รีวิวหนังใหม่มาร์เวล venom 2 ฮีโร่สายดาร์ก สุดเกรียน

วันนี้จะขอรีวิว หนังnetflixใหม่ เรื่องใหม่ ฮีโร่สายดาร์กสุดมัน venom 2 เวน่อม ศึกอสูรแดงเดือด ที่ถ้าถามว่าเข้าฉายวันไหน บอกเลยว่า ฉายแล้วทั่วประเทศและใน netflix ทั้งพากย์ไทยและซับไทย ที่มาพร้อมกับนักแสดงรับเชิญตัวร้ายอย่าง วูดดี แฮร์เรลสัน และมี สไปเดอร์แมนมาโผล่ในตอนเครดิตท้ายเรื่อง ถ้าใครกลัวว่าจะโดนสปอยก็ไปดูก่อนที่ ดูหนังใหม่ หรือถ้าใครดูแล้วก็มาอ่านรีวิวกันต่อได้เลย

Venom 2เรื่องย่อ: สานต่อเรื่องราวจากภาคแรก หลังจาก เอ็ดดี บล็อก อดีตนักข่าวชื่อดังได้ร่วมใช้ชีวิตในฐานะคู่หูปราบอาชญากรรมกับ เวนอม ปรสิตจากต่างดาว โดยหน้าที่การงานและความสัมพันธ์กับ แอนน์ อดีตคู่หมั้นสาวยังคงดิ่งลงเหวเช่นเดิม ในภาคนี้เหมือนเขาจะมีโอกาสกลับมารุ่งอีกครั้งเมื่อเขาได้รับการติดต่อจาก คลีตัส แคสซาดี ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังให้สัมภาษณ์พิเศษถึงในคุก และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความวายป่วงที่ตามมาไม่สิ้นสุด

ในภาคแรก ‘Venom’ (2018) เป็นผลงานการกำกับของ รูเบน เฟลสเชอร์ (Ruben Fleischer) ผู้กำกับที่สร้างชื่อจากงานอย่าง ‘Zombieland’ (2009) โดยเป็นความพยายามที่จะสร้างตัวร้ายจากจักรวาลหนังสไปเดอร์-แมนที่โซนี่ถือสิทธิ์สร้างภาพยนตร์เอาไว้ให้ภาพลักษณ์เป็นแอนตี้ฮีโร่ เพื่อที่จะนำมาเจอกับ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ หรือ สไปเดอร์-แมน ฉบับของ ทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) หรืออาจจะนำมาทำหนังรวมดาวร้ายอย่าง แก๊ง Sinister Six ในจักรวาลหนังสไปเดอร์เวิร์สของตนเองโกยเงินรับทรัพย์ต่อไป รีวิวหนังน่าสนใจ

VENOM 2 Let there be carnage เป็นหนังที่เดินเรื่องเร็วมาก และความขัดแย้งทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับส่วนแรกเป็นอย่างมาก แต่ถ้ามองภาคนี้ในมุมมองของคนที่ยังไม่ได้ดูภาคแรก ถามว่าดูไหม? ผมก็ตอบว่าดูได้ครับแต่งงกับเนื้อเรื่องของเอ็ดดี้กับเวน่อมนิดหน่อย เอ็ดดี้ เป็นยังไงบ้างกับ Venom? ในตอนที่ 2 เรื่องราวต่อจากนั้น ฉบับนี้นำเสนอ Cletus Kasady Serial Killer โดย Eddie ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาถูกโจมตีทางร่างกายโดย Violence, Abuse จากครอบครัวที่รัก Scream ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายได้มากมาย แต่พวกเขาหลงทางกัน หลงเสียงเพราะสัญลักษณ์หรือยาพิษ และทำให้เกิดความสับสนมากมาย นอกจากนี้ยังมีดราม่าระหว่าง Venom และ Eddie อย่างที่ฉันพูดไป

