รีวิวหนังnetflix Memoir of a Murderer
เล่าเรื่องของยุนฮีที่อยู่กับพ่อสองคน โดยที่พ่อของเธอเป็นโรคความจำเสื่อม และพ่อของเธอก็เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเฉพาะคนที่เขามองว่าสมควรต้องตายเท่านั้นเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ดูหนังออนไลน์ จนกระทั่งเขาเจอเจ้าหน้าที่มินแทจู ดูหนังฟรี ที่เข้ามาจีบลูกสาว เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้าหน้าที่มินแทจูคือฆาตกรต่อเนื่อง ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
เป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์ สร้างจากนิยายขายดี รีวิวหนังnetflix Memoir of a Murderer
ที่ทำรายได้ดีเช่นกันเมื่อเป็นภาพยนตร์ เล่าถึงฆาตกรโรคจิต 2 คน ต่างรุ่น ต่างก็ก่ออาชญากรรมต่อเนื่องมาโชกโชน มาอยู่ร่วมในสถานการณ์ที่ทำให้ต่างก็คิดอยากฆ่าซึ่งกันและกัน เอ!จะเชียร์ใครดีหละ แต่ฆาตกรรุ่นเก๋าดูจะเสียเปรียบกว่า เพราะแก่แล้ว วางมือไปนานแล้ว และที่สำคัญเขากำลังเผชิญภาวะความทรงจำขาดหายเป็นช่วงๆ เป็นที่มาของชื่อเรื่อง ความทรงจำของการเป็นฆาตกร
สำหรับพ.ศ.นี้ชื่อ บงจุนโฮ มิได้เป็นเพียงผู้กำกับโนเนมจากเกาหลีใต้อีกต่อไป เพราะหลังจาก Parasite คว้าออสการ์ไปแบบมิชชันอิมพอสซิเบิลเมื่อต้นปี ความฮอตของนักทำหนังจากดินแดนโสมได้พิสูจน์ให้เห็นว่าศิลปะภาพยนตร์สามารถทำลายกำแพงกั้นทางภาษา 1 นิ้วที่มาในรูปของซับไตเติลลงได้อย่างราบคาบและบ่อยครั้งที่มันถูกยกมาอ้างอิงในการพูดถึงเรื่องชนชั้นกระทั่งเปรียบเปรยความเหลื่อมล้ำอันเป็นสากลไปทั่วโลก
แต่ย้อนกลับไป 17 ปีที่แล้วชื่อของบงจุนโฮได้ถูกแนะนำให้คอหนังทั่วโลกรู้จักครั้งแรกจากผลงานการกำกับเรื่องที่ 2 อย่าง Memories of Murder ที่เขาร่วมเขียนบทและกำกับโดยมีแรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เมืองฮวาซอง (Hwaseong) ซึ่งจับผู้ต้องหาไม่ได้แม้เวลาผ่านมาตั้งแต่ปี 1986 และละครเวทีเรื่อง Come See Me ของคิมกวางริมที่ได้แรงบันดาลใจจากคดีเดียวกันที่ช่วยให้เขาวางโครงเรื่องจากข้อมูลที่รีเสิร์ชมาได้แบบไม่ลืมบุญคุณเลยทีเดียว
สนุก ลุ้น โคตรระทึกขวัญ โคตรมันส์ และโคตรน่ากลัว ตัวหนังเล่าเรื่องออกมาได้สนุก น่าตื่นเต้น น่าติดตามและค่อนข้างน่ากลัวเลย ทั้งอาการป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมในตัวของพ่อยุนฮีเอง หนังมีฉาก แสง สี องค์ประกอบ สถานที่ๆดูจริงและดูเรียลทั้งอุโมงค์รถไฟ หิมะสีขาว และนักแสดงแสดงออกมาได้ดี เป็นธรรมชาติ และดูเรียลมากๆทั้งฉากสืบสวนสอบสวน ฉากตามหาความจริง ทั้งความทรงจำที่หายไปของพ่อยุนฮี ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและเคยเกิดขึ้นในความทรงจำของพ่อยุนฮี นี้เป็นหนังที่มันส์หยดทุกอารมณ์เลยจริงๆ
ส่วนหนึ่งอาจเพราะทักษะการแสดงของนักแสดงในเรื่องด้วย
ทั้งใบหน้าที่ชักกระตุกของพ่อยุนฮี สีหน้านิ่งๆเย็นๆแต่ดูน่ากลัวของเจ้าหน้าที่มินแทจู ซึ่งเอาจริงๆโรคความจำเสื่อมมีผลต่อเนื้อเรื่องและเป็นอย่างมาก เพราะแม้ว่าความจำของตัวเอกในเรื่องจะหายไปแต่ว่าจริงๆแล้วเขาก็ยังเป็นฆาตกรอยู่ดี และจุดเด่นในเรื่องคือเราเชื่ออะไรในการกระทำของตัวละครในเรื่องไม่ได้เลยว่าสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นความจริงอาจเป็นผลข้างเคียงจากโรคความจำเสื่อมหรือสิ่งที่เราเชื่อว่าทุกอย่างเป็นผลพวงจากอาการความจำเสื่อมอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆก็ได้
ความน่าสนใจของหนังที่ชวนลุ้น ชวนตื่นเต้นตลอดเวลา คือ ซีนการเผชิญหน้ากันของคิมบยองซูและมินแทจู ที่ต่างรู้ไส้รู้พุงกัน ต่างพยายามยัดเยียดให้อีกฝ่ายเป็นฆาตกรของเมืองนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ฝั่งที่ดูจะเพลี่ยงพล้ำบ่อยกว่าก็คงเป็นคิมบยองซู เพราะเขามีลูกสาวที่ต้องคอยปกป้อง และยังมีจุดอ่อนเรื่องโรคสมองเสื่อม ความจำไม่คงที่ นี่แหละ ทำให้ผู้ชมได้ความตื่นเต้นที่ต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยว่า ‘อย่าเพิ่งลืม! อย่าเพิ่งลืม! กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน’
การสูญเสียความจำ ทำให้คิมบยองซูกลายเป็นคนขาดความน่าเชื่อถือ ในบางช่วงแม้แต่ลูกสาวยังไม่เชื่อเขาเลย โห เศร้าเลย ตรงข้ามกับมินแทจูที่เป็นตำรวจ ความน่าเชื่อถือดีกว่า แถมยังมีช่องทางบิดเบือนข้อมูลต่างๆได้ง่ายกว่า
เสน่ห์สำคัญของหนังเรื่องนี้ คือ การสร้างความสับสนให้คิมบยองซูไม่มั่นใจตนเองว่า เขาทำหรือไม่ได้ทำ เขาผิดเองจริงหรือไม่ เพราะเขาหลงลืมไปเองหรือไม่ พาลพาให้ผู้ชมหวั่นไหวตามไปด้วยว่าคิมบยองซูอาจกลับมาเป็นฆาตกรใหม่อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว เพราะมือพาไป แล้วก็หลงลืมสิ่งที่ทำไป ซึ่งหนังก็ได้เสริมการหักมุมสนุกๆเข้ามาในเรื่องโดยอิงจุดอ่อนนี้ของคิมบยองซู
นอกจากนี้ ยังสอดแทรกเรื่องของปัญหาสังคมที่เป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของโรคจิตไม่ปกติ
เป็นเรื่องให้ขบคิดต่อว่า ใครเป็นเหยื่อที่น่าสงสารแท้จริงของปัญหาสังคมเหล่านี้ ผู้เขียนมองเห็นสัญญลักษณ์เล็กๆที่เขาสื่อไว้ในหนัง ไม่รู้คิดเยอะไปเองหรือไม่ คือ รองเท้าสีขาวของคิมบยองซู เหมือนอยากบอกว่า เขาเองก็อยากเป็นเหมือนรองเท้าที่ไม่เปื้อนเช่นกันนะ หลังจากพ่อตาย เขาก็ได้รองเท้าขาวคู่ใหม่มา แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็ทำร้ายจิตใจจนรองเท้าขาวก็ไม่ช่วยอะไรเขาได้อีกแล้ว หลังๆมา เขาใส่รองเท้าสลับข้างซ้ายขวา ซึ่งก็คงเป็นอาการปกติที่เกิดได้กับคนสมองเสื่อม แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้กำกับอยากใช้สื่อย้ำถึงความสับสนทางจิตของเขาผ่านสัญญลักษณ์รองเท้าซ้ายขวาด้วยอีกหรือไม่
นื้อเรื่องพูดถึง ‘บยองซู’ อดีตฆาตกรต่อเนื่องรุ่นเก๋าที่วางมือไปแล้ว เนื่องจากป่วยเป็นอัลไซเมอร์เพราะเกิดประสบอุบัติเหตุทำให้สมองกระทบกระเทือน และตอนนี้อาศัยอยู่กับ ‘อึนฮี’ ลูกสาวของตัวเอง จนวันนึงเขาขับรถไปชนท้ายของ ‘แทจู’ ตำรวจหนุ่มอัธยาศัยดี บยองซูสังเกตถึงความปกติท้ายรถของตำรวจหนุ่มคนนี้ได้ ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างของเขา ทำให้เขาเกิดความสงสัยว่าตำรวจหนุ่มคนนี้ ไม่ใช่ตำรวจธรรมดาทั่วไป แต่อาจจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ไล่ฆ่าหญิงสาวที่เป็นข่าวทางโทรทัศน์อยู่ก็ได้ เขาจึงพยายามหาทางกำจัดนายตำรวจคนนี้ให้ได้เพราะคิดว่าเป็นตัวอันตรายแน่ๆ เมื่อนายตำรวจคนนี้รู้ตัวจริงเข้าไปตีซี้กับลูกสาวของบยองซู และพยายามยัดจะกำจัดบยองซูเช่นกัน การฟาดฟันระหว่างสองฆาตกรจึงเริ่มต้นขึ้น
เป็นหนังที่ดูแล้วอาจจะไม่ถึงกับระทึกขวัญบันเทิงมากนะ แต่ผมชอบอะไรหลาย ๆ อย่างในหนังเรื่องนี้ คือมันมีทั้งความระทึกขวัญและยังมีอารมณ์ลึกลับอีกด้วย เพราะเมื่อหนังดำเนินไปเรื่อย ๆ มันก็โยนความสงสัยมาให้กับคนดูว่า อ้าว…ตกลงฆาตกรวัยดึกอย่าง บยองซู เลอะเลือนความทรงจำไม่ดี แล้วเอาภาพในอดีตกับปัจจุบันมาผสมกันมั่วรึเปล่า คือพูดง่าย ๆ ว่ามโนไปเองหรือตัวเองอาจจะเป็นคนลงมือทำเองเสียด้วยซ้ำ
โดยหนังจะกล่าวถึงเมืองเล็ก ๆ ในเกาหลีใต้ที่มีฆาตกรต่อเนื่องออกอาละวาดไล่ฆ่าข่มขืนรัดคอหญิงสาวแล้วเอากางเกงในของเหยื่อคลุมหน้าก่อนจะนำของใช้ยัดใส่ช่องคลอดจนเกิดคดีสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ แต่ตำรวจในท้องที่อย่าง นักสืบปาร์คโดมัน (ซงกังโฮ)และนักสืบโชยังกู (โร-ฮาคิม) กลับเลือกสุ่มจับผู้ต้องหามาเพื่อหวังปิดคดีเร็วที่สุดจนทางการต้องส่ง นักสืบซอแตยุน (คิมซังคยูง) นักสืบหนุ่มไฟแรงจากเมืองโซลมาร่วมสืบหาคนร้ายก่อนจะมีผู้เคราะห์ร้ายรายต่อไป
ยอมรับว่านี่คือประสบการณ์การชม Memories of Murder คร้้งแรกของผมและการได้ชมในโรงภาพยนตร์ก็ทำให้นี่เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมนอกเหนือจากบทภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิงแล้ว มันยังทำให้ผมไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าบอกให้ผู้ชมจากโลกตะวันตกเปิดใจให้หนังของเขาและเพื่อน ๆ จากเอเซียเพราะแม้จะหยิบคดีฆาตกรรมในบ้านเกิดตัวเองมาทำหนังทว่าวิธีการเล่าและลีลามีความเป็นสากลแต่ไม่ทิ้งอัตลักษณ์ของความเป็นหนังเกาหลีเลยแม้แต่น้อย
ประการแรกที่ผมกล้ากล่าวได้ว่าไม่ว่าคนชาติใดดูหนังเรื่องนี้ก็ได้รับความบันเทิงเห็นจะเป็นน้ำเสียงที่ บงจุงโฮ เลือกจะเอาอารมณ์ขันมาเคลือบแฝงเนื้อหาที่ว่าด้วยการจับแพะอันเป็นหนึ่งในเรื่องราวสุดอื้อฉาวของคดีจริง และการเลือก ซงกันโฮ กับ โร-ฮาคิม มาจับคู่ก็ถือเป็นมวยถูกคู่มากในขณะที่ฝ่ายแรกมามุกตลกแดกนิ่ง ๆ แต่ฝ่ายหลังเล่นมุกสังขารสุดกักขฬะโดยเฉพาะอุปนิสัยของนักสืบโชยังกูที่ชอบซ้อมผู้ต้องหาเพื่อให้สารภาพตามที่คู่หูอย่างนักสืบปาร์คโดมันได้วางแผนไว้
ซึ่งการเอาอารมณ์ขันตลกร้ายมาเล่าเรื่องราวสุดมืดหม่นก็ทำให้การเล่าเรื่องติดตรึงและเร้าอารมณ์คนดูตลอดเวลาแม้ภาพบนจอจะไม่ได้มีฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อมหรือกระทั่งมีตัวละครหนุ่มสาวหน้าตาดีเดินผ่านไปมาแต่มันก็ทำให้เราละสายตาจากพวกเขาไม่ได้ด้วยจังหวะการแสดงที่เข้าขาและแม่นยำซึ่งก็ไม่แปลกใจอีกเหมือนกันว่าในผลงานเรื่องต่อมาทำไมบงจุนโฮถึงเลือกซงกังโฮเป็นดาราคู่บุญ
อีกจุดหนึ่งก็คือ “ความเหมือนกันของคนสองคน” ที่คนหนึ่งถูกทารุณ โดนพ่อใช้ความรุนแรงจนทำให้เขาเริ่มจากฆ่าคนในครอบครัว และฆ่าใครก็ตามที่ใช้ความรุนแรง กับอีกคนหนึ่งที่แม่ไม่เอาใจใส่และใช้ความรุนแรง จนทำให้เกิดปมด้อยทางกายและจิตใจ เขาก็เลยเอาคืนกับผู้หญิงที่ตัวเองคิดว่าเหมือนกันกับแม่ ทั้งหมดทั้งมวลแล้วการถือกำเนิดขึ้นของฆาตกรต่อเนื่องทั้งสองคน ไม่ต่างกันคือ เริ่มจากการใช้ความรุนแรงในครอบครัวหล่อหลอมให้ทั้งคู่กลายเป็นฆาตกรขึ้นมา
หนังมันยังมีอะไรมากกว่าแค่ฆาตกรต่อเนื่องสองคนมาฟาดฟันกัน
เพราะเอาจริง ๆ แม้ในตอนแรก บยองซู อาจจะคิดว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่เมื่อ แทจู ดึง อึนฮี เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย บยองซู ก็ทำทุกทางเพื่อปกป้องลูกสาวของตัวเอง แม้หลาย ๆ ครั้งด้วยสังขาร ด้วยความเจ็บป่วยของตัวเองจะกลับทำให้มันยิ่งแย่ลงไปอีก
แต่ บยองซู ก็ไม่เคยหยุดพยายามแม้แต่ครั้งเดียว รวมถึงเรื่องราวบางอย่างที่มันอาจจะเปลี่ยนความคิดความรู้สึกไปได้ แต่ บยองซู ก็ยังเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เขารัก และอยากจะเชื่อในสิ่งนั้นมากกว่าความจริง ตัวหนังเองแม้มันจะเป็นหนังระทึกขวัญที่ค่อนข้างตึงเครียด แต่มันก็ยังมีหลายๆจุดที่ทำให้เราหลุดขำกับหนังไม่ได้นะ ด้วยความที่ตัวละคร บยองซู นั้นเป็นอัลไซเมอร์ บางครั้งในสถานการณ์คับขับชี้เป็นชี้ตาย พี่แกก็ยังอุตส่าห์โรคกำเริบหลงลืมว่าตัวเองเป็นใคร กำลังทำอะไรและอยู่ที่ไหน ทำให้ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ในหลาย ๆ ครั้ง
มนุษย์เราในตอนนี้สามารถเอาชนะอะไรได้หลาย ๆ อย่างรวมถึงโรคภัยไข้เจ็บบางชนิดอีกด้วย แต่ที่แน่ ๆ ในตอนนี้ที่มนุษย์เรายังไม่สามารถเอาชนะได้ก็คือ ความชราและความตาย ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็หยิบประเด็นโรคภัยไข้เจ็บกับช่วงวัยชรามาเล่น แล้วถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจและยังไม่ค่อยเห็นมีใคร ใช้ไอเดียนี้ในหนังระทึกขวัญสยองขวัญ มันก็น่าตั้งคำถามนะว่าถ้าเกิดฆาตกรต่อเนื่องคนหนึ่ง เกิดเป็นอัลไซเมอร์และแก่ชราลงเขาจะใช้ชีวิตอย่างไรในขณะนั้น
บยองซู (Kyung-gu Sol) ชายแก่คนหนึ่งที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ซึ่งตอนนี้เขาอยู่กับ อึนฮี ลูกสาวของตัวเอง ในอดีตเขาก็คือฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมามากมาย แต่ด้วยวันหนึ่งตัวเองเกิดประสบอุบัติเหตุ ทำให้สมองกระทบกระเทือนกลายเป็นอัลไซเมอร์ แต่ความจำของเขาก็ยังกลับคืนมาในบางครั้ง เป็นช่วงสั้น ๆ ที่ภาพความทรงจำไม่ปะติดปะต่อกัน บยองซู จึงใช้วิธีการเขียนบันทึกเรื่องราวลงในโน้ตบุ๊กส่วนตัว และอัดเสียงใส่เทปไว้ว่าตัวเองมีภารกิจอะไรให้ต้องทำบ้าง
มากกว่าแค่ฆาตกรต่อเนื่องสองคนมาฟาดฟันกัน เพราะเอาจริง ๆ แม้ในตอนแรก บยองซู อาจจะคิดว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่เมื่อ แทจู ดึง อึนฮี เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย บยองซู ก็ทำทุกทางเพื่อปกป้องลูกสาวของตัวเอง แม้หลาย ๆ ครั้งด้วยสังขาร ด้วยความเจ็บป่วยของตัวเองจะกลับทำให้มันยิ่งแย่ลงไปอีก
แต่ บยองซู ก็ไม่เคยหยุดพยายามแม้แต่ครั้งเดียว รีวิวหนังnetflix Memoir of a Murderer
รวมถึงเรื่องราวบางอย่างที่มันอาจจะเปลี่ยนความคิดความรู้สึกไปได้ แต่ บยองซู ก็ยังเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เขารัก และอยากจะเชื่อในสิ่งนั้นมากกว่าความจริง ตัวหนังเองแม้มันจะเป็นหนังระทึกขวัญที่ค่อนข้างตึงเครียด แต่มันก็ยังมีหลายๆจุดที่ทำให้เราหลุดขำกับหนังไม่ได้นะ ด้วยความที่ตัวละคร บยองซู นั้นเป็นอัลไซเมอร์ บางครั้งในสถานการณ์คับขับชี้เป็นชี้ตาย พี่แกก็ยังอุตส่าห์โรคกำเริบหลงลืมว่าตัวเองเป็นใคร กำลังทำอะไรและอยู่ที่ไหน ทำให้ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ในหลาย ๆ ครั้ง
มนุษย์เราในตอนนี้สามารถเอาชนะอะไรได้หลายๆอย่างรวมถึงโรคภัยไข้เจ็บบางชนิดอีกด้วย แต่ที่แน่ๆในตอนนี้ที่มนุษย์เรายังไม่สามารถเอาชนะได้ก็คือ ความชรา และความตาย ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็หยิบประเด็นโรคภัยไข้เจ็บกับช่วงวัยชรามาเล่น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจและยังไม่ค่อยเห็นมีใครทำในหนังระทึกขวัญสยองขวัญนะ มันก็น่าตั้งคำถามนะว่าถ้าเกิดฆาตกรต่อเนื่องคนนึงเกิดเป็นอัลไซเมอร์และแก่ชราลง เขาจะใช้ชีวิตอย่างไร
บยุงซู ชายแก่คนหนึ่งที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ซึ่งตอนนี้อยู่กับ อึนฮี ลูกสาวของตัวเอง ในอดีตเขาก็คือฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมามากมาย แต่ด้วยวันหนึ่งตัวเองเกิดประสบอุบัติเหตุทำให้สมองกระทบกระเทือน กลายเป็นอัลไซเมอร์ แต่ความจำของเขาก็ยังกลับคืนมาเป็นช่วงสั้นๆภาพความจำไม่ปะติดปะต่อกัน บยุงซู จึงใช้วิธีการเขียนบันทึ