รีวิวหนังnetflix 10000 BC
เนื้อเรื่องในหนังเรื่องนี้คือย้อนไปเมื่อ 10,000 ปี มีชนเผ่ายากาวที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากอีกฝั่งของโลก ที่ต้องออกล่าช้างแมมมอสเป็นอาหาร เรื่องราวของดีเรกับเอเวอร์เลตก็ได้เริ่มต้นขึ้น เอเวอร์เลตได้ถูกชนเผ่าจับตัวไป ดูหนังฟรี แม่เฒ่าก็ได้ทำนายไว้ว่าเอเวอร์เลต และมีผู้ชายที่แข็งแกร่งที่จะนำความสุขมายังชนเผ่าในการล่าครั้งสุดท้าย แต่พ่อของดีเรที่เป็นหัวหน้าเผ่ารอไม่ไหว จึงต้องออกเดินทางไปเพียงคนเดียว ดูหนังออนไลน์ ดีเรนั้นได้ถูกเพื่อนล้อเลียนว่าพ่อดีเรนั้นเอาตัวรอดเพียงคนเดียว ทำให้เขาไม่มีเพื่อนขนะนั้นเอเวอร์เลต ได้เข้ามาพูดคุยจนทั้งสองคนได้ดูแลกันมาเรื่อย ๆ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
หนังเล่าถึงดีเลย์(Steven Strait) เขาเป็นนักล่าซึ่งเป็นชาวเขาที่อยู่อันไกลโพ้น เขามีความรักกับสาวที่ชื่อว่าเอโวเลท(Camilla Belle) เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจู่ ๆ ก็มีนักรบลึกลับมายึดหมู่บ้านและลักพาตัวเอโวเลทไป เขาจึงทำการได้ล่าพวกนักรบไปยังสุดขอบฟ้าเพื่อช่วยเธอ
จุดประสงค์ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนดูรู้สึก
และนึกถึงเกี่ยวกับการเจริญเติบโตทางวิวัฒนาการในสมัยตั้งแต่ยุคเริ่มแรก หรือยุคหินเพราะพล็อตเรื่องของหนังเป็นการย้อนยุคไปในช่วง 10,000 ปีที่แล้ว พล็อตค่อนข้างแปลกใหม่นะครับ เพราะส่วนมากที่เราจะเห็นกันในหนังคือการดำเนินเรื่องย้อนไปอย่างน้อยก็แค่ 1,000 ปีอย่าง เช่นพวกสงครามครูเซต หรือยุคฟาโรห์เซติที่ 1 เป็นต้น
ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ แถบหุบเขา นักล่าวัยหนุ่ม ดี’เลห์ (สตีเวน สเตรท) ได้พบรักกับเอโวเล็ท (คามิลลา เบล) เมื่อบรรดานักรบลึกลับคุกคามหมู่บ้านของเขา และลักพาตัวเอโวเล็ตไป ดี’เลห์ถูกบังคับให้เป็นผู้นำกลุ่มนักล่าจำนวนไม่มาก ในการไล่ล่าเพื่อช่วยชีวิตเธอ และได้ผจญภัยในดินแดนที่ไม่รู้จักที่ดินแดนที่มีอารยธรรมที่เหนือกว่าพวกเขา กลุ่มนักล่าพบว่ามีอีกหลายชนเผ่า ที่ยอมเข้าเป็นแนวร่วมคนพวกนี้ ได้เคยถูกรุกรานจากบรรดากลุ่มนักรบที่ล่าทาส ทำให้นักล่าที่เคยเป็นกลุ่มเล็กๆ ของดี’เลห์ ได้กลายเป็นกองทัพไปเสียแล้ว
นักรบที่มีความแตกต่างกัน ต้องสู้รบกับผู้ล่าก่อนประวัติศาสตร์ และยังต้องรวบรวมความกล้า เพื่อต่อสู้กับหลายสิ่งหลายอย่าง และเมื่อการเดินทางเพื่อความเป็นวีรบุรุษของเขามาถึงที่สุด พวกเขาได้ค้นพบการสูญเสียทางอารยธรรม รวมทั้งได้เรียนรู้โชคชะตา ที่ในที่สุดแล้ว ขึ้นอยู่กับอาณาจักรที่เหนือจินตนาการ ซึ่งเป็นที่ๆ มีบรรดาปิรามิดที่สูงเทียมฟ้าอยู่เต็มไปหมด พวกเขาต่อสู้กับเทพเจ้า
10,000 BC บุกอาณาจักรโลก 10,000 ปี เป็นภาพยนตร์อเมริกาแนวแอคชั่น ผจญภัย ดราม่า และแฟนตาซี เป็นหนังที่มีฉากผสมผสานกันอย่างหลากหลายอารมณ์ มีทั้งดุเดือด เงียบเหงา เศร้าโศกและกล้าหาญฮึกเหิมรวมอยู่ในเรื่องเดียว 10,000 BC ออกฉายเมื่อปี 2008 เป็นหนังที่กำกับโดย Roland Emmerich เขียนบทโดย Roland Emmerich และ Harald Kloser แสดงนำโดย Steven Strait (รับบทดีเลห์), Camilla Belle (รับบทเอโวเล็ต) และ Cliff Curtis (รับบทติกติก)
10,000 BC บุกอาณาจักรโลก 10,000 ปี เป็นหนังเกี่ยวกับเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์
เป็นเรื่องราวของ เอโวเล็ต เด็กสาวผู้มีดวงตาสีฟ้า เธอมีชะตาที่จะต้องเป็นภรรยาของนักรบผู้กล้า ที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของชนเผ่า เขาคนนั้นก็คือดีเลห์ ผู้ที่สังหารเทพเจ้าเพื่อปลดปล่อยเหล่าทาส และช่วยให้เผ่ายาการ์ลของพวกเขาไม่ต้องหิวโหยอีกต่อไป
ดีเรได้เดินทางไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง เพื่อหาเสบียงของกิน เมื่อไปถึงก็เจอกับอีกชนเผ่าหนึ่ง ดีเรกับเพื่อนเกือบถูกทำร้าย เสือเคี้ยวดาบก็โพล่มาช่วยไว้ ดีเรต้องรวบรวมชนเผ่าอื่นมารวมตัวกัน เพื่อที่จะต่อสู้กัน เมื่อรวมตัวกันได้แล้วก็ออกเดินทางกันต่อไป พร้อมกับอีกหลาย ๆ คน พอไปถึงดีเรได้ลอบเข้าไปในที่ที่เอเวอร์เรตถูกจับตัวไป พอตอนออกมาดีเรได้ถูกสะกดรอยตาม เพื่อนดีเรเห็นท่าไม่ดีจึงไปต่อสู้กับคนที่สะกดรอยตามดีเรมา จึงทำให้ดีเรต้องเสียเพื่อนไปด้วย เขาเสียใจมาก พอวันต่อมาเขาวางแผน เพื่อที่จะเข้าไปช่วยทุกคนออกมา
ในเมื่อเนื้อเรื่องยังไม่ถูกตาต้องใจ งั้นก็มาดูกันที่งานสเปเชียลเอฟเฟคก็แล้วกันครับ และก็ถึงกับกุมขมับไปอีก เพราะว่ามันยังไม่ค่อยน่าประทับใจ มันยังไม่สุด ค่อนข้างน่าผิดหวังเพราะผู้กำกับคนนี้ เคยกำกับภาพยนตร์ที่มีภาพและการดำเนินเรื่องที่ดีกว่านี้อย่าง the day after tomorrow เมื่อเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้รู้สึกมันยังดร็อปกว่าผลงานเรื่องก่อนหน้านี้ และยิ่งถ้าไปนึกถึงผลงานเก่าที่สร้างชื่อเสียงของเขาอย่างเรื่อง ID4 บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้ยังคงห่างชั้นความเป็นหนังฟอร์มยักษ์อยู่เยอะ
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างสู้ไปด้วยกัน รีวิวหนังnetflix 10000 BC
เพื่อที่จะเอาชนะคนที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า ดีเรได้พุ่งหอกเข้าไปแทงคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นพระเจ้าตาย ทุกคนจึงแตกตื่นอีกครั้งเมื่อเอเวอร์เลตกำลังถูกจับตัวไป แต่เอเวอร์เลตได้หยิบลูกธนูแทงเข้าไปจนคนที่จับตัวเธอไปล้มลง ในขนะนั้นทั้งสองคนกำลังจะวิ่งไปหากัน เอเวอร์เลตได้ถูกธนูยิงเจ้าที่หลัง ดีเรเสียใจมากที่ต้องเสียคนรักไป สุดท้ายแม่เฒ่าก็ได้ช่วยเอเวอร์เลตฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งสองคนได้กลับบ้านพร้อมกับทุกคนอย่างปลอดภัย
สารภาพว่าเฉยกับหนังจนไม่รู้จะเขียนอะไร ความตื่นเต้นเร้าใจไม่ใคร่จะปรากกฏครับ ดูแล้วมันนึกไปถึง Pathfinder กับ Apocalypto มากกว่า ซึ่งสองเรื่องที่ว่าก็ยังมีอะไรน่าสนใจกว่าเยอะ อย่างเรื่องแรกมันยังขายสไตล์ภาพบ้าง ฉากสู้กันยังพอมีลุ้น ส่วน Apocalypto ก็เข้มข้น สมจริงเหมือนพาเราหลุดเข้าไปในโลกของชนเผ่านั้นจริงๆ แต่เรื่องนี้มันสูตรฮอลลีวู้ดครับ ซึ่งจริงๆ ถ้าทำให้มันสนุก ตื่นเต้น เร้าใจก็น่าจะดี แต่ดูๆ แล้วมันก็ไม่เท่าไร หรือพวกสัตว์โบราณที่เห็นโฆษณาเยอะแยะก็มีแค่นิดเดียวเอง ตอนท้ายเมื่อต้องรบกับพวกชนเผ่าเทพก็จบลงอย่างง่ายๆ ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นจริงๆ
โดยมีชาวเผ่ายาการ์ล ชนเผ่าพรานป่าผู้ทรงพลังที่สุดในการล่าสัตว์ พวกเขาจะล่าแมนแนค (ช้างแมมมอธ) ที่จะเดินทางผ่านมาในแต่ละฤดู ผู้ที่ฆ่าแมนแนคได้ จะได้ถือหอกขาว ได้รับการยกย่องเป็นผู้กล้า และได้เป็นผู้นำในการล่าในครั้งต่อไป
แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็เกิดวิกฤตทางอาหาร เมื่อแมนแนคไม่เดินทางผ่านมาทางหุบเขาของพวกเขาเป็นเวลานาน ทำให้พรานป่าทั้งหลายเริ่มกังวล จึงเป็นหน้าที่ของแม่เฒ่าผู้มีอำนาจวิเศษที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวในเผ่า ต้องติดต่อขอการปกป้องคุ้มครองจากวิญญาณบรรพบุรุษ และพวกเขาก็ได้พบกับเด็กสาวดวงตาสีฟ้าที่จะมาเปลี่ยนชะตา ของชนเผ่ายาการ์ลไม่ให้ต้องหิวโหยอีกต่อไป จากการเป็นความหวังของคนในเผ่า เธอจึงได้รับการขนานนามว่า “เอโวเล็ต”
ความรู้สึกหลังจากดูหนังเรื่องนี้เอาจริง ๆ นะ
ถ้าไม่ซีเรียสกับหนังก็คือดูเพลิน ๆ ก็สนุกดี แต่ถ้าเอาจริง ๆ การดำเนินเรื่องได้ไม่ค่อยดี แล้วก็ความสนุกยังไม่เท่าไหร่ คือฉากพี่ผิดหวังมาก ๆ ก็คือฉากที่พระเอกไปช่วยนางเอกได้แล้ว แต่นางเอกก็โดนจับตัวไปอีกรอบ ในหนังเรื่องนี้ผู้เขียนว่านางเอกเก่งเกินไปพระเอกอุตส่าห์ผ่านความยากลำบากไปช่วยขนาดนี้ นางเอกกลับใช้ธนูแทงคนที่ลักพาตัวไป ทำให้นางเอกรอดจากการจับตัวมาได้ และฉากที่นางเอกกำลังจะวิ่งไปหาพระเอก นางเอกกับโดนธนูยิงเข้าไปที่กลางหลัง และนางเอกตาย
มองย้อนมาปัจจุบัน คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังตกอยู่ในกรอบ “ความเชื่อ” ที่ไม่ก่อประโยชน์อะไร นอกจากทำให้งมงาย เสียเงินหรือไม่ก็เสียความสุข ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองนะครับ อย่าลากเข้าไปเกี่ยวเชียวล่ะ แต่ผมหมายถึงเรื่องไสยศาสตร์การดูดวงทรงเจ้า ที่บางเจ้าก็อาจเป็นของจริง แต่ส่วนใหญ่เจ้าไหนที่ชอบทักแต่เรื่องร้ายๆ แล้วเอะอะก็ให้เราสะเดาะเคราะห์ เสียเงินเสียทองให้เขาน่ะ มักจะเป็นพวกที่ใช้ความเชื่อมาหากินเสียมากกว่า
ในการล่าครั้งสุดท้ายตามที่แม่เฒ่าได้ทำนายไว้ ชายผู้กล้าที่ฆ่าแมนแนคได้ จะเป็นชายผู้ที่ได้ครอบครองหอกขาวรวมทั้งเอโวเล็ตด้วย แต่ชนเผ่ายาการ์ลจะต้องเผชิญกับปีศาจสัตว์สี่ขา มีเพียงชายผู้กล้าผู้ได้เป็นเจ้าของเอโวเล็ตเท่านั้นที่จะสามารถพลิกชะตาของชนเผ่าได้ แล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่แม่เฒ่าทำนายไว้ เอโวเล็ตและคนอื่น ๆ ในเผ่าถูกปีศาจจับตัวไป ทำให้ดีเลห์ชายผู้ได้ครอบครองเอโวเล็ต ต้องออกติดตามชิงตัวเธอกลับคืนมา ดีเลห์ได้รวบรวมชนเผ่าต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเทพเจ้าและได้จับตัวคนในเผ่าต่าง ๆ ไปเป็นทาสเป็นจำนวนมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วดีเลห์ก็สามารถโค่นล้มเทพเจ้าได้ ทำให้ผู้ที่ถูกจับเป็นทาสลุกขึ้นสู้ และเอาชนะคนของเทพเจ้าได้
ได้เห็นวิธีการใช้ชีวิตของมนุษย์ในช่วง 10,000 ปีที่ผ่านมา รีวิวหนังnetflix 10000 BC
ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นเพียงจินตนาการ หรือเป็นการสร้างหนังจากการบันทึกบอกเล่าจากประวัติศาสตร์ ด้วยความที่ผมชอบดูสารคดีที่เกี่ยวกับมนุษย์ในยุคก่อนก่อนและสนใจในวิวัฒนาการที่ผ่านมาของมนุษย์ตั้งแต่ยุคแรกนี่คือหนังที่พอจะตอบโจทย์ได้ แต่ที่เด็ดสุดที่ผมชอบมาก และทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูมากขึ้นคือหนังเรื่องได้แฝงแนวคิดดี ๆ ไว้เช่นความสามัคคีของชนเผ่าต่าง ๆ ที่ร่วมมือกันจนสามารถเอาชนะศัตรูได้ และได้แฝงแนวคิดด้านจิตวิทยาเรื่องความกลัวเอาไว้
โดยเห็นได้จากทาสที่ถูกจับตัวไปทรมานเมื่อถูกบังคับให้แสดงความรพต่อผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นเทพทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ แม้ในนาทีที่พวกเขาลุกขึ้นมาต่อต้านเทพ แต่เมื่อได้ยินเสียงแตรพวกเขายังก้มลงแสดงความเคารพและยอมสยบแก่เทพ และแม้แต่แมนแนค ช้างแมมมอธตัวใหญ่ ที่ถูกเฆี่ยนมานานจนหมดความดุดัน แม้ถูกปลดโซ่แล้วก็ยังไม่กล้าที่จะสู้กับคนตัวเล็ก ๆ ทำให้สะท้อนถึงจิตใจของคนเราที่ทำอะไรเดิม ๆ นาน ๆ จนเป็นความเคยชิน และหมดไฟจึงยากที่จะลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ ๆ ถึงแม้สิ่งนั้นจะทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมก็ตาม