รีวิวหนังnetflix หยิน หยาง ศึกมหาเวทย์สะท้านพิภพ
เขตใต้ เกาะตะวันตก แดนตะวันออก และนครเหนือ ทั้งสี่สำนักต่างร่วมมือกันผนึกร่างปีศาจอสรพิษเอาไว้ในนครหลวง และสร้างรูปปั้นมังกรฟ้า หงส์ไฟ เสือขาว และเต่าดำเพื่อป้องกันเอาไว้เมื่อใดที่เงาของปีศาจอสรพิษปรากฏขึ้นมาอีกครา ดูหนังฟรี ทั้งสี่สำนักจักต้องส่งปรมาจารย์ที่เก่งกาจไปเพื่อสยบมันลง 300 ปีต่อมา ฉิงหมิง ดูหนังออนไลน์ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่านอาจารย์มาโดยตลอดในวัยเด็กของเขามีเพียงอาจารย์เท่านั้นที่คอยเคียงข้าง ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
แต่ด้วยเหตุบางประการจึงทำให้เขาสูญเสียอาจารย์ผู้เป็นดั่งครอบครัวไปอย่างไม่มีวันหวนคืน ฉิงหมิง ได้รับสืบทอดตำแหน่งปรมาจารย์หยินหยางเป็นรุ่นต่อไปและต้องออกเดินทางไปยังนครหลวง เพื่อสยบปีศาจอสรพิษลงอีกครั้ง ที่นี่เขาได้พบกับ ป๋อหย่า ปรมาจารย์หนุ่มผู้มุ่งมั่นจะกำจัดปีศาจทุกตนให้สิ้นซาก ทั้งสองต้องร่วมมือกันค้นหาความจริงเบื้องหลังการปลุกปีศาจอสรพิษให้ตื่นขึ้นและสยบปีศาจตนนี้ลงเสีย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป พวกเขาทั้งสองจะร่วมมือกันสยบปีศาจอสรพิษลงได้หรือไม่
เมื่อผานกู่เบิกฟ้ามนุษย์และปีศาจอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขแต่ทว่าวันหนึ่งปีศาจชั่วร้าย
เซี่ยงหลิ่ว อสรพิษเก้าหัวตัวนี้ตั้งตนเป็นราชาปีศาจสะกดปีศาจตนอื่น ๆ ให้ทำลายล้างแดนมนุษย์ แต่กระนั้นปรมาจารย์หยินหยางก็สามารถปกป้องชาวประชาเอาไว้ได้โดยสร้างอาวุธอันทรงพลังขึ้นมา ‘กระบี่ถูซาน’ เหล่าปรมาจารย์สังหารเซี่ยงหลิ่วและขับไล่ปีศาจทุกตน นับแต่นั้นมามนุษย์และปีศาจจึงมิอาจอยู่ร่วมแผ่นดินกันได้อีกต่างฝ่ายต่างอยู่ในดินแดนของตน หลายร้อยปีให้หลัง ฉิงหมิง ปรมาจารย์หนุ่มผู้มีสายเลือดครึ่งปีศาจถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศสังหารศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักเพื่อโขมย ศิลาเกล็ด ที่ผนึกจิตวิญญาณของปีศาจเซี่ยงหลิ่วเอาไว้เขาถูกบีบคั้นให้หนีไปเร้นกายในที่ลับคนรายล้อมไปด้วยเหล่าบริวาร 7 ปีให้หลัง ฉิงหมิง สัมผัสได้ถึงพลังของอสรพิษเซี่ยงหลิ่วอีกครั้งมันพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฉิงหมิงยอมสืบทอดสายเลือดปีศาจของมันเสีย นั่นทำให้เขาต้องเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อปลดผนึก กระบี่ถูซาน ในขณะเดียวกันเขาก็ถูกสำนักหยินหยางตามล่าตัวอีกคราและถูกใส่ความว่าโขมยศิลาเกล็ดเพื่อปลุกวิญญาณ เซี่ยงหลิ่ว สุดท้ายแล้วฉิงหมิงจะพิสูจน์ความจริงได้หรือไม่
ภาพยนตร์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์จากจีน
The Yin-Yang Master: Dream Of Eternity (หยิน หยาง ศึกมหาเวทย์สะท้านพิภพ: สู่ฝันอมตะ) ซึ่งได้รับการดัดแปลงมาจากผลงานนิยายแฟนตาซีระดับตำนานของญี่ปุ่นเรื่อง Onmyōji ของผู้ประพันธ์ บาคุ ยูเมะมาคุระ โดยถูกนำมาดัดแปลงแล้วหลากสไตล์หลายเวอร์ชั่นด้วยกัน อาทิ ภาพยนตร์ ซีรีส์ และเกมส์มือถือ นำแสดงโดยนักแสดงระดับแนวหน้าของจีนอย่าง มาร์ค จ้าว หรือเป็นที่รู้จักในบท เย่หัว จากซีรีส์ดัง สามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่ และ เติ้งหลุน หรือเป็นที่รู้จักในบท เฟิ่งหวง เทพสงครามวิหคเพลิง จากเรื่อง มธุรสหวานล้ำสลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง
เรื่องราวปีศาจร้ายที่โดนปลุก รีวิวหนังnetflix หยิน หยาง ศึกมหาเวทย์สะท้านพิภพ
เล่าเรื่องราวของ ชิงหมิง (จ้าวโหย่วถิง) ปรมาจารย์จอมเวทย์หยินหยางที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ของตัวเอง ให้เดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อร่วมพิธีแห่งสวรรค์ในการกำจัดปีศาจงูที่กำลังจะตื่นขึ้นอีกทีครั้งหลังจากที่มันหลับใหลไปยาวนานกว่า 300 ปี อย่างไรก็ตามชิงหมิงได้พบกับเหล่าปรมาจารย์อีก 3 คนประกอบไปด้วย จอมยุทธ์ป๋อหยา (เติ้งหลุน) พร้อมด้วย ปรมาจารย์หนานเจียง (เจสซี่ ลี) และ ปรมาจารย์เหอโชว (หวังตั๋ว) ซึ่งทั้งสี่คนได้ร่วมออกล่าปีศาจและพักอยู่ในหอดูดาว แต่ไม่นานนักหนึ่งในปรมาจารย์กลับถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ และคาดการณ์กันว่าปีศาจร้ายที่หลบซ่อนตัว มีแผนที่จะเล่นงานองค์จักรพรรดินีและองค์หญิง ทำให้ทั้งสี่ต้องสืบหาความจริงก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะดูเป็นหนังแฟนตาซีดินแดนในจินตนาการก็ตาม แต่ความเป็นจริงแล้วนี่คือหนังสืบสวนสอบสวนตามล่าหาตัวฆาตกรที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในหมู่พวกเรา โดยมีวิชาอาคมคอยปกปิดอำพรางตัวตนของตัวเองไว้ แม้ว่าบทสรุปจะไม่ได้ยากต่อการคาดเดา แต่เมื่อหนังเฉลยเหตุผลออกมาก็เล่นเอาจุกและอาจจะทำให้สาวๆผู้มีรักแท้ในหัวใจอาจจะน้ำตาร่วงไปตามๆกันเลยก็ได้อย่างไร ก็ตามดูเหมือนว่าเคมีระหว่างชิงหมิงและป๋อหย่า อาจจะดูเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนชาย ที่ดูมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน มีความห่วงหาอาทรกันอยู่ลึกๆจนแอบทำให้คนดูรู้สึกจิ้นตามได้ แม้จะไม่ได้เป็นวายแบบตรงๆก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่าเคมีสองคนนี้ลงตัวกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ใช่ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่มีจุดด้อย รีวิวหนังnetflix หยิน หยาง ศึกมหาเวทย์สะท้านพิภพ
เพราะท่ามกลางความสนุกแบบจัดเต็ม ฉากซีจีอลังการ ปฏิเสธไม่ได้อยู่เหมือนกันว่าบทค่อนข้างเบาหวิวและอ่อนยวบยาบอยู่เหมือนกัน มีใครรู้สึกไหมว่าการทำภารกิจตามหาปีศาจของเหล่าปรมาจารย์นั้นดูชิวมาก แถมกว่าจะแต่งองค์ทรงเครื่องกันเสร็จก็กินเวลาทำงานกันไปน่าจะหลายชั่วโมง (แต่ต้องหล่อต้องสวยกันก่อนทำงานสินะ) เผลอๆชุดของพวกเขานี่แหละจะทำให้เหยียบชายผ้าแล้วหัวทิ่มตายกันไปก่อน ยังไม่รวมไปถึงการที่คนร้ายตัวจริงอุบความลับแบบไม่เนียนและโป๊ะแตกแบบง่ายๆ จนเราก็แอบขำอยู่เหมือนกันว่าถ้ายกความแฟนตาซีทิ้งไป The Yinyang Master Dream Of Eternity บทหนังเองก็หลวมโพรกอยู่เหมือนกัน
เล่าเรื่องราวของ ฉิงหมิง ปรมาจารย์หยินหยางที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ของ ให้เดินทางไปยังเมืองหลวงก็เข้าร่วมพิธีบูชาสวรรค์ มอบพลังให้กับสัตว์วิเศษ และปราบปีศาจอสรพิษ ที่กำลังจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหลับไหลไปนานกว่า 300 ปี ซึ่งแม้ว่าเขาจะมีความเก่งกาจในการใช้เวทย์มากแค่ไหนก็ตาม แต่ยังมีอยู่เวทย์หนึ่งที่เขาไม่สามารถฝึกสำเร็จ ก็คือเวทมนตร์ป้องกัน ซึ่งอาจารย์ของเขาได้ย้ำนักย้ำหนาว่า สุดยอดเวทย์มนต์ที่ต้องฝึกให้ได้
ฉิงหมิงได้พบกับเหล่าสุดยอดปรมาจารย์สามทิศ 3 คนประกอบไปด้วย ปรมาจารย์ป๋อหยา นักปราบปีศาจผู้ไม่ อะลุ่มอล่วยให้ปีศาจแต่อย่างใด ปรมาจารย์หนานเจียง นักปราบปีศาจสาวสวย และ ปรมาจารย์เหอโชว นักปราบปีศาจผู้ชรา แต่ไม่ทันจะได้ทำพิธีบูชาสวรรค์ และไม่ได้ปราบปีศาจ ปรมาจารย์เหอโชว กลับเสียชีวิต ด้วยพลังแห่งปีศาจเกศา ที่แฝงตัวอยู่ในวังหลวง
ดังนั้นปรมาจารย์ทั้ง 3 คน ได้ร่วมมือกับจอมเวทแห่งวังหลวงเฮ่อโส่วเยว่ ให้สืบคดีฆาตกรรม โดยมีองค์หญิงฟางเยว่เป็นผู้ควบคุม ไปพร้อม ๆ กับการแยกย้ายไปปราบปีศาจ เพื่อไปดึงพลังปีศาจไปมอบให้กับรูปปั้นสัตว์พิเศษ ที่ทำหน้าที่ควบคุมร่างของปีศาจ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในใครคนหนึ่งในวังหลวงนี้
แต่แล้วเรื่องราวก็มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีการฆาตกรรมในวังหลวงเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง แล้วมันคือฝีมือของปีศาจ ซึ่งแน่นอนว่าภายในวังหลวงจะต้องปีศาจแฝงตัวมา ฉิงหมิง จะต้องใช้ความสามารถของเขาในการสืบหาให้ได้ว่า ผู้หญิงก็หาทั้งหมดคือใคร ปีศาจอสรพิษที่น่าเกรงขามที่สุดนั้นถูกขังไว้ในร่างของใคร สามารถติดตามรับชมได้ในเฟซเลยครับ
หยินหยาง ศึกมหาเวทสะท้านพิภพ: สู่ฝันอมตะ ฉบับเวอร์ชั่นสัญชาติจีนนี้ได้สร้างมาจากงานวรรณกรนมสุดคลาสสิกของญี่ปุ่น เรื่อง องเมียวจิ Onmyōji โดยมีหัวใจสำคัญของเรื่องก็คือการสืบหาคดีฆาตกรรมภายในวังหลวง ไปพร้อมๆกับการยับยั้งปีศาจอสรพิษ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจที่ดุร้ายที่สุด ไม่ให้ออกมาทำร้ายผู้คน และแน่นอนว่าก็ต้องสอดแทรกเรื่องราวของความรัก ที่ไม่สมหวังอันเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการ ขับเคลื่อนเรื่องราวจนไปถึงโศกนาฏกรรมในที่สุด ดังนั้นอารมณ์โดยรวมของหนังจึงไม่ได้ออกมาสู้หรือออกมาไล่ล่าฆ่าปีศาจเพียงอย่างเดียว ยังสอดแทรกปรัชญาเกี่ยวกับเรื่องความรัก ความผูกพัน การยึดมั่นถือมั่นจากการมีชีวิตอมตะ และรวมถึงการพลัดพรากเอาไว้ด้วย ดังนั้นหากใครคิดว่าจะดูเอามันเพียงอย่างเดียว ผมเชื่อว่าน่าจะมีผิดหวังกันบ้างล่ะครับ
ดังนั้นเมื่อชมหนังเรื่องนี้แล้วก็จะเกิดความรู้สึก 2 อารมณ์ด้วยกันคือบทที่เขาจะทำให้สนุกก็สนุกมากๆ ฉากที่เขาต่อสู้ก็ทำได้แบบตื่นตาตื่นใจแต่บทอารมณ์จะดึงช้าหรือดึงเศร้าก็ทำออกมาซะจนแบบว่าทำให้หาวนอน
สิ่งที่เราสะดุดตามากที่สุดจากการชมก็คือคอมพิวเตอร์กราฟิกของหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดีมาก
ตระการตาดีมาก ไม่ว่าจะเป็นฉากเหินเดินอากาศ งูยักษ์โจมตีเมืองทำได้ค่อนข้างเนียนไม่ขัดตา แต่อย่างไรก็ตามในความรู้สึกส่วนตัวของผมกับรู้สึกว่าบางทีมันเยอะมากเกินไปหน่อย และการใช้เวทมนตร์แต่ละครั้งก็ทำให้อดคิดถึงเวทมนตร์ของ Dr. strange ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการย้ายสิ่งของไปมา การเปิดประตู ไปยังที่ต่างๆ หรือแม้แต่รูปร่างหน้าตาของเวทมนตร์ ไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่า ได้รับอิทธิพลมาจาก Dr. strange เต็ม ๆ
แต่สิ่งที่ดูแล้วรู้สึกอึดอัดและค่อนข้างออกไปทางรำคาญก็คือ ความเชื่องช้าอืดอาดของตัวละคร กว่าจะเดินเหินได้แต่ละครั้งก็ slowmtion ไปมา กินเวลาไปหลายนะวิ การแต่งตัวของตัวละครก็ทำออกมา จะเน้นจนเสมือนว่านั่นคือประเด็นสำคัญ และหลายครั้งในฉากการต่อสู้ แม้ภาพจะสวยงามแต่ก็ดึง slowmtion เข้าไปอีก ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยลื่นไหลเท่าที่ควร
สิ่งหนึ่งที่ดูแล้วสามารถรู้สึกได้เลยโดยไม่ต้องมีแนวคิดว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบอะไรทำนองนี้ก็ตามก็คือ หนังเขาใส่ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตัวละคร คือปรมาจารย์ฉิงหมิง กับปรมจารย์ป๋อหยา อย่างลึกซึ้ง ที่ทั้งสองคนเจอกันได้ไม่นาน การสร้างสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็วแบบสุดๆ แรก ๆ ก็สู้กัน จิกกัดกัน ไม่ไว้วางใจกัน พูดจาเหน็บแนมกัน มีทัศนคติที่ไม่ตรงกัน ไม่ต่างกับพ่อแง่ แม่งอนพี่เอกนางเอกของละครนั่นแหละ สักพักก็รู้สึกมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นเหลือเกิน เป็นห่วงเป็นใยกันซะเหลือเกิน มีฉากเสียน้ำตาให้กันด้วยนะ ไม่รู้ว่าจะแน่นแฟ้นอะไรซะขนาดนั้น มันทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่า นี่มันเป็นคู่จิ้นชัด ๆ ใครเป็นสาวก แนวหนังหรือนิยายที่ไม่ สามารถอธิบายความสัมพันธ์ได้แบบ ชาย-ชาย หรือที่เขาเรียกกันว่า “วาย” รับรองว่าจิกหมอนดูเลยทีเดียว ยิ่งตอนจบด้วยนะโอ้โห จะอะไรขนาดนั้น สำหรับประเด็นนี้แล้วส่วนตัวผม อาจจะไม่ได้ติดใจอะไรมากนักแต่ถ้าใครมาแนวอนุรักษ์นิยม หรือใครเคยได้ชม ภาพยนตร์เรื่องนี้หรืออ่านนวนิยายเรื่องนี้ในเวอร์ชั่นต้นฉบับ ก็คงจะแปลกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่น่าจะได้เน้นประเด็นนี้ออกมาชัดเจนขนาดนี้