มันมีเบื้องหลังระหว่างตัวละครหลักและผู้ร้ายด้วย Highlight ที่พลาดไม่ได้เลยคือ Carnage พี่นองเลือดผู้บอกว่าตัวเองเป็นลูก Venom ของเรานั่นเองต้องบอกเลยว่า ‘โคตรเท่’ จัดๆเลยครับ แต่ไหนๆแล้วก็จะบอกเลยครับว่าเจ้าตัวโผล่มาแค่แป๊ปเดียวจะเป็นช่วงกลางถึงท้ายเรื่องครับที่เจ้าตัวมีบทบาทเยอะช่วงต้นเรื่องจะเน้นดราม่า Eddie กับ Venom , Eddie กับ Anne การ Investigate(สืบคดี) เกี่ยวกับ Cletus Kasady ซะมากกว่ากว่าครับ แต่พอมาถึงช่วงกลางถึงท้ายเรื่องต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้ทำได้ดีเลยทีเดียวในส่วนของฉาก Action(ต่อสู้,บู๊ระห่ำ) ของ Venom,Carnage และ Shriek(ต้องบอกเลยว่าเจ้าตัวเป็นตัวแปรสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อเพราะการที่มีพลังเป็นเสียงที่มีผลกับVenomและCarnage) ครับ และ End Credit นั้นมีการเชื่อมโยงไปยังตัวละคร Peter Parker ที่อยู่ในภาพยนต์ขวัญใจมหาชนอย่าง Spiderman นั่นเองครับ ต้องมารอดูกันว่าVenom จะมาเจอกับ Spiderman เราเมื่อไหร่ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วครับ

นักแสดงนำ (ตัวละครหลัก) ของภาพยนตร์เรื่องนี้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ Woody Harrelson ในบท Cletus Kasady ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดัง การแสดงอารมณ์ แววตา บุคลิก เหมาะสมกับบทนี้มาก การเล่นกับฆาตกรโรคจิตและความโหดร้ายของเขาทำให้เรารู้สึกกลัวและขนลุก อีกทั้งยังมีฉากตลกแทรก (ตลก) ในหลายฉากให้เราสบายใจ อย่าเครียดมาก ดราม่าระหว่าง Eddie กับ Anne, Eddie กับ Venom นั้นไม่ได้เว่อร์หรือสนุกเกินไป อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราวถูกเล่าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่มีช่วงเวลาที่น่าเบื่อมากนัก และมีฉากมากมายที่ทำให้เราตื่นเต้น สนุกสนานเพลิดเพลินไปจนจบเรื่อง

เครื่องแต่งกาย การจัดแสงสี

ต้องบอกว่าเครื่องแต่งกายของเรื่องนี้ค่อนข้างจะเหมาะสมกับตัวละครตัวนั้นๆครับ ในด้านของการจัดแสงสีต่างๆ ทำได้ดีไม่ได้มีอะไรที่ Contrast (ตรงข้าม) กันอย่างมากขนาดนั้น ถ้าถามผมว่าชอบ Scene (ฉาก) ไหน ผมตอบได้ว่ามีอยู่ 2 ฉากครับ ฉากในคุก และ ฉากงานแต่งงานของ Cletus ครับ บอกเลยว่าเป็นอะไรที่สวยงามและน่าดูมากๆครับ

บทหนังดี Venom 2นักแสดง มากความสามารถ

แต่สุดท้ายแล้ว “Venom: Carnage” ก็ติดเรท PG-13 และพยายามอย่างหนักเกินไปที่จะทำตามสูตรง่ายๆ มีคนจริงๆ มากแค่ไหนที่ทำให้หนังไม่พยายามแสดงเหตุผล? เหมือนเรากำลังดูตัวการ์ตูนทำอะไรบางอย่างเพราะมันถูกเขียนไว้ในสคริปต์ มันจึงเกิดฉากต่อไปเสมอๆ จนเหมือนฉากรถชนจนไม่มีเวลาเล่าจริงจัง ถึงหนังเรื่องนี้จะมีความยาวเพียง 97 นาที ซึ่งน้อยที่สุดในบรรดาหนังฮีโร่เรื่องใดๆ น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้มีนักแสดงมากความสามารถ แต่สิ่งนี้ใช้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย

การกระทำหลายอย่างเช่นความคิดถึงนั้นซ้ำซากจำเจและแออัดเกินไป ฉากต่อสู้ไม่ได้ยอดเยี่ยมจน Carnage รู้สึกมีเอกลักษณ์และน่าจดจำ ยกเว้นฉากแปลงร่างที่ดูน่ากลัว มันยังดูน่าเล่นกว่า Riot ที่เปลี่ยนอวัยวะเป็นอาวุธต่างๆ ในการต่อสู้

มุกที่พยายามเข้าส่วนใหญ่จะแข็ง มันเหมือนกับการขอให้ผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจหนังตลกสมัยใหม่คิดบทขึ้นมาเพื่อให้คนดูหนังรุ่นใหม่ได้หัวเราะ เพียงแค่ดูที่เนื้อหาต้นฉบับของภาพยนตร์ เป็นคู่ดูโอแนวดาร์กคอมเมดี้ที่สนุกสนานเสมอ ซึ่งประกอบด้วยผู้สร้างหวัว แต่มันยังมาไม่ถึง กลายเป็นหนังต่อต้านฮีโร่ที่น่าสนใจ เก็บไว้เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อดู Spider-Verse ที่เหลือ

บางทีส่วนที่เจ๋งที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการเปิดเผยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มีอิทธิพลต่อภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ เช่น ฉากของนักสืบมัลลิแกนในตอนหลัง หรือฉากเครดิตที่มีความยาวเพียงไม่กี่วินาทีแต่ดีกว่าหนังทั้งเรื่อง? ไม่กี่วินาทีนั้นอาจเพียงพอที่จะให้คุณดูภาพยนตร์ต่อไป สำหรับใครที่รอดู Spider-Man: No Way Home (2021) สิ่งนี้อาจสำคัญมาก

เป็นหนังภาคต่อของ Symbiote ของ Venom ให้เรารู้สเกลเรื่องขยาย (สโคป) ให้เราเห็นว่า Venom กับ Eddie ห่างกันแค่ไหนจากภาคแรกจากอีกมุมมองหนึ่ง ถ้าจะถามจุดบกพร่องก็มีไม่กี่จุดที่ว่า ต้องบอกว่า. ประการแรกคือการเล่นปัญหาที่น่าทึ่งซึ่งใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ของภาพยนตร์ ถ้าวัดเป็นเปอร์เซ็นก็ประมาณ 55/100 ครับ เพราะอย่างที่บอกมันจะมีความสัมพันธ์กันบ้าง ไม่มีอะไรผิดปกติกับเรื่องราวที่มีลำดับความสำคัญสูง แต่ฉันจะบอกว่ามันคงจะดีถ้าเพิ่มประเด็นอื่นๆ เช่น Carnage รวมถึงตัวละครที่มีพลังวิเศษของ Shriek ที่ใช้เสียงที่น่าสนใจมาก หากลดน้อยลงเล็กน้อย ถ้าเราเล่นมันออกมาและปรับแต่งให้ดีฉันคิดว่าหนังจะดีกว่านี้มาก

แต่ไม่เหมือนกับภาคแรก Serkis ดูเหมือนจะมีแนวคิดที่จะนำโครงเรื่อง Venom2 netflixมาสู่ภาพยนตร์ที่หนักกว่า ซับซ้อนกว่า และเป็นผู้ใหญ่กว่า แต่ที่ต้องใช้คำว่า “อาจจะ” เพราะเราเห็นร่องรอยของการเล่าเรื่องที่หักมุมมากมาย ฉันคิดว่าจะมีเวอร์ชั่นอื่นๆ ของหนังเรื่องนี้เมื่อเวลาผ่านไป การเล่าเรื่องแตกต่างออกไป ตัวละครของ Naomie Harris, Frances Barrison ไม่ควรเปิดเผยในตอนต้นของเรื่อง Cletus Cassady ตัวละครของ Woody Harrelson เชิญบล็อกเกอร์ให้รายงานข่าว และฉากในภาพยนตร์แอ็คชั่นของ Stephen Mulligan เรื่อง The Silence of the Lambs (1991) ที่นักฆ่าอัจฉริยะต้อนรับผู้สัมภาษณ์ของเขา

และเนื้อหาในส่วนของฝั่งบล็อกกับเวน่อมนั้น ใช้สืบเนื่องจากหนังในภาคแรกมาต่อทันที โดยแทบไม่ได้ปูพื้นใหม่จึงควรดูหนังในภาคแรกมาก่อน แต่ในภาคนี้ก็จะลดเรื่องราวปลีกย่อยลง โลกในหนังดูเล็กลงและอยู่ในสถานที่ไม่กี่แห่ง ตัวละครไม่กี่คน แม้แต่ช่วงที่คาร์เนจอาละวาดหนักสุด เราก็ไม่ได้เห็นความหวาดผวาของเมืองมากเท่าที่ควร ราวกับว่าไม่มีใครรู้เลยว่ามีปีศาจระดับภัยพิบัติอาละวาดอยู่กลางเมืองนอกจากพวกตัวเอกที่เกี่ยวข้องโดยตรง

แม้หนังจะมีศักยภาพที่หนักขึ้นได้ โหดขึ้นได้ เป็นหนังเรต R เต็มตัว เพราะเมื่อรวมกับเรื่องที่เวนอมกับคาร์เนจนั้นต้องมีการเขมือบหัวคนสด ๆ โชว์หน้ากล้องตั้งแต่ภาคแรกอยู่แล้ว ยิ่งในภาคนี้ร่างหลักของคาร์เนจเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่บารมีความน่ากลัวน่าจะมีมากกว่าตัวร้ายอย่าง ไรออต ในภาคแรกที่อย่างน้อยฉากการต่อสู้ของไรออตกับเวนอมมันก็ดุดัน ยิ่งใหญ่ และเร้าใจ