รีวิวหนังnetflix DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย
รีวิวหนังnetflix DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย เป็นเรื่องราวของนักศึกษาแพทย์ 4 คน ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่มีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือพวกเขาใช้เวลาในการนอนน้อยมาก พวกเขาจึงได้เข้าร่วมการเป็นอาสาสมัครร่วมวิจัยตัวใหม่ โดยข้อเสนอก็คือ ถ้าหลับเกิน 60 วินาทีจะตาย เว็บดูหนัง
เรียกว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งที่น่ายินดีของนักเรียนภาพยนตร์ เมื่อ Netflix ตัดสินใจเปิดโอกาสให้ผลงานภาพยนตร์ของนักศึกษา ‘DEEP โปรเจ็กต์ลับ หลับเป็นตาย’ ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด ในการร่วมพัฒนาโปรเจกต์ จนได้ออกฉายทาง Netflix ถือว่าเป็นงานนักศึกษาชิ้นแรกของไทยที่ได้ไปอยู่ในแพลตฟอร์มระดับโลกเลยก็ว่าได้
โดยโปรเจกต์นี้ ตั้งแต่ไอเดีย บทภาพยนตร์ และการถ่ายทำทุกขั้นตอน ผ่านการโค้ชอย่างใกล้ชิดจากเมนเทอร์ระดับมืออาชีพของวงการหนังไทย ทั้ง ‘วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง’ ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องบทภาพยนตร์ และ ‘อังเคิล – อดิเรก วัฏลีลา’ ที่มาชี้แนะในส่วนของการกำกับภาพยนตร์ โดยมีทีมงานรุ่นใหม่จาก ม.กรุงเทพ เป็นกำลังหลักในการเขียนบทและถ่ายทำอย่างยาวนานตลอด 3 ปีเต็ม นอกจากนี้ยังได้ 4 นักแสดงรุ่นใหม่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้ง ‘แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน’, ‘เค เลิศสิทธิชัย’ (Kayavine), ‘เฟิร์น-ศุภนารี สุทธวิจิตรวงษ์’, ‘กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ (กิต นักร้องนำวง Three Man Down)’ มาร่วมแสดงด้วย
นังเรื่องนี้เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้กับนักทำหนังหน้าใหม่ทั้งหมด เพราะผู้กำกับและเขียนบททั้ง 5 คน ต่างเป็นนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่มาช่วยกันปลุกปั้นหนังเรื่องนี้ให้เป็นรูปเป็นร่าง พร้อมกับผู้ที่คร่ำหวอดในวงการหนังไทยเป็นอย่างดีอย่าง “อดิเรก วัฏลีลา” และ “วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” มาช่วยนั่งเก้าอี้โปรดิวเซอร์ช่วยดูแลงานสร้างให้กับหนังเรื่องนี้ เว็บดูหนังฟรี
แม้ว่าหนังจะมีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนและหนักแน่นมากๆ แต่การถ่ายทอดออกมายังคงติดขัดเต็มไปหมด บทหนังที่ค่อนข้างแบนเรียบ ไม่มีมิติใดๆ สักเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความคลีเซ่ (ซ้ำซาก) ที่แทบจะหาความแปลกใหม่ไม่ค่อยเจอ เหมือนเป็นการหยิบจับเอาหนังวัยรุ่นทริลเลอร์จากหลายๆ เรื่องทั่วโลกมายำรวมกันออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ ที่รสชาติยังออกมาไม่กลมกล่อมพอ
ด้วยความที่บทหนังไม่ค่อยมีมิติ ก็พลอยทำให้ความพยายามในผลักดันมิติของตัวละครต่างๆ ก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน ทีมนักแสดงนำล้วนแต่เป็นหน้าใหม่ แม้ว่าพวกเขาจะเคยมีผลงานการแสดงมาแล้วบ้าง ไม่ว่าจะเป็น “แคร์ ปาณิสรา”, “เค เลิศสิทธิชัย”, “เฟิร์น ศุภนารี”, “กิต กฤตย์” ก็ถือว่ารับบทบาทได้ตามมาตรฐาน แม้จะยังไม่ใช่ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขา แต่ก็เห็นได้ชัดเจนถึงความมุ่งมั่น
ตัวละครต่างๆ ใน DEEP โปรเจกต์ลับ หลับ เป็น ตาย จึงค่อนข้างแบนเรียบ ปมต่างๆ ที่หยอดเอาไว้ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกคล้อยตามและรู้สึกอินตามมากมายสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังทำให้ไม่สามารถขับเสน่ห์ของตัวละครออกมาได้เท่าที่ควร กลายเป็นตัวละครดาดๆ ทื่อๆ ที่ไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับพวกเขาสักเท่าไหร่ หนังฟรี
หลังจากที่ดูทีเซอร์ก็รออย่างใจจดใจจ่อรอดู DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย (2021) เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีพล็อตน่าสนใจ ความสดใหม่ของไอเดียและการหยิบยกเอาปมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้มานำเสนอ อีกทั้งยังสร้างและเขียนบทด้วยฝีมือรุ่นใหม่ ทำให้คิดว่าน่าจะมีอะไรให้น่าติดตามและรอชม
รีวิวหนังnetflix DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย
ความรู้สึกหลังจากดู DEEP แล้วบอกตามตรงว่าไม่ได้รู้สึกว่าแย่หรือดี มันจะเป็นความรู้สึกที่อยู่ตรงกลางที่งง ๆ สิ่งที่แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นคือความรู้สึกที่มันงง ๆ นี่แหละ คือไม่ได้คิดว่าดีหรือไม่ได้เพราะไม่สามารถบอกได้ ในช่วงแรกรู้สึกประทับใจในงานภาพและการนำเสนอไอเดียที่เป็นวิทยาศาสตร์ให้สามารถเข้าใจได้ง่าย
แล้วมาเปิดปมของตัวเอกทีละคน ซึ่งปมของแต่ละคนก็เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น ปัญหาเรื่องครอบครัว การบังคับให้ลูกเรียนในสิ่งที่ลูกไม่อยากเรียน ประเด็นเรื่องการฆ่าตัวตาย ช่องว่างระหว่างวัย เป็นต้น การหยิบยกประเด็นที่พบเห็นได้บ่อยในบริบทของสังคมทำให้รู้สึกว่าสามารถเข้าถึงและอินกับตัวละครนั้น ๆ มากขึ้นและรู้สึกประทับใจที่หยิบยกแล้วนำมาเล่าในมุมมองที่ให้แง่คิดและเผยแพร่มุมมองและความคิดของคนเจ็นใหม่ ๆ ให้สังคมได้รับรู้ อย่างน้อยภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่แตกต่าง
ในช่วงกลางจะรู้สึกว่ามีอะไรให้น่าลุ้นขึ้นว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางไหนซึ่งสามารถเดาได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากดูแล้วไม่คิดอะไร (เหมือนผู้เขียน) ก็จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย ในส่วนของบทสรุปก็สามารถทำได้ดีคือคลายปมแบบไม่มีข้อสงสัย จบแบบ Happy Ending มีทางลงและตอนจบที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล ส่วนตัวประทับใจในความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในเรื่อง หากใครเป็นคนอ่อนไหวอาจได้เสียน้ำตาให้กับตอนจบ
การแสดงของนักแสดงในเรื่องถือว่าทำได้ดี สามารถทำให้ผู้ชมอินไปกับสิ่งที่ตัวละครกำลังรู้สึกและเผชิญอยู่ เรื่องของบทรู้สึกว่ามันไม่พอดี บางส่วนดูน้อยไป บางส่วนดูมากไป และให้ความรู้สึกไม่สุดซักทาง ทั้งประเด็นเรื่องมิตรภาพ ประเด็นระทึกขวัญ และปมต่าง ๆ ของตัวละคร บางครั้งการกระทำของตัวละครทำให้รู้สึกไม่อินและไม่เข้าใจซึ่งอาจเป็นเพราะรู้จักตัวละครนั้น ๆ น้อยเกินไป หนังใหม่
มีความรู้สึกว่าการเปลี่ยนฉากมันตัดอารมณ์ ทำให้ไม่ค่อยอินในเรื่องของความสัมพันธ์บางความสัมพันธ์ ในเรื่องของเพลงประกอบรู้สึกว่าเพลงประกอบเพราะมากแต่กลิ่นอายของเพลงประกอบกับหนังค่อนข้างขัดใจ บางช่วงที่เพลงประกอบให้ความรู้สึกสบาย ๆ วินเทจหน่อย ๆ เหมือนอารมณ์ไปเที่ยว สุนทรีย์กับชีวิต แต่ด้วยธีมของหนังที่ดูทันสมัยจึงไม่เข้ากัน ในส่วนของบทสรุปของความสัมพันธ์ระหว่างวินกับพ่อทำให้รู้สึกประทับใจไม่น้อยทั้งเรื่องการแสดงและเพลงประกอบ ในส่วนของการดำเนินเรื่องให้ความรู้สึกเนิบ ๆ เมื่อถึงจุดที่น่าจะตื่นเต้นก็ไม่ตื่นเต้น ในภาพรวมรู้สึกว่าเป็นภาพยนตร์ที่กลาง ๆ ไม่ได้ประทับใจแต่ก็ได้ไม่ประทับใจ
ส่วนที่ชอบที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของการนำเสนอปัญหาที่ไม่เข้าใจและไม่ลงรอยกันในสังคม เริ่มที่ประเด็นแรกคือ ประเด็นของบรรทัดฐานในการเรียน ที่ภาพยนตร์นำเสนอผ่านตัวละคร “ซิน” อินฟลูเอนเซอร์สาวที่อยากเรียนนิเทศแต่ถูกบังคับให้เรียนหมอเนื่องจากครอบครัวฝั่งพ่อเรียนหมอทั้งตระกูล จนซิน เครียดเพราะเรียนหนัก แถมต้องเรียนในสิ่งที่ไม่อยากเรียนจนต้องกินยานอนหลับ ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ไม่ปกติที่เด็กวัยมัธยมจะเลือกคณะและมหาลัยด้วยเหตุผลที่ว่าทางบ้านต้องการให้เรียน สถานการณ์ในแต่ละครอบครัวก็แตกต่างกันไป บางบ้านอาจเข้มงวด บังคับกันตรง ๆ บางบ้านอาจใช้วิธีกดดัน ซึ่งความจริงแล้วเด็กควรจะเป็นผู้ที่ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ตนเองต้องการด้วยตนเองโดยครอบครัวเป็นผู้ให้คำแนะนำและสนับสนุน เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจว่าไม่ควรบังคับเนื่องจากเป็นพื้นฐานที่คนเราควรได้เลือกเส้นทางของตนเอง
ประเด็นต่อไปเป็นประเด็นในเรื่องความเข้าใจที่คนในสังคมมีต่อการฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายมีสาเหตุได้จากหลายกรณี ในกรณีในภาพยนตร์ที่แม่ของวินฆ่าตัวตายและพ่ออธิบายว่า
“เราไม่สามารถช่วยอะไรแม่เขาได้เลย”
อาจมีสาเหตุมาจากแม่ของวินนั้นอาจมีอาการป่วยทางจิตใจและดำดิ่งเกินกว่าที่ใครจะสามารถมาช่วยได้ รวมถึงการพูดปลอบโยนหรือให้กำลังแบบปกติที่เราทำกันก็อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแย่และรู้สึกลบมากกว่าเดิม การที่คนหนึ่งคนจะสามารถฆ่าตัวตายได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่การคิดสั้น กว่าพวกเขากล้าที่จะปลิดชีวิตตัวเองแสดงว่าพวกเขาต้องผ่านความทุกข์และการคิดอย่างหนัก ซึ่งอาจมีการบกพร่องของสารเคมีในสมองเข้ามาร่วมด้วยบวกกับการสะสมปัญหาและความขัดแย้งในจิตใจ เพราะเราไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์อะไรมาบ้าง เราจึงไม่ควรตัดสินพวกเขาด้วยประโยคที่ว่า “อย่าคิดสั้น”
วัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่หลายคนไม่อาจลืมได้ เพราะเป็นช่วงวัยที่ความคิดสดใหม่ พร้อมที่จะทำตามสิ่งที่ตนต้องการ อาจยังไม่ถูกสภาพสังคมและความเป็นจริงเบียดทับจนทำให้ต้องทำตามหน้าที่ อย่างไรก็ตามในช่วงวัยนี้ก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและเราไม่สามารถกล่าวโทษสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้เลยเพราะไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่แรก ในส่วนของปมความขัดแย้งในเรื่องจะเห็นได้จากจูนน้องสาวของเจนที่มุ่งมั่นกับการซ้อมดนตรีจนกลับบ้านดึก ในขณะที่เจนผู้เป็นพี่สาวก็เป็นห่วงน้องแต่กลับใช้คำพูดที่ค่อนข้างใส่อารมณ์ ทำให้น้องเข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อผิดไปและไม่รู้ว่าพี่กำลังเป็นห่วง
จึงมีเพียงแต่ความน้อยใจเข้ามาถมทับและพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ที่เจนกล่าวหาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำ เข้าข่ายการกระทำที่ว่า “ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ” ซึ่งอารมณ์ที่รุนแรงก็เกิดขึ้นได้หลายกรณี เช่น ปมในจิตใจที่มีอยู่แล้วทำให้เมื่อถูกจี้จุดก็ควบคุมอารมณ์ได้ยาก การสร้างความเข้าใจและการพูดคุยอย่างสันติจึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการอยู่ร่วมกันในครอบครัว ดูหนังฟรี
ปมของพีชคือการเข้าสังคม ในภาพยนตร์เล่าเพียงว่าพีชชอบเล่มเกมและสิงอยู่ที่หน้าจอทันทีที่ว่างและไม่ค่อยมีเพื่อนในชีวิตจริง แต่ไม่ได้เล่าว่าทำไมพีชถึงไม่ค่อยเข้าสังคม (อาจเป็นไปได้ว่าเป็นเพราะบุคลิกและนิสัยของเขา) และทำไมจึงต้องตามติดและหมกมุ่นกับซินจนเหมือนเป็นสตอล์กเกอร์ (ซึ่งเมื่อถูกจับได้ พีชก็ยอมรับผิดโดยดีและไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรง)
อาจเป็นไปได้ว่าพีชแค่อยากทำไปเพราะอยากรู้จักและใกล้ชิดกับซินมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรไปตามติดชีวิตของใครเพราะนอกจากจะเป็นการละเมิดพื้นที่ส่วนตัวแล้วยังทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่สบายใจจนถึงขึ้นวิตกกังวลได้ ในภาพยนตร์ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องมิตรภาพในตอนใกล้จบโดยจะเห็นได้จากทั้งพีชและซินที่ในตอนแรกปฏิเสธที่จะช่วยเจน ในภายหลังก็เปลี่ยนใจ จึงจะเห็นได้ว่าสิ่งนึงที่คนเราทุกคนต้องการก็คือคนซักคนหรือซักกลุ่มที่สามารถไว้ใจได้และสบายใจเมื่ออยู่ร่วมกัน
ตอนจบที่ประทับใจที่สุดคือฉากที่วินคุยกับพ่อพร้อมกับเพลงประกอบที่เข้ากัน สำหรับฉากนี้เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเชื่อว่าทำให้หลายคนสามารถซึ้งและอินไปกับเรื่องราวที่ภาพยนตร์ต้องการจะสื่อได้ โดยส่วนตัวแล้วชอบฉากนี้มากที่สุด ฉากที่ชอบและประทับใจรองลงมาคือฉากปาร์ตี้ที่บ้านพีชเนื่องจากเป็นจากที่ได้เห็นเจนสนุกและเอนจอยไปกับเพื่อน ๆ ซึ่งหากเป็นสถานการณ์ปกติเจนคงไม่มีเวลามาสังสรรค์เนื่องจากต้องอ่านหนังสือและทำงานที่บ้าน อาจเป็นข้อดีอย่างเดียวของโครงการดีพที่ทำให้ทั้งสี่คนได้มาเป็นเพื่อนและเกิดมิตรภาพดี ๆ ขึ้น
พล็อตของหนังเรื่องนี้น่าสนใจตรงที่หยิบเอาจุดร่วมของคนสมัยนี้ที่กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว (แต่บางทีเราก็ไม่รู้ตัว) นั่นก็คือ การอดหลับอดนอนนั่นเอง เพราะอาจจะด้วยความเคยชิน หรือเหตุผลอะไรก็ตาม ซึ่งตรงนี้นี่แหละครับที่นักศึกษาหยิบเอามาต่อยอดเป็นพล็อตหนัง โดยการตั้งคำถามว่า คนเราจะอดนอนได้สักเท่าไหร่ และถ้าอดนอนแล้วจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง
เป็นหนังไทยที่มีไอเดียน่าสนใจทีเดียว ทำให้เรานึกถึงหนังเรื่อง Flatliners และหนังระทึกขวัญจากค่าย Blumhouse เคมีของตัวเอกทั้ง 4 คนทำมาได้ดี ช่วงแรกของหนังทำได้น่าสนใจและมีสไตล์มาก แต่พอเรื่องผ่านไปบทก็เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ มีหลายๆ ฉากที่ดูโบราณเหลือเกิน ตัวหนังเองไม่ค่อยจริงจังกับการบอกเวลาสักเท่าไหร่ แม้กลไกสำคัญของเรื่องนี้จะคือเวลาก็เถอะ ทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่อินไปกับสภาวะของตัวละครได้ง่ายๆ รวมถึงตอนจบที่ดูเร่งรัดตัดตอนไปหมด การตัดฉากที่ดูกระโดดไปมา การเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยลื่นไหล ทำให้ทุกอย่างดูทุลักทุเลไปหมด ดูหนังออนไลน์