รีวิวหนังnetflix Bad Boys : For Life
การล้างแค้นของ อิสเบล ที่ต้องการล้างแค้นเจ้าหน้าที่และนักกฎหมายทุกคนที่จับเธอเข้าคุก หนังฟรี ซึ่งทุกคนถูกฆ่าตายหมด ยกเว้น ไมค์ หนึ่งในคู่หู Bad Boys คนเดียวที่ฆ่าไม่ตาย สร้างความโกรธแค้นให้ อิสเบล หนังใหม่ และมือปืนต้องกลับมาฆ่าเขาอีกหลายครั้ง ซึ่งเขาเองก็พยายามสืบหาตัวมือปืนที่ยิงเขาเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่พลิกล็อคมาก ๆ เมื่อ ไมค์ และมือปืนมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อกัน ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
ห่างหายจากภาคก่อนหน้าไปถึง 17 ปี รีวิวหนังnetflix Bad Boys : For Life
นับตั้งแต่ภาคสองในชื่อ Bad Boys II ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2003 (ส่วนภาคแรกซัดไปปี 1995 เมื่อ 25 ปีก่อน) โดย 2 ภาคแรกเป็นผลงานสร้างชื่อของ ไมเคิล เบย์ ที่ได้ วิล สมิธ และ มาร์ติน ลอว์เรนซ์ ดาราผิวสีชื่อดังแห่งยุค 90s มารับบทคู่กันในหนังคู่หูตำรวจที่ทั้งบู๊และตลกห่ามฮาไปพร้อมสูตรสำเร็จหนังแอ็กชันจนมีแฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์อยู่ไม่น้อยที่รอคอยการกลับมาของทั้งคู่ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
สำหรับหนังเรื่องนี้การเดินเรื่อง ที่เริ่มต้นอย่างมีความสุข ดูหนัง เพียงไม่ทันไรก็ต้องเศร้าเพราะ ไมค์ ถูกยิง แต่แล้วก็กลับมาสู่บรรยากาศครื้นเครงอีกครั้ง เมื่อไมค์ไม่ตาย ดูหนังออนไลน์ แล้วก็ต้องกลับมาเศร้าโศกเมื่อผู้กองถูกยิงตาย ทำให้เกิดบรรยากาศโกรธแค้นและฮึกเหิมขึ้นมา แล้วก็ตามด้วยความระทึกใจไปจนจบเรื่อง
ซึ่งช่วงแรกที่ดูอาจดูไม่มีอะไรมากนัก เนื้อเรื่องเป็นไปแบบเรียบ ๆ ไม่มีความตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ช่วงครึ่งหลังเป็นช่วงที่ยิงกันสนั่นจอ ดูหนังฟรี สร้างความมันและระทึกใจได้ไม่น้อย พร้อมกับฉากขำ ๆ และมุขตลก ๆ ของ โทมัส การเล่าเรื่องก็ทำได้สนุก มีมุขตลกฮา ๆ ให้ได้หัวเราะเป็นระยะ ๆ ดูหนัง ตลอดทั้งเรื่อง และมีการเดินเรื่องที่หักมุม ให้คนดูได้ลุ้นและสร้างความน่าติดตามได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้คนดูไม่อยากจะลุกไปไหนจนกว่าจะดูจนจบ ดูหนังออนไลน์
ถ้ามองแง่การนำแฟรนชายส์ชุดนี้กลับมาขึ้นจอใหญ่อีกครั้ง
ของสตูดิโออย่างโซนี่ พิคเจอร์ส คือความคาดหวังที่จะสานต่อจักรวาล Bad Boys ให้กลับมาโลดแล่นนจอใหญ่และหวังผลระยะยาวด้วยการจับกลุ่มคนดูกลุ่มใหม่ๆ แน่นอนว่าถ้าหากหนังประสบความสำเร็จ การสร้างภาค 4-5-6 จะต้องตามมาอย่างแน่นอน ประกอบกับก่อนหน้านี้หนังแฟรนชายส์หลายเรื่องของโซนี่ พิคเจอร์ส ถือได้ว่าไม่ได้รับความนิยมหรือรายได้ไม่เข้าเป้าอาทิ Men In Black, 21 และ 22 Jump Street ที่ลือกันว่าจะมีภาคต่อ
หรือครอสโอเวอร์จักรวาลกันแต่ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างจนปัจจุบันโปรเจ็คได้หายเข้ากรุไปแล้ว Charlie’s Angels ล้มเหลวอย่างหนักเมื่อปลายปีก่อน ส่วน Resident Evil และ Underworld ก็จบมหากาพย์ไปเรียบร้อบแล้ว (แต่โซนี่ก็ยังมีแผนที่จะรีบูต Resident Evil กลับมาอีกรอบเร็วๆนี้) ดังนั้นเมื่อพิจารณาแฟรนชายส์ที่ยังดูได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกคงเหลือแค่ James Bond และ Jumanji เท่านั้น
ซึ่งช่วงแรกที่ดูอาจดูไม่มีอะไรมากนัก
เนื้อเรื่องเป็นไปแบบเรียบ ๆ ไม่มีความตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ช่วงครึ่งหลังเป็นช่วงที่ยิงกันสนั่นจอ สร้างความมันและระทึกใจได้ไม่น้อย พร้อมกับฉากขำ ๆ และมุขตลก ๆ ของ โทมัส การเล่าเรื่องก็ทำได้สนุก มีมุขตลกฮา ๆ ให้ได้หัวเราะเป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งเรื่อง และมีการเดินเรื่องที่หักมุม ให้คนดูได้ลุ้นและสร้างความน่าติดตามได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้คนดูไม่อยากจะลุกไปไหนจนกว่าจะดูจนจบ
สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ ถือว่าเป็นหนังที่มีความสนุกและมันมาก ๆ มีการเดินเรื่องที่สร้างความตื่นเต้นและน่าติดตาม และมีมุขตลกที่สร้างความฮาทำให้หนังดูไม่เครียด เป็นหนังบู๊แอ็คชั่นที่สนุกมันฮา ที่ผมชอบที่สุดก็ฉากซิ่งรถตอนเริ่มเรื่อง กับฉากไล่ยิงกันบนถนนและก็ตอนจบ และก็มุขฮา ๆ ของ โทมัส มีให้ได้ขำเป็นระยะ ๆ
สำหรับ Bad Boys For Life หรือภาค 3 นี้ต้องบอกว่า หนังฉวยโอกาสของระยะห่างจากภาคก่อนที่ตัวละครวัยเปลี่ยนล่วงสู่ช่วงเกษียณได้ยอดเยี่ยม ทั้งวิถีคิดเปลี่ยนไป และทั้งโลกยุคใหม่ที่ไปไวจนทอดทิ้งคนสูงวัยเร็วขึ้น เทคนิคสอบสวนลุยดะของหมาแก่แบบเก่า ๆ เริ่มถูกปรามาสด้วยหน่วยไฮเทคที่อุปกรณ์ครบครันทั้งแฮกเกอร์ ทั้งโดรนสายลับ
และเมื่อมาร์คัส (มาร์ติน ลอว์เรนซ์) ถอดใจอยากเกษียณตัวเองอยู่กับครอบครัวแสนสุขในยามที่ตนได้เป็นคุณตา โดยหวังจะทำให้คู่หูเปลี่ยนใจตามและเลิกพังสังขารเสี่ยงชีวิตอย่างที่เคยเป็นมา ขณะที่ทางไมก์ (วิล สมิธ) กลับยังทะนงตนว่าเป็นตำรวจมือฉกาจแห่งไมอามี่ฉายาหนังเหนียวยิงไม่เข้า ทว่าอดีตที่เขาเคยสร้างความแค้นกับอาชญากรไว้มากมายก็ยังตามหลอกหลอนในรูปของการฆ่าล้างแค้น ซึ่งทำให้เขาไม่อาจถอนตัวจากสงครามปราบโจรได้ง่าย ๆ
จุดเด่นประการสำคัญของ Bad Boys for Life คือการนำบุคลิกของสองตัวละครเอกกลับมาขึ้นจอได้อย่างเปี่ยมชีวิตชีวา ดูเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ เจ็บได้ตายเป็นและการเพิ่มปูมหลังของตัวละคร ยิ่งทำให้พวกเขามีมิติที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทำความรู้จักไมค์และมาร์คัสได้มากยิ่งขึ้น ถึงแม้คนที่ยังไม่เคยดูแฟรนชายส์ Bad Boys มาก่อนก็สามารถดูหนังภาคนี้โดยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อยู่ดี
ผลงานการกำกับของเอดิล และ บิลัล รีวิวหนังnetflix Bad Boys : For Life
รวมไปถึงบทภาพยนตร์ของปีเตอร์ เคร็กและ โจ คาร์นาฮาน ได้นำจักรวาล Bad Boys ให้กลับมาขึ้นจอใหญ่ได้สนุก เปี่ยมสีสัน ตัวละครมีเสน่ห์ ตัวร้ายที่น่าเกรงขาม รวมไปถึงปมปริศนาที่ถูกทิ้งท้ายเอาไว้ให้ผู้ชมอยากติดตามแฟรนชายส์นี้ต่อ จนเราอาจจะกล่าวได้ว่า Bad Boys for Life คือการกำเนิดใหม่ของสองคู่หูนายตำรวจไมอามี่นั่นเอง
ในค่ำคืนปาร์ตี้เลี้ยงฉลองแสดงความยินดีให้กับ มาร์คัส ที่ได้เป็นคุณตามือใหม่นั้น ไมค์ ได้ถูกลอบยิงจนบาดเจ็บอาการโคม่าอยู่นาน หลังจากฟื้นสภาพกลับมาได้ ไมค์ ก็ต้องการสืบหาและจับคนร้ายที่ยิงเขาให้ได้ แต่ มาร์คัส ตัดสินใจที่จะวางมือและเกษียรตัวเองใช้ชีวิตอย่างปรกติสุข นั่นเอง จึงทำให้ ไมค์ ต้องลุยเดี่ยวโดยวิธีแบบดั่งเดิม ท่ามกลางการคัดค้านของ ผู้กอง Conrad Howard (รับบทโดย Joe Pantoliano) ที่ไม่ยอมให้ ไมค์
เข้ามาสืบคดีที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเอง (ตามกฎหมาย ห้ามไม่ให้ตำรวจรับทำคดีของตัวเอง) แต่ด้วยความดื้อด้านของ ไมค์ จึงทำให้ ผู้กองฮาวเวิร์ด ต้องจำใจให้ ไมค์ เข้ามาร่วมทำการสืบสวนในฐานะที่ปรึกษา ที่อยู่ภายใต้การดูแลของทีม AMMO ซึ่งนำทีมโดย Rita Secada (รับบทโดย Paola Núñez) หน่วยปฏิบัติการณ์ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการสืบคดี โดยมีลูกทีมอีก 3 คนได้แก่ Kelly (รับบทโดย Vanessa Hudgens), Dorn (รับบทโดย Alexander Ludwig และ Rafe (รับบทโดย Charles Melton)
แต่ในส่วนของดนตรีประกอบนี่
แอบขัดใจอยู่เล็กน้อย คือในหลายๆ ฉากยังไม่สามารถบิ้วท์อารมณ์ให้ตื่นเต้นและลุ้นระทึกตามไปกับหนังในแต่ละฉากได้เหมือนในแบบที่ภาคก่อนๆ เคยทำเอาไว้ แม้ว่าเพลง Theme หลักจะยังคงมีอยู่ก็ตาม
หนังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความเหน็ดเหนื่อยกับการที่จะต้องออกบู๊ตะลุยกับเหล่าร้ายของตัวละคร มาร์คัส เบอร์เน็ต ออกมาได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ตัวละครอย่าง ไมค์ ลาวรี่ ยังคงความระห่ำอยู่เช่นเคย และพยายามที่จะแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าเขายังฟิตอยู่
ในส่วนของเนื้อเรื่อง ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก แม้จะไม่เคยดู 2 ภาคแรกมาก่อน ก็สามารถดูภาคนี้ได้เลยทันที (แต่อาจจะไม่ค่อยเก็ทในบางมุก ซึ่งมันก็ไม่ใช่ส่วนที่สำคัญอะไรนัก ปล่อยผ่านได้) แต่ที่แอบเชยอยู่สักหน่อย ก็เห็นจะเป็นมุกประเภท คนรุ่นลุงที่ต้องมาทำงานกับคนรุ่นหลานที่มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่คนรุ่นลุงจะมีวิธีการสืบสวนแบบถึงพริกถึงขิง ลุยกันแบบตรงๆ แต่กับวิธีของคนรุ่นหลานที่จะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นหลัก ก็เลยจะมีฉะกันบ้างปะทะคารมกันบ้าง เหมือนอย่างที่เคยเห็นในหนังแนวๆ นี้หลายๆ เรื่อง