้คุ้นตาเขาในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ที่เคยผ่านงานกำกับมาแล้วมากนัก โดยเฉพาะผลงานกำกับหนังที่ไม่คุ้นชื่อคนไทยเท่าไหร่ ทั้ง ‘What Doesn’t Kill You’ (2008) และ ‘Black Butterfly’ (2017)
หลังจากที่กลับมาจากการรบ วิล สแปน (เจอราร์ด บัตเลอร์) ก็ได้ปลดประจำการและกลับมาอยู่กับภรรยาที่ไม่ได้เจอกันนาน
แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทำให้ภรรยาของเขาถูกฆาตรกรรม เจ้าหน้าที่ๆคอยตามหาเบาะแสในเรื่องนี้ได้ติดตามหาตัวคนร้ายแต่ก็ไม่พบหลักฐานในการก่อเหตุ วิล จึงสืบหาเบาแสะและตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยก่อนที่เขาจะจัดการกับคนร้ายด้วยมือของเขาเอง อย่างไรก็ตาม วิล กลับกลายเป็นผู้ร้ายที่ทำให้ตำรวจนักสืบต้องคอยติดตามการแก้แค้นแล้วภรรยาของเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
วิล (บัตเลอร์) และลิซ่า (อเล็กซานเดอร์) กำลังจะแยกจากกัน โดยผู้ชายคนนั้นพาผู้หญิงไปที่บ้านพ่อแม่ของเธอเพื่อครุ่นคิดถึงทางเลือกที่เป็นไปได้ การต้องแวะปั๊มน้ำมันทำให้การเดินทางเปลี่ยนไป เนื่องจากลิซ่าหายตัวไปหลังจากที่นัคเคิลส์ (เอ็มบรี) เรียกไป วิลใช้เวลาไม่นานในการติดต่อกับนักสืบแพเตอร์สัน (ฮอร์นสบี้) และพูดคำนั้นออกไป
แต่ต้องใช้เวลาสักครู่ก่อนที่ Last Seen Alive จะออกจากปั๊มน้ำมัน ความซบเซาของตำแหน่งเป็นลักษณะที่ติดอยู่ในขณะที่สคริปต์ของ Frydman ขุดตัวเองเข้าไปในสถานที่ไม่กี่แห่ง
ภาพยนตร์แอคชั่นเรื่อง Taken ในปี 2008 ได้สร้างกระแสให้กับวัฒนธรรมป๊อปและในธุรกิจการสร้างภาพยนตร์ Goodman เลือกที่จะนำสูตรดังกล่าวไปพร้อมกับ Breakdown ของปี 1997 ที่จอร์เจีย พยายามใช้เส้นทางที่มีลมแรงกว่าเพื่อไปที่นั่น มันใช้งานได้ แต่ที่นี่การเล่าเรื่องก็พุ่งไปที่เท้าวิล (บัตเลอร์) และลิซ่า (อเล็กซานเดอร์) กำลังจะแยกจากกัน โดยผู้ชายจะพาผู้หญิงไปที่บ้านพ่อแม่ของเธอเพื่อพิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้
การต้องแวะปั๊มน้ำมันทำให้การเดินทางเปลี่ยนไป เพราะลิซ่าหายตัวไปหลังจากนัคเคิลส์ (เอ็มบรี) เรียกไป ไม่นานวิลก็ติดต่อนักสืบแพเตอร์สัน (ฮอร์นสบี้) และพูดคำนั้นออกไป แต่ต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่ Last Seen Alive จะออกจากปั๊มน้ำมัน ความซบเซาของตำแหน่งเป็นลักษณะที่ติดอยู่ในขณะที่สคริปต์ของ Frydman เจาะลึกเข้าไปในสถานที่เพียงไม่กี่แห่งแพ็ตเตอร์สันไม่ได้ช่วยอะไรมาก และออสการ์ (เออร์บี้) พนักงานปั๊มน้ำมันก็เช่นกัน แต่พ่อแม่ของลิซ่าตั้งวิลบนเส้นทางที่ถูกต้อง ซึ่งอยู่ติดกับร้านนัค
เคิลส์และต่อมาคือแฟรงค์ (คัลลาเวย์) แม้ว่าในตอนแรก Last Seen Alive ไม่ได้ตั้งใจจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็พบว่ามีจุดยืนหลังจากเชื่อมต่อกับชายคนนั้นอีกครั้ง แม้ว่ามุมลึกลับจะถูกส่งออกไปแล้วเนื่องจากมีการเล่าเรื่องที่มีกรอบแปลก ๆ ซึ่งแสดงภาพแรก ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นของนัคเคิลส์ที่ยอมรับว่าพาลิซ่า Goodman คอยดูบทสรุปให้ Will วนเวียนอยู่ในส่วนลึกของเมืองต่อไปมันสัญญาบางอย่างที่คุ้นเคย และ Last Seen Alive ส่งมอบด้วยความสามารถ รักษาทุกอย่างไว้ แต่วิลล์ก็ติดอยู่กับที่เพราะเขาเป็นคนเดียวที่มีความเร่งด่วนที่จะเคลื่อนไหวในขณะที่ยังมีเวลา คำถามเกี่ยวกับแรงจูงใจคือการอ้าปากค้างครั้งสุดท้าย
แพ็ตเตอร์สันไม่ได้ช่วยอะไรมาก และออสการ์ (เออร์บี้) พนักงานปั๊มน้ำมันก็เช่นกัน รีวิวหนังnetflix Last Seen Alive (2022)
แต่พ่อแม่ของลิซ่าตั้งวิลให้อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง ซึ่งติดอยู่กับกลุ่มของนัคเคิลส์และต่อมาคือแฟรงค์ (คัลลาเวย์) แม้ว่าในตอนแรก Last Seen Alive ไม่ได้ตั้งใจจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็พบว่ามีจุดยืนหลังจากเชื่อมต่อกับชายคนนั้นอีกครั้ง แม้ว่ามุมลึกลับจะถูกส่งออกไปแล้วเนื่องจากมีการเล่าเรื่องที่มีกรอบแปลก ๆ ซึ่งแสดงภาพแรก ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นของนัคเคิลส์ที่ยอมรับว่าพาลิซ่า Goodman คอยดูบทสรุปให้ Will วนเวียนอยู่ในส่วนลึกของเมืองต่อไป
‘Last Seen Alive’ เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องของ วิล สแปนน์ (Gerard Butler) ชายหนุ่มธรรมดา ๆ ผู้ทำอาชีพนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีภรรยาชื่อ ลิซา สแปนน์ (Jaimie Alexander) ทั้งคู่เผชิญความสัมพันธ์ที่กำลังอยู่ในช่วงตึง ๆ เพราะว่ากำลังจะหย่าร้างกัน วิลขับรถพาลิซาไปส่งที่บ้านของเธอเพื่อพักใจ แต่เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย วิลขับรถแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมัน
ส่วนลิซาเดินไปซื้อน้ำดื่มที่มิมิมาร์ต ดันกลายเป็นว่า เมื่อวิลเติมน้ำมันเสร็จ ลิซาก็พลันหายตัวไปอย่างลึกลับ แถมดันไปจุดให้นักสืบแพตเตอร์สัน (Russell Hornsby) สงสัยในความไม่ชอบมาพากลของวิลไปเสียอีกแน่ะ วิลจึงต้องตะลุยเดี่ยวเสี่ยงตายเดินทางตามหาภรรยาด้วยตัวเอง
หลังจากฉากห้องสืบสวนทุกอย่างที่ดูจริงจัง ดูตื่นเต้นและลุ้นระทึกก็เริ่มหายไป
หายไปตั้งแต่พระเอกเดินทางไปบ้านผู้ต้องสงสัยคนเดียวโดยไม่บอกตำรวจ ซึ่งตอนดูก็งงว่าทำไมพระเอกถึงทำแบบนี้ เพราะมันยิ่งดูน่าสงสัยไปใหญ่ แทนที่ได้ข้อมูลมาแล้วไปบอกตำรวจ กลับตัดสินใจทำอะไรเองแบบไม่ยั้งคิด จุดนี้เป็นจุดแรกของความไม่สมเหตุสมผล จากนั้นมันหนักกว่าเดิมตรงที่พระเอกไปซ้อมผู้ต้องสงสัย ทั้งที่แค่สงสัยนะ ย้ำ “แค่สงสัย” แถมพื้นเพพระเอกก็เป็นแค่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ดันต่อสู้ได้ดิบเถื่อนยังกับตำรวจผู้ชำนาญการ จากนั้นเขาก็เอาผู้ต้องสงสัยคนนี้มัดมือมัดเท้าขึ้นรถไป แต่ดันเจอตำรวจโบกพระเอกก็เลยหนี ซึ่งมันประหลาดสุดๆ เพราะคุณบริสุทธิ์ก็ต้องบอกตำรวจซิ อธิบายดูก็ได้ ถ้าจะบอกว่ากลัวไปช่วยนางเอกไม่ทันก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าบอกตำรวจก็ได้เร็วกว่าวิ่งทะลุป่าแน่ๆ โดยหลังจากฉากนี้ไปหนังก็เปลี่ยนกลายเป็นแนวแอ็กชันไปโดยปริยาย
นับว่าน่าเสียดายสุดๆ เพราะหากหนังเลือกไปเป็นแนวจิตวิทยาระทึกขวัญ แบบทิ้งปริศนาไว้ตามรายทาง และให้คนดูได้คิดตาม จากนั้นอาจจะเฉลยด้วยการหักมุมที่คาดไม่ถึงน่าจะดีกว่า เหมือนคนเขียนบทคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะให้มันลงเอยยังไงก็เลยยัดฉากแอ็กชันเข้าไปและตัดจบแบบง่ายๆ แถมไม่มีการหักมุมหรืออะไรทั้งนั้น ซึ่งถ้าจะลงเอยแบบนี้ก็ไม่น่าจะต้องปูเรื่องให้คนดูตั้งคำถามตั้งแต่แรก
แถมเรื่องที่พระเอกเป็นนักพัฒนาอสังหาก็คงเพียงเพราะจะให้รู้ว่าพระเอกรวย รีวิวหนังnetflix Last Seen Alive (2022)
โจรเลยมีแรงจูงใจมาลักพาตัวนางเอก แต่ดันจบแบบแอ็กชันมันเลยแปลก ถ้าหากจะมาทางแอ็กชันก็น่าจะปูเรื่องให้พระเอกเป็นอดีตสายลับหรือนักฆ่าแต่ปกปิดไว้ไม่มีใครรู้ จนภรรยาถูกลักพาตัวไป พระเอกจึงต้องไปสะสาง และใส่แอ็กชันแบบมันหยดเหมือน John Wick ไปเลยก็คงจะดีกว่า แต่ที่เป็นอยู่นี้คือเหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปทางไหนดี ภาพรวมของหนังเลยออกมาครึ่งๆ กลางๆ ไร้เสน่ห์และไม่น่าจดจำ
แม้ว่าบทจะทำได้ไม่ดีนัก แต่ส่วนอื่นๆ ที่เหลือก็ยังพอไปวัดไปวาได้ การแสดงของ Gerard Butler ยังคงอยู่ในมาตรฐานเดิม ส่วนตัวมองว่าเหมือนบทเขียนมาเพื่อขายดารานำ เลยต้องใส่แอ็กชันเข้าไป แถมกับพวกฉากระเบิดอารมณ์ที่เป็นของถนัดของเฮียแกอยู่แล้ว เลยเป็นเหตุผลที่ตัวละครพระเอกทำอะไรแบบไร้เหตุผล เพราะถ้าหากตัวละครมีเหตุผลเฮียแกก็คงไม่ได้แสดงฉากระเบิดอารมณ์หรอก
แต่ถึงอย่างนั้น การแสดงของ Gerard Butler ก็ดีพอที่จะแบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้ แม้ว่าบทจะแย่ก็ตาม ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็แสดงได้ดีตามมาตรฐานทั่วไป งานภาพและการโปรดักชันต่างๆ ก็นับว่าทำได้อยู่ในระดับกลางๆ คือยังดูรู้ว่าเป็นหนังทุนต่ำ ไม่ได้ดีเลิศหรืออะไรมากมาย ออกไปทางหนังเกรดบีด้วยซ้ำ สรุปโดยรวมคือเป็นหนังที่หาจุดยืนไม่เจอและไม่รู้จะไปทางไหนดี แต่หากใครชอบดูการแสดงของป๋า Gerard Butler เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็น่าจะพอเพลิดเพลินไปกับหนังได